วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ปัญญาพุทธ อวิชชาแห่งเอไอ และภาวะผู้นำระดับโลก

 


วิเคราะห์วิสัยทัศน์ชาวพุทธสำหรับอนาคต: การปลูกปัญญาและความเป็นอยู่ที่ดีในยุคเอไอ

(Cultivating Wisdom and Well-being in the AI Era: A Buddhist Vision for the Future)

บทคัดย่อ

บทความนี้นำเสนอการวิเคราะห์บทบาทและวิวัฒนาการขององค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) ในวาระครบ 75 ปี โดยมุ่งศึกษาว่าพุทธศาสนาและชุมชนชาวพุทธสามารถตอบสนองต่อความท้าทายในยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้อย่างไร ผ่านการเทียบเปรียบมิติ “ปัญญา–อวิชชา” ในพระพุทธศาสนากับมิติ “ข้อมูล–อัลกอริทึม” ของสังคมดิจิทัล นอกจากนี้ยังวิเคราะห์กรณี “Statecraft State Model” ของดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ เพื่อชี้ให้เห็นว่าการปฏิรูปอนาคตของรัฐจำเป็นต้องมี “ทุนทางปัญญาเชิงพุทธ” เป็นฐาน การศึกษานี้จึงเสนอแนวทางว่า พ.ส.ล. ควรยกระดับบทบาทจากองค์กรชาวพุทธสากล สู่การเป็น “ผู้นำปัญญาโลก” ที่สามารถปลูกปัญญา–ขจัดอวิชชา พร้อมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีในโลกยุค AI


1. บทนำ

ศตวรรษที่ 21 คือยุคเปลี่ยนผ่านจากสังคมอุตสาหกรรมสู่ “สังคมฐานข้อมูล” ซึ่ง AI, Big Data, อัลกอริทึม และสื่อดิจิทัล มีอิทธิพลต่อการรับรู้ของมนุษย์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความจริง (truth) ถูกแทนที่ด้วย “ความนิยมที่อัลกอริทึมเลือกให้เห็น” (algorithmic visibility) นำไปสู่ปรากฏการณ์ “อวิชชาแบบใหม่ (new ignorance)” เช่น

  • ข้อมูลล้นเกิน (information overload)

  • ข่าวปลอมและมายาคติออนไลน์

  • ความกลัวถูกครอบงำโดยระบบแนะนำข้อมูล (echo chambers)

ในบริบทนี้ ศาสนาที่เน้น “การกำจัดอวิชชา” เช่น พระพุทธศาสนา จึงกลับมามีความสำคัญยิ่งต่อมนุษยชาติ โดยเฉพาะองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) ซึ่งมีอายุครบ 75 ปี และได้รับเชิญให้จัดสัมมนาเรื่อง
“การปลูกปัญญาและความเป็นอยู่ที่ดีในยุคเอไอ: วิสัยทัศน์ชาวพุทธสำหรับอนาคต”
จึงสะท้อนความคาดหวังของประชาคมโลกว่าพุทธศาสนาจะมีบทบาทนำในยุคเทคโนโลยี


2. ความเป็นมาและพัฒนาการของ พ.ส.ล. ตลอด 75 ปี

พ.ส.ล. ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2493 ที่กรุงโคลัมโบ ตั้งเป้าเป็น “ศูนย์รวมความสามัคคีของชาวพุทธโลก” ปัจจุบันประกอบด้วยสมาชิกจาก 40+ ประเทศ งานสำคัญ ได้แก่

  • การประชุมชาวพุทธโลก

  • การประสานงานพระธรรมจาริกในพื้นที่สูง เช่น อ.กัลยาณิวัฒนา

  • เวทีปาฐกถาระดับสากล เช่น ประธาน พ.ส.ล. กล่าวที่คาซัคสถาน หัวข้อ “Meditation: A Solution to the Global Crises”

ความต่อเนื่องและความหลากหลายของภารกิจสะท้อนสถานะ พ.ส.ล. ในฐานะ “องค์กรชาวพุทธนานาชาติที่มีบทบาททางสันติภาพโลก”


3. ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางถาวรของ พ.ส.ล.

การย้ายสำนักงานใหญ่ พ.ส.ล. มายังประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2512 มีความหมายเชิงสัญลักษณ์เทียบเท่ากับบทบาท “นิวยอร์กของสหประชาชาติ” เหตุผลสำคัญ ได้แก่

  • ไทยมีเสถียรภาพทางพระพุทธศาสนา

  • พระมหากษัตริย์ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก

  • คณะสงฆ์ไทยมีระบบการศึกษาที่มั่นคง

  • ไทยเป็นผู้นำด้านการปฏิบัติวิปัสสนา (Theravada Insight Meditation)

ทั้งนี้ ไทยยังมีบุคคลสำคัญ เช่น พระสงฆ์นักวิปัสสนา ผู้ทรงปัญญา นักวิชาการ และผู้นำทางศาสนารุ่นใหม่ ซึ่งช่วยเสริมศักยภาพ พ.ส.ล. ให้เป็น “ศูนย์กลางแห่งองค์ความรู้เชิงพุทธของโลก”


4. ปัญหาเชิงสังคม–ศาสนา และความคาดหวังจากชาวพุทธโลกในยุคเอไอ

4.1 อวิชชารูปแบบใหม่

โลกยุคดิจิทัลทำให้เกิดอวิชชาประเภทใหม่ เช่น

  • ความสับสนจากข้อมูลท่วมท้น

  • การหลงเชื่อข่าวปลอมและพิธีกรรมที่ผิดธรรม

  • ความหลงในความบันเทิง–วัตถุนิยม

  • การใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างลัทธิปลอม

4.2 ความคาดหวังต่อ พ.ส.ล.

ชาวพุทธต้องการเห็น พ.ส.ล. ทำหน้าที่
“สร้างวิชชา–ขจัดอวิชชา”
ผ่านการเผยแผ่ธรรมะที่ถูกต้อง สอดคล้องพระดำริสมเด็จพระสังฆราช ที่ทรงต้องการให้ไทยเป็น “ศูนย์กลางวิปัสสนากรรมฐานของโลก”


5. พ.ส.ล. กับบทบาทใหม่ในยุคเอไอ

5.1 พุทธศาสนาเชิงปัญญาในโลกดิจิทัล

  • ใช้ AI ตรวจสอบความถูกต้องของธรรมะ

  • พัฒนาฐานข้อมูลพระไตรปิฎกสากล

  • จัดทำสื่อธรรมะแบบหลายภาษา

5.2 ไทยในฐานะศูนย์กลางวิปัสสนาโลก

  • ตั้งสถาบันวิปัสสนานานาชาติ

  • ฝึกครูสอนวิปัสสนาแบบสากล

  • วิจัยผลลัพธ์เชิงประจักษ์ของการเจริญปัญญา

5.3 การทูตพุทธศาสนา (Buddhist Diplomacy)

  • ใช้พุทธธรรมเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

  • ส่งเสริมบทบาทไทยด้านสันติภาพโลก

  • สร้างเครือข่ายผู้นำศาสนา–เทคโนโลยีรุ่นใหม่


6. ข้อเสนอเชิงนโยบายต่อ พ.ส.ล. ในยุคเอไอ

  1. จัดตั้งสถาบันพุทธ–เอไอ (Buddhist-AI Institute)

  2. พัฒนามาตรฐานสื่อธรรมะแบบสากล

  3. สร้างแพลตฟอร์มวิปัสสนาออนไลน์หลายภาษา

  4. สนับสนุนพระธรรมจาริกด้วยเทคโนโลยีแปลภาษาและระบบเรียนรู้ชุมชน

  5. ความร่วมมือระดับโลก เช่น UNESCO และสหประชาชาติ


7. เชื่อมโยงมุมมอง “Statecraft State Model” กับพุทธปัญญา

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ เสนอโมเดล “รัฐรุ่นที่ 4 – Statecraft State” ซึ่งประกอบด้วย
Power × Principles × Participation × Foresight × AI Governance

สิ่งนี้สอดคล้องกับหลักพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง เพราะพุทธศาสนาเน้น

  • ปัญญา (wisdom) = foresight

  • ศีล (morality) = principles

  • สังฆะ (community) = participation

  • สติปัญญารู้เท่าทัน = AI Governance

  • การกำจัดอวิชชา = One-Truth Data System

ดังนั้น “รัฐที่ออกแบบด้วยปัญญา” ย่อมสอดคล้องกับ “ชุมชนชาวพุทธที่ปลูกปัญญาเชิงลึก” การปฏิรูปประเทศในทิศทาง Statecraft จึงต้องใช้ทุนทางปัญญาพุทธเป็นฐานสำคัญ


8. สรุป

ในวาระครบรอบ 75 ปีของ พ.ส.ล. โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค AI ที่เต็มไปด้วยอวิชชารูปแบบใหม่ซึ่งกระทบต่อสันติภาพ ความเป็นมนุษย์ และความมั่นคงของสังคมระดับโลก พ.ส.ล. จึงไม่อาจจำกัดบทบาทอยู่เพียงการประชุมหรือกิจกรรมเชิงศาสนาแบบดั้งเดิม แต่ต้องปรับตัวเป็น “องค์กรผู้นำทางปัญญาโลก” ที่บูรณาการพุทธธรรมเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่

บทความนี้เสนอว่า
พ.ส.ล. จะมีความหมายและคุณูปการสูงสุดต่อโลกก็ต่อเมื่อสามารถปลูกปัญญา–ขจัดอวิชชา และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษยชาติในยุค AI ได้อย่างแท้จริง
พร้อมทั้งสนองพระดำริสมเด็จพระสังฆราชในการผลักดันประเทศไทยให้เป็น “ศูนย์กลางวิปัสสนาโลก” และเป็นฐานสร้างสันติภาพเชิงปัญญาของมนุษยชาติในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นิยมโมเดล: แนวโน้มนโยบาย พปชร.คุ้มครองพระพุทธศาสนา ในการเลือกตั้งปี 2569

บทวิเคราะห์เชิงลึก: พลวัตและทิศทางนโยบายการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2569: กรณีศึกษาทัศนะแ...