
วิเคราะห์วิธีการขจัดความยากจนตามภูมิปัญญาไทย
(An Academic Analysis of Thai Indigenous Wisdom for Poverty Eradication)
บทคัดย่อ
บทความนี้มุ่งวิเคราะห์แนวทางการขจัดความยากจนผ่านกรอบ “ภูมิปัญญาไทย” โดยเชื่อมโยงกับบริบทเชิงนโยบายระดับชาติและระดับภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะการจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 14 (14th AMRDPE) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในเดือนธันวาคม 2568 การวิเคราะห์เน้นทั้งเชิงโครงสร้าง กลไกระดับชุมชน และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ยึดโยงวิถีชีวิตคนไทย เพื่อประเมินแนวทางที่ยั่งยืนในการลดความยากจนในชนบทไทยและภูมิภาคอาเซียน
1. บทนำ
ความยากจนถือเป็นปัญหาเชิงซ้อนที่มีความเกี่ยวพันทั้งมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะในภาคชนบทของไทยที่ยังมีความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้างอยู่ในหลายพื้นที่ การจัดประชุม 14th AMRDPE ระหว่างวันที่ 9–12 ธันวาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร จึงเป็นเวทีสำคัญในการบูรณาการนโยบายระดับอาเซียนเพื่อเสริมพลังชุมชนและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
ภายใต้แนวคิด
“ขับเคลื่อนการพัฒนาชนบทอย่างทั่วถึง ด้วยนวัตกรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการเสริมพลังชุมชน เพื่อการขจัดความยากจนอย่างยั่งยืนในอาเซียน”
สอดคล้องอย่างยิ่งกับองค์ความรู้ “ภูมิปัญญาไทย” ซึ่งคือฐานคิดในการพึ่งพาตนเอง ความสัมพันธ์ระหว่างคน–ชุมชน–ธรรมชาติ และการผสมผสานวิถีดั้งเดิมกับนวัตกรรมสมัยใหม่
2. บริบทการประชุมอาเซียนและบทบาทของประเทศไทย
การประชุมในครั้งนี้จัดขึ้นโดยกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยประสานงานหลักด้านการพัฒนาชนบทและการขจัดความยากจนของอาเซียน (SOMRDPE Thailand) โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส (22nd SOMRDPE) จนถึงระดับรัฐมนตรี
สาระสำคัญของการประชุมประกอบด้วย:
-
เวทีเสวนาความร่วมมือภาครัฐ–เอกชน–ประชาชน (PPPP Forum)
-
การประชุมเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียน (AVN)
-
เวทีระดับอาวุโส (SOMRDPE/SOMRDPE+3)
-
การประชุมรัฐมนตรี 14th AMRDPE และการลงพื้นที่ศึกษาดูงาน
วัตถุประสงค์สำคัญคือการสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อผลักดันรูปธรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในชนบทให้ยั่งยืนและสอดคล้องกับบริบทของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน
3. แนวคิดภูมิปัญญาไทยเกี่ยวกับการขจัดความยากจน
ภูมิปัญญาไทยเป็นองค์ความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ การสังเกต และการเรียนรู้ของชุมชนไทยมาช้านาน ประกอบด้วยหลักสำคัญ 4 ด้านที่มีศักยภาพในการแก้ปัญหาความยากจน ได้แก่:
3.1 เศรษฐกิจพอเพียง
มุ่งสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ทางเศรษฐกิจและสังคม โดยยึดหลัก:
-
ความพอประมาณ
-
ความมีเหตุผล
-
การสร้างภูมิคุ้มกัน
-
ความรู้และคุณธรรมเป็นฐาน
แนวคิดนี้ช่วยลดหนี้สิน ลดความเสี่ยง และเพิ่มเสถียรภาพของครัวเรือน
3.2 ระบบเครือญาติและชุมชนเข้มแข็ง
ไทยมีโครงสร้างสังคมแบบเครือญาติและชุมชนเป็นฐานซึ่งสนับสนุนการช่วยเหลือเกื้อกูล (mutual aid) เช่น
-
กลุ่มออมทรัพย์
-
วิสาหกิจชุมชน
-
กลุ่มเกษตรกร
-
กลุ่มแม่บ้าน
โมเดลเหล่านี้เป็นกลไกทางสังคมที่สร้างทุนชุมชนและลดการพึ่งพาระบบเงินทุนจากภายนอก
3.3 องค์ความรู้ด้านเกษตรกรรมดั้งเดิมและเกษตรผสมผสาน
ประกอบด้วยความรู้ด้าน:
-
การจัดการน้ำ
-
การปลูกพืชหลายชนิด
-
การรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ
ระบบเกษตรกรรมแบบผสมผสานช่วยให้ครัวเรือนมีรายได้หลายช่องทาง ลดความเสี่ยงจากพืชเชิงเดี่ยว
3.4 ภูมิปัญญาด้านศิลปหัตถกรรม
หลายชุมชนมีทักษะพื้นถิ่น เช่น
-
ผ้าทอ
-
เครื่องจักสาน
-
งานไม้
-
งานเครื่องปั้น
ซึ่งสามารถต่อยอดสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์และการท่องเที่ยวชุมชนได้
4. วิเคราะห์แนวทางขจัดความยากจนเชิงนโยบายผ่านภูมิปัญญาไทย
เพื่อให้ไทยและอาเซียนสามารถลดความยากจนอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องบูรณาการภูมิปัญญาไทยเข้ากับนโยบายสมัยใหม่ ดังนี้:
4.1 การเสริมพลังชุมชน (Community Empowerment)
การมีส่วนร่วมของประชาชนตั้งแต่การวางแผนจนถึงการติดตามประเมินผลช่วยให้แนวทางแก้ปัญหาสอดคล้องกับบริบทจริง ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างศูนย์กลาง–ท้องถิ่น
4.2 นวัตกรรมที่ยึดโยงกับภูมิปัญญาท้องถิ่น
เช่น:
-
แพลตฟอร์มตลาดออนไลน์สินค้าชุมชน
-
เทคโนโลยีจัดการน้ำแบบประยุกต์
-
ระบบข้อมูลเพื่อพัฒนาหมู่บ้านอัจฉริยะชนบท
นวัตกรรมที่ตั้งอยู่บนฐานภูมิปัญญาจะเพิ่มประสิทธิภาพและขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ
4.3 โครงสร้างสนับสนุนระดับอาเซียน
กรอบประชุมระดับรัฐมนตรีช่วยสร้าง:
-
ระบบแลกเปลี่ยนองค์ความรู้
-
เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนอาเซียน
-
โครงการพัฒนาชนบทข้ามพรมแดน
ซึ่งจะเพิ่มอำนาจต่อรองของชุมชนในตลาดใหม่ๆ
4.4 กลไกติดตามและประเมินผลที่เป็นรูปธรรม
การรับรองเอกสารจาก AVN, PPPP Forum, SOMRDPE ทำให้เกิดกรอบการทำงานที่มีมาตรฐานเดียวกันทั่วอาเซียน ช่วยให้ไทยสามารถวัดผลความสำเร็จได้อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง
5. ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการขจัดความยากจนอย่างยั่งยืน
จากการวิเคราะห์เชิงวิชาการ บทความนี้เสนอแนวทางดังต่อไปนี้:
-
จัดตั้ง “ศูนย์ภูมิปัญญาเพื่อพัฒนาชนบท ASEAN” เพื่อรวบรวม อบรม และถ่ายทอดความรู้ท้องถิ่น
-
ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนฐานวัฒนธรรมชุมชน
-
สนับสนุนวิสาหกิจชุมชนและเศรษฐกิจท้องถิ่นรัมมองตลาดระดับอาเซียน
-
ยกระดับเกษตรกรรมผสมผสานด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
-
พัฒนาเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียน (AVN) ให้เป็นฐานข้อมูลวิจัยความยากจนในภูมิภาค
-
ผลักดันการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนแบบ PPPP (Public–Private–People Partnership)
-
ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ (evidence-based policy) เพื่อการขับเคลื่อนนโยบายชนบท
6. สรุป
การขจัดความยากจนตามภูมิปัญญาไทยมิใช่เพียงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่เป็นกระบวนการฟื้นพลังชุมชน สร้างความมั่นคงทางสังคม และเสริมสร้างอัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่น การเป็นเจ้าภาพจัดประชุม 14th AMRDPE ช่วยให้ประเทศไทยสามารถแสดงศักยภาพด้านองค์ความรู้ท้องถิ่นสู่ระดับอาเซียน และสร้างความร่วมมือเพื่อความยั่งยืนในภูมิภาค
ด้วยการบูรณาการนวัตกรรม ภูมิปัญญา และการมีส่วนร่วมของชุมชน จึงสามารถก้าวสู่เป้าหมายสำคัญคือ
“การขจัดความยากจนอย่างยั่งยืนในชนบทไทยและอาเซียน”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น