วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานทะเลเวียดนาม: ผลกระทบต่อภูมิภาค

 


วิเคราะห์เวียดนามเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทะเลชุดใหญ่ในจังหวัดเกียนยางเชื่อมเส้นทางฮาเตียน–ฟู้ก๊วกที่ส่งผลกระทบต่อไทยและกัมพูชา

บทนำ

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เวียดนามเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ โดยเฉพาะโครงข่ายทางทะเลอย่างต่อเนื่องเพื่อตอกย้ำสถานะประเทศมหาอำนาจด้านการคมนาคมของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทะเลในจังหวัดเกียนยาง (Kien Giang) โดยเฉพาะการเชื่อมเส้นทางระหว่างเมืองชายแดน ฮาเตียน (Ha Tien) กับ เกาะฟู้ก๊วก (Phu Quoc) ถือเป็นการจัดระเบียบโครงสร้างด้านยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้ช่องทางออกสู่อ่าวไทย และมีความสัมพันธ์เชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อนต่อทั้งกัมพูชาและไทย

ขณะเดียวกัน กัมพูชากำลังเร่งโครงการขุด คลองฟูนัน–เตโช (Funan–Techo Canal) มูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลดการพึ่งพาระบบลำน้ำและท่าเรือในเวียดนาม ซึ่งสะท้อนการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ในอนุภูมิภาคที่ทวีความเข้มข้นมากขึ้น โครงสร้างพื้นฐานทั้งสองฝั่งจึงกลายเป็นตัวเร่งให้ลุ่มน้ำโขงก้าวสู่ “สนามแข่งขันโลจิสติกส์ครั้งใหม่” ของอาเซียน


พัฒนาการของโครงสร้างพื้นฐานทางทะเลของเวียดนามในจังหวัดเกียนยาง

1. ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของเกียนยาง

จังหวัดเกียนยางอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเวียดนาม มีพรมแดนติดกัมพูชาและมีชายฝั่งยาวกว่า 200 กิโลเมตร พื้นที่นี้เป็น “ประตูออกทะเล” สู่เส้นทางเดินเรือในอ่าวไทยและเส้นทางการค้าสู่สิงคโปร์–ช่องแคบมะละกา การพัฒนาเกียนยางจึงไม่ใช่เพียงเศรษฐกิจท้องถิ่น แต่เป็นการวางตำแหน่งเวียดนามในห่วงโซ่โลจิสติกส์ระดับภูมิภาค

2. โครงการเชื่อมเส้นทางฮาเตียน–ฟู้ก๊วก

โครงการที่โดดเด่นประกอบด้วย

  • การพัฒนาท่าเรือเฟอร์รีและท่าเรือน้ำลึก

  • การสร้างระบบขนส่งทางถนนเชื่อมเมืองชายแดนฮาเตียนกับท่าเรือฟู้ก๊วก

  • การวางโครงสร้างสนับสนุนการท่องเที่ยว เกษตรทะเล และกิจกรรมการค้าใกล้ชายแดน

ผลลัพธ์คือ ฟู้ก๊วกซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษทางการท่องเที่ยวจะเชื่อมโยงกับแผ่นดินใหญ่ได้รวดเร็วขึ้น และช่วยให้เวียดนามสามารถควบคุมเส้นทางการค้าทางทะเลใกล้ชายแดนกัมพูชาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. บทบาทของเวียดนามในฐานะศูนย์กลางโลจิสติกส์ใหม่ของลุ่มน้ำโขง

เวียดนามมีท่าทีชัดเจนในการผลักดันตนเองเป็นศูนย์กลางคมนาคมทางทะเล โดยใช้จุดแข็งด้านชายฝั่งทะเลยาวและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ท่าเรือกายเมป–ธีไว (Cai Mep–Thi Vai) และท่าเรือไฮฟอง การเสริมเกียนยางเข้ามาจึงเป็นการปิดช่องว่างด้านการเชื่อมโยงตะวันตกของประเทศ


ผลกระทบต่อกัมพูชา

1. ความกังวลเรื่องการเข้าถึงทะเล

แม้กัมพูชาจะมีชายฝั่งติดทะเล แต่พื้นที่ท่าเรือสำคัญ เช่น สีหนุวิลล์ ยังพึ่งพาเส้นทางขนส่งผ่านเวียดนามในบางห่วงโซ่โลจิสติกส์ การขยายบทบาทของเวียดนามบริเวณเกียนยางอาจทำให้กัมพูชากังวลว่า

  • ช่องทางการออกสู่ทะเลของตนในพื้นที่ใกล้ชายแดนเวียดนามอาจถูกจำกัดโดยโครงสร้างพื้นฐานใหม่

  • เวียดนามอาจมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นต่อเส้นทางการค้าทางน้ำของกัมพูชา

2. คลองฟูนัน–เตโช: คำตอบเชิงยุทธศาสตร์ของกัมพูชา

โครงการคลองฟูนัน–เตโช มูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ เป็นความพยายามของกัมพูชาในการ

  • ลดการพึ่งพาเส้นทางน้ำผ่านเวียดนาม

  • เปิดทางเรือจากแม่น้ำโขงออกสู่อ่าวไทยโดยไม่ต้องผ่านดินแดนเวียดนาม

  • สร้างเส้นทางโลจิสติกส์ใหม่เพื่อดึงดูดการลงทุนด้านท่าเรือและอุตสาหกรรม

ดังนั้น การเร่งขุดคลองจึงสะท้อนการแข่งขันเชิงเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ที่กำลังขยายตัวในลุ่มน้ำโขง


ผลกระทบต่อไทย

1. โอกาสและความท้าทายในฐานะประเทศร่วมอ่าวไทย

ไทยตั้งอยู่ใกล้พื้นที่ยุทธศาสตร์ดังกล่าวโดยตรง การขยายโครงสร้างพื้นฐานของเวียดนามอาจทำให้

  • การแข่งขันด้านท่าเรือในอ่าวไทยเข้มข้นขึ้น

  • เส้นทางท่องเที่ยวและโลจิสติกส์สู่เกาะฟู้ก๊วกดึงเม็ดเงินท่องเที่ยวจากตลาดเดียวกับไทย เช่น นักท่องเที่ยวจีนและเกาหลี

อย่างไรก็ตาม ไทยสามารถใช้โอกาสนี้ในการ

  • สร้างเชื่อมโยงเศรษฐกิจข้ามแดนไทย–กัมพูชา–เวียดนาม

  • ส่งเสริมท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังและท่าเรือปากบารา (หากเกิดขึ้นจริงในอนาคต)

2. ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานภูมิภาค

การที่เวียดนามเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอาจทำให้สินค้าบางประเภทเลือกใช้เส้นทางผ่านเวียดนามมากขึ้น เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าเกษตรแปรรูปที่ต้องการระยะเวลาขนส่งสั้น ส่งผลให้ไทยต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความสามารถแข่งขันของท่าเรือและระบบโลจิสติกส์ของตน


ความหมายในระดับภูมิภาค: ลุ่มน้ำโขงสู่สนามแข่งขันโลจิสติกส์ใหม่

ทั้งโครงการของเวียดนามและกัมพูชาต่างสะท้อนการปรับสมดุลอำนาจทางเศรษฐกิจในลุ่มน้ำโขง ซึ่งมีลักษณะดังนี้

  1. การแข่งขันเพื่อเป็นประตูสู่ทะเลของภูมิภาค
    แต่ละประเทศต้องการเป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมต่อการค้าออกสู่มหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก

  2. ภูมิรัฐศาสตร์กับภูมิยุทธศาสตร์ผสานกันอย่างแนบแน่น
    โครงสร้างพื้นฐานไม่ใช่เพียงเรื่องเศรษฐกิจ แต่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

  3. บทบาทของนักลงทุนต่างชาติ
    ทั้งจีน เวียดนาม และประเทศตะวันตกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงทุน ทำให้การแข่งขันมีมิติระหว่างประเทศมากขึ้น


สรุป

การเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทะเลในจังหวัดเกียนยางของเวียดนามเป็นทั้งยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์และการเสริมอำนาจทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะการเชื่อมเส้นทางฮาเตียน–ฟู้ก๊วกซึ่งตั้งอยู่ใกล้ปากทางออกสู่อ่าวไทย การเคลื่อนไหวนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกัมพูชา ซึ่งตอบโต้ด้วยโครงการคลองฟูนัน–เตโชเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองเชิงเศรษฐกิจและลดการพึ่งพาเวียดนาม ส่วนไทยจำเป็นต้องบริหารโอกาสและความท้าทายจากการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคที่กำลังปรับตัวอย่างรวดเร็ว

ท้ายที่สุด พื้นที่ลุ่มน้ำโขงกำลังเปลี่ยนจาก “ทางผ่านทางเศรษฐกิจ” ไปสู่ “สนามแข่งขันเชิงโครงสร้างพื้นฐาน” ที่ทุกประเทศต้องเร่งวางยุทธศาสตร์ระยะยาว เพื่อรักษาบทบาทและความสามารถในการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นิยมโมเดล: แนวโน้มนโยบาย พปชร.คุ้มครองพระพุทธศาสนา ในการเลือกตั้งปี 2569

บทวิเคราะห์เชิงลึก: พลวัตและทิศทางนโยบายการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2569: กรณีศึกษาทัศนะแ...