วิเคราะห์เวียดนามเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทะเลชุดใหญ่ในจังหวัดเกียนยางเชื่อมเส้นทางฮาเตียน–ฟู้ก๊วกที่ส่งผลกระทบต่อไทยและกัมพูชา
บทนำ
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เวียดนามเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ โดยเฉพาะโครงข่ายทางทะเลอย่างต่อเนื่องเพื่อตอกย้ำสถานะประเทศมหาอำนาจด้านการคมนาคมของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทะเลในจังหวัดเกียนยาง (Kien Giang) โดยเฉพาะการเชื่อมเส้นทางระหว่างเมืองชายแดน ฮาเตียน (Ha Tien) กับ เกาะฟู้ก๊วก (Phu Quoc) ถือเป็นการจัดระเบียบโครงสร้างด้านยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้ช่องทางออกสู่อ่าวไทย และมีความสัมพันธ์เชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อนต่อทั้งกัมพูชาและไทย
ขณะเดียวกัน กัมพูชากำลังเร่งโครงการขุด คลองฟูนัน–เตโช (Funan–Techo Canal) มูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลดการพึ่งพาระบบลำน้ำและท่าเรือในเวียดนาม ซึ่งสะท้อนการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ในอนุภูมิภาคที่ทวีความเข้มข้นมากขึ้น โครงสร้างพื้นฐานทั้งสองฝั่งจึงกลายเป็นตัวเร่งให้ลุ่มน้ำโขงก้าวสู่ “สนามแข่งขันโลจิสติกส์ครั้งใหม่” ของอาเซียน
พัฒนาการของโครงสร้างพื้นฐานทางทะเลของเวียดนามในจังหวัดเกียนยาง
1. ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของเกียนยาง
จังหวัดเกียนยางอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเวียดนาม มีพรมแดนติดกัมพูชาและมีชายฝั่งยาวกว่า 200 กิโลเมตร พื้นที่นี้เป็น “ประตูออกทะเล” สู่เส้นทางเดินเรือในอ่าวไทยและเส้นทางการค้าสู่สิงคโปร์–ช่องแคบมะละกา การพัฒนาเกียนยางจึงไม่ใช่เพียงเศรษฐกิจท้องถิ่น แต่เป็นการวางตำแหน่งเวียดนามในห่วงโซ่โลจิสติกส์ระดับภูมิภาค
2. โครงการเชื่อมเส้นทางฮาเตียน–ฟู้ก๊วก
โครงการที่โดดเด่นประกอบด้วย
-
การพัฒนาท่าเรือเฟอร์รีและท่าเรือน้ำลึก
-
การสร้างระบบขนส่งทางถนนเชื่อมเมืองชายแดนฮาเตียนกับท่าเรือฟู้ก๊วก
-
การวางโครงสร้างสนับสนุนการท่องเที่ยว เกษตรทะเล และกิจกรรมการค้าใกล้ชายแดน
ผลลัพธ์คือ ฟู้ก๊วกซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษทางการท่องเที่ยวจะเชื่อมโยงกับแผ่นดินใหญ่ได้รวดเร็วขึ้น และช่วยให้เวียดนามสามารถควบคุมเส้นทางการค้าทางทะเลใกล้ชายแดนกัมพูชาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. บทบาทของเวียดนามในฐานะศูนย์กลางโลจิสติกส์ใหม่ของลุ่มน้ำโขง
เวียดนามมีท่าทีชัดเจนในการผลักดันตนเองเป็นศูนย์กลางคมนาคมทางทะเล โดยใช้จุดแข็งด้านชายฝั่งทะเลยาวและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ท่าเรือกายเมป–ธีไว (Cai Mep–Thi Vai) และท่าเรือไฮฟอง การเสริมเกียนยางเข้ามาจึงเป็นการปิดช่องว่างด้านการเชื่อมโยงตะวันตกของประเทศ
ผลกระทบต่อกัมพูชา
1. ความกังวลเรื่องการเข้าถึงทะเล
แม้กัมพูชาจะมีชายฝั่งติดทะเล แต่พื้นที่ท่าเรือสำคัญ เช่น สีหนุวิลล์ ยังพึ่งพาเส้นทางขนส่งผ่านเวียดนามในบางห่วงโซ่โลจิสติกส์ การขยายบทบาทของเวียดนามบริเวณเกียนยางอาจทำให้กัมพูชากังวลว่า
-
ช่องทางการออกสู่ทะเลของตนในพื้นที่ใกล้ชายแดนเวียดนามอาจถูกจำกัดโดยโครงสร้างพื้นฐานใหม่
-
เวียดนามอาจมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นต่อเส้นทางการค้าทางน้ำของกัมพูชา
2. คลองฟูนัน–เตโช: คำตอบเชิงยุทธศาสตร์ของกัมพูชา
โครงการคลองฟูนัน–เตโช มูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ เป็นความพยายามของกัมพูชาในการ
-
ลดการพึ่งพาเส้นทางน้ำผ่านเวียดนาม
-
เปิดทางเรือจากแม่น้ำโขงออกสู่อ่าวไทยโดยไม่ต้องผ่านดินแดนเวียดนาม
-
สร้างเส้นทางโลจิสติกส์ใหม่เพื่อดึงดูดการลงทุนด้านท่าเรือและอุตสาหกรรม
ดังนั้น การเร่งขุดคลองจึงสะท้อนการแข่งขันเชิงเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ที่กำลังขยายตัวในลุ่มน้ำโขง
ผลกระทบต่อไทย
1. โอกาสและความท้าทายในฐานะประเทศร่วมอ่าวไทย
ไทยตั้งอยู่ใกล้พื้นที่ยุทธศาสตร์ดังกล่าวโดยตรง การขยายโครงสร้างพื้นฐานของเวียดนามอาจทำให้
-
การแข่งขันด้านท่าเรือในอ่าวไทยเข้มข้นขึ้น
-
เส้นทางท่องเที่ยวและโลจิสติกส์สู่เกาะฟู้ก๊วกดึงเม็ดเงินท่องเที่ยวจากตลาดเดียวกับไทย เช่น นักท่องเที่ยวจีนและเกาหลี
อย่างไรก็ตาม ไทยสามารถใช้โอกาสนี้ในการ
-
สร้างเชื่อมโยงเศรษฐกิจข้ามแดนไทย–กัมพูชา–เวียดนาม
-
ส่งเสริมท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังและท่าเรือปากบารา (หากเกิดขึ้นจริงในอนาคต)
2. ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานภูมิภาค
การที่เวียดนามเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอาจทำให้สินค้าบางประเภทเลือกใช้เส้นทางผ่านเวียดนามมากขึ้น เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าเกษตรแปรรูปที่ต้องการระยะเวลาขนส่งสั้น ส่งผลให้ไทยต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความสามารถแข่งขันของท่าเรือและระบบโลจิสติกส์ของตน
ความหมายในระดับภูมิภาค: ลุ่มน้ำโขงสู่สนามแข่งขันโลจิสติกส์ใหม่
ทั้งโครงการของเวียดนามและกัมพูชาต่างสะท้อนการปรับสมดุลอำนาจทางเศรษฐกิจในลุ่มน้ำโขง ซึ่งมีลักษณะดังนี้
-
การแข่งขันเพื่อเป็นประตูสู่ทะเลของภูมิภาค
แต่ละประเทศต้องการเป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมต่อการค้าออกสู่มหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก -
ภูมิรัฐศาสตร์กับภูมิยุทธศาสตร์ผสานกันอย่างแนบแน่น
โครงสร้างพื้นฐานไม่ใช่เพียงเรื่องเศรษฐกิจ แต่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ -
บทบาทของนักลงทุนต่างชาติ
ทั้งจีน เวียดนาม และประเทศตะวันตกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงทุน ทำให้การแข่งขันมีมิติระหว่างประเทศมากขึ้น
สรุป
การเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทะเลในจังหวัดเกียนยางของเวียดนามเป็นทั้งยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์และการเสริมอำนาจทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะการเชื่อมเส้นทางฮาเตียน–ฟู้ก๊วกซึ่งตั้งอยู่ใกล้ปากทางออกสู่อ่าวไทย การเคลื่อนไหวนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกัมพูชา ซึ่งตอบโต้ด้วยโครงการคลองฟูนัน–เตโชเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองเชิงเศรษฐกิจและลดการพึ่งพาเวียดนาม ส่วนไทยจำเป็นต้องบริหารโอกาสและความท้าทายจากการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคที่กำลังปรับตัวอย่างรวดเร็ว
ท้ายที่สุด พื้นที่ลุ่มน้ำโขงกำลังเปลี่ยนจาก “ทางผ่านทางเศรษฐกิจ” ไปสู่ “สนามแข่งขันเชิงโครงสร้างพื้นฐาน” ที่ทุกประเทศต้องเร่งวางยุทธศาสตร์ระยะยาว เพื่อรักษาบทบาทและความสามารถในการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น