วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

5 มิติความรับผิดชอบภัยพิบัติ: อุทกภัยหาดใหญ่

 

วิเคราะห์ความรับผิดชอบคราวเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมหาดใหญ่: ผู้ประสบภัย โค้ช ผู้จัดการ ผู้บริหาร ผู้นำ

(Academic Analysis on Responsibility Allocation During the Hatyai Flood Disaster)

บทนำ

อุทกภัยครั้งใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่เป็นภัยพิบัติที่เกิดซ้ำอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความซับซ้อนทางสังคมเมือง และความเปราะบางของระบบบริหารจัดการน้ำ ด้วยเหตุนี้ การวิเคราะห์ “ความรับผิดชอบ” ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจึงเป็นประเด็นสำคัญในการประเมินสมรรถนะของระบบการจัดการภัยพิบัติ และยกระดับความพร้อมรับมือในอนาคต

บทความนี้แบ่งกลุ่มผู้รับผิดชอบออกเป็น 5 มิติ ได้แก่

  1. ผู้ประสบภัย

  2. โค้ช (ผู้นำทีมภาคสนาม / ผู้ประสานงานระดับปฏิบัติการ)

  3. ผู้จัดการ (ผู้วางระบบในระดับหน่วยงาน)

  4. ผู้บริหาร (ผู้กำหนดนโยบายเชิงโครงสร้าง)

  5. ผู้นำ (ทางการเมือง สังคม และความคิด)

โดยใช้กรอบแนวคิดการจัดการภัยพิบัติ (Disaster Management Cycle) และความรับผิดชอบร่วม (Shared Responsibility) เป็นฐานวิเคราะห์


1. ความรับผิดชอบของ “ผู้ประสบภัย”: จากผู้ถูกกระทบสู่ผู้มีส่วนร่วม

แม้ว่าผู้ประสบภัยจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่พวกเขาก็มีบทบาทสำคัญใน 3 มิติ

1.1 ความพร้อมในระดับครอบครัว

  • การติดตามประกาศเตือนภัย

  • การจัดเตรียมเสบียง ยารักษาโรค เอกสารสำคัญ

  • การวางแผนอพยพล่วงหน้า
    สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “ชุมชนเข้มแข็ง” (Community Resilience)

1.2 ความร่วมมือกับหน่วยกู้ภัย

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

  • ให้ข้อมูลพื้นที่จริง เช่น จุดน้ำไหล จุดเสี่ยง
    ข้อมูลจากประชาชนช่วยเพิ่มความแม่นยำของแผนกู้ภัย

1.3 การฟื้นฟูตนเองภายหลังน้ำลด

  • การเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูชุมชน

  • การสนับสนุนกิจกรรมร่วมของชุมชน
    ช่วยให้การฟื้นฟูเมืองเป็นไปอย่างรวดเร็ว


2. ความรับผิดชอบของ “โค้ช”: ผู้นำทีมภาคสนามและผู้สร้างความเชื่อมั่นหน้างาน

คำว่า “โค้ช” ในบริบทภัยพิบัติหมายถึง

  • หัวหน้าทีมอาสา

  • ผู้นำชุดกู้ภัย

  • ผู้ประสานงานพื้นที่

หน้าที่หลักประกอบด้วย

2.1 การตัดสินใจอย่างมีข้อมูล

โค้ชต้องประเมินสถานการณ์จริงอย่างต่อเนื่อง เช่น

  • ระดับน้ำ

  • ความปลอดภัยของพื้นที่

  • ความพร้อมของอุปกรณ์

2.2 การนำทีมกู้ภัย

  • บริหารความเสี่ยงของทีม

  • รับผิดชอบต่อชีวิตผู้ประสบภัย

  • ปรับยุทธวิธีหน้างานให้เหมาะสม

โค้ชเป็น “ฟันเฟืองตัวแรก” ที่ทำให้ระบบกู้ภัยเดินได้

2.3 สื่อสารระหว่างพื้นที่กับส่วนกลาง

เพื่อนำไปสู่คำสั่งที่ถูกต้อง เช่น

  • ขอเรือเพิ่ม

  • ขอเส้นทางอพยพใหม่

  • แจ้งจุดอันตราย


3. ความรับผิดชอบของ “ผู้จัดการ”: ผู้กำกับทรัพยากรและระบบปฏิบัติการ

ผู้จัดการคือผู้ที่

  • จัดคน

  • จัดเครื่องมือ

  • วางระบบความปลอดภัย

  • เชื่อมหน่วยงานต่าง ๆ

3.1 การออกแบบระบบตอบสนองภัยพิบัติ

ผู้จัดการต้องวางระบบให้พร้อมก่อนเกิดเหตุ เช่น

  • ระบบเตือนภัย

  • แผนการอพยพ

  • ระบบบัญชาการเหตุการณ์ (ICS)

3.2 การบริหารทรัพยากรในสถานการณ์จริง

  • กระจายเรือท้องแบน

  • จัดสรรถุงยังชีพ

  • ควบคุมเส้นทางลำเลียง

  • ระดมอาสาสมัคร

3.3 ประสานงานข้ามองค์กร

เช่น

  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

  • เทศบาล

  • มูลนิธิเอกชน

  • เครือข่ายอาสาสมัคร

บทบาทนี้ทำให้ทีมกู้ภัยมีประสิทธิภาพสูงสุด


4. ความรับผิดชอบของ “ผู้บริหาร”: ผู้กำหนดนโยบายและโครงสร้างรองรับภัยพิบัติ

ผู้บริหารระดับจังหวัด/ชาติ คือผู้ที่สร้าง “สภาพแวดล้อมเชิงนโยบาย” ให้การช่วยเหลือราบรื่น

4.1 การลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐาน

  • การพัฒนาอุโมงค์ระบายน้ำ

  • ระบบคลองสาขา

  • ระบบสูบน้ำ
    ความรับผิดชอบนี้คือแก่นสำคัญในการป้องกันภัยซ้ำซาก

4.2 การจัดสรรงบประมาณและการกำกับตรวจสอบ

  • งบเพื่อเตรียมความพร้อม

  • งบเพื่อฟื้นฟูหลังภัย

  • การตรวจสอบความโปร่งใส

4.3 การบริหารความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์

ผู้บริหารต้อง

  • มองภาพใหญ่

  • รับผิดชอบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งหมด

  • รับมือผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และโครงสร้างเมือง


5. ความรับผิดชอบของ “ผู้นำ”: สร้างทิศทาง วัฒนธรรม และพลังร่วมของสังคม

ผู้นำในที่นี้รวมถึง

  • ผู้นำการเมือง

  • ผู้นำศาสนา

  • ปัญญาชน

  • ผู้นำชุมชน

  • สื่อมวลชนที่มีอิทธิพลต่อความคิดสาธารณะ

5.1 การสื่อสารที่สร้างความเชื่อมั่น

ผู้นำต้อง

  • พูดความจริง

  • สร้างพลังใจ

  • ไม่สร้างความตื่นตระหนก

5.2 การกำหนดทิศทางสังคมในระยะยาว

เช่น

  • ส่งเสริมเมืองที่พร้อมรับภัยพิบัติ

  • ปลูกวัฒนธรรม “เตรียมพร้อมคือความรับผิดชอบร่วมกัน”

  • สนับสนุนการเรียนรู้ด้านสภาพภูมิอากาศ

5.3 การสร้างความร่วมมือระดับประเทศ

ผู้นำสามารถเชื่อม

  • ภาครัฐ

  • ภาควิชาการ

  • ภาคประชาชน

  • ภาคธุรกิจ

เพื่อสร้างระบบรับมือภัยพิบัติที่เข้มแข็งกว่าที่ผ่านมา


สรุป: ความรับผิดชอบคือ “ความร่วมมือ” ไม่ใช่ “ความผิดของใครคนหนึ่ง”

ภัยพิบัติขนาดใหญ่เช่นน้ำท่วมหาดใหญ่ไม่สามารถรับมือได้ด้วยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง การแบ่งความรับผิดชอบอย่างเป็นระบบช่วยให้เห็นว่าแต่ละกลุ่มมีบทบาทแตกต่างกัน แต่ต้องทำงานประสานกันอย่างไร้รอยต่อ

  • ผู้ประสบภัย รับผิดชอบในการเตรียมตัวและร่วมมือ

  • โค้ช รับผิดชอบการนำทีมกู้ภัย

  • ผู้จัดการ รับผิดชอบระบบและทรัพยากร

  • ผู้บริหาร รับผิดชอบนโยบายและโครงสร้าง

  • ผู้นำ รับผิดชอบทิศทางและพลังความร่วมมือ

บทวิเคราะห์นี้ชี้ให้เห็นว่า การจัดการภัยพิบัติยุคใหม่ต้องอาศัยความรับผิดชอบร่วมแบบ “หลายระดับ” เพื่อให้การช่วยเหลือรวดเร็ว ลดความสูญเสีย และพัฒนาแนวทางที่ยั่งยืนในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นิยมโมเดล: แนวโน้มนโยบาย พปชร.คุ้มครองพระพุทธศาสนา ในการเลือกตั้งปี 2569

บทวิเคราะห์เชิงลึก: พลวัตและทิศทางนโยบายการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2569: กรณีศึกษาทัศนะแ...