วิเคราะห์ความรับผิดชอบคราวเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมหาดใหญ่: ผู้ประสบภัย โค้ช ผู้จัดการ ผู้บริหาร ผู้นำ
(Academic Analysis on Responsibility Allocation During the Hatyai Flood Disaster)
บทนำ
อุทกภัยครั้งใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่เป็นภัยพิบัติที่เกิดซ้ำอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความซับซ้อนทางสังคมเมือง และความเปราะบางของระบบบริหารจัดการน้ำ ด้วยเหตุนี้ การวิเคราะห์ “ความรับผิดชอบ” ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจึงเป็นประเด็นสำคัญในการประเมินสมรรถนะของระบบการจัดการภัยพิบัติ และยกระดับความพร้อมรับมือในอนาคต
บทความนี้แบ่งกลุ่มผู้รับผิดชอบออกเป็น 5 มิติ ได้แก่
-
ผู้ประสบภัย
-
โค้ช (ผู้นำทีมภาคสนาม / ผู้ประสานงานระดับปฏิบัติการ)
-
ผู้จัดการ (ผู้วางระบบในระดับหน่วยงาน)
-
ผู้บริหาร (ผู้กำหนดนโยบายเชิงโครงสร้าง)
-
ผู้นำ (ทางการเมือง สังคม และความคิด)
โดยใช้กรอบแนวคิดการจัดการภัยพิบัติ (Disaster Management Cycle) และความรับผิดชอบร่วม (Shared Responsibility) เป็นฐานวิเคราะห์
1. ความรับผิดชอบของ “ผู้ประสบภัย”: จากผู้ถูกกระทบสู่ผู้มีส่วนร่วม
แม้ว่าผู้ประสบภัยจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่พวกเขาก็มีบทบาทสำคัญใน 3 มิติ
1.1 ความพร้อมในระดับครอบครัว
-
การติดตามประกาศเตือนภัย
-
การจัดเตรียมเสบียง ยารักษาโรค เอกสารสำคัญ
-
การวางแผนอพยพล่วงหน้า
สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “ชุมชนเข้มแข็ง” (Community Resilience)
1.2 ความร่วมมือกับหน่วยกู้ภัย
-
ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
-
ให้ข้อมูลพื้นที่จริง เช่น จุดน้ำไหล จุดเสี่ยง
ข้อมูลจากประชาชนช่วยเพิ่มความแม่นยำของแผนกู้ภัย
1.3 การฟื้นฟูตนเองภายหลังน้ำลด
-
การเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูชุมชน
-
การสนับสนุนกิจกรรมร่วมของชุมชน
ช่วยให้การฟื้นฟูเมืองเป็นไปอย่างรวดเร็ว
2. ความรับผิดชอบของ “โค้ช”: ผู้นำทีมภาคสนามและผู้สร้างความเชื่อมั่นหน้างาน
คำว่า “โค้ช” ในบริบทภัยพิบัติหมายถึง
-
หัวหน้าทีมอาสา
-
ผู้นำชุดกู้ภัย
-
ผู้ประสานงานพื้นที่
หน้าที่หลักประกอบด้วย
2.1 การตัดสินใจอย่างมีข้อมูล
โค้ชต้องประเมินสถานการณ์จริงอย่างต่อเนื่อง เช่น
-
ระดับน้ำ
-
ความปลอดภัยของพื้นที่
-
ความพร้อมของอุปกรณ์
2.2 การนำทีมกู้ภัย
-
บริหารความเสี่ยงของทีม
-
รับผิดชอบต่อชีวิตผู้ประสบภัย
-
ปรับยุทธวิธีหน้างานให้เหมาะสม
โค้ชเป็น “ฟันเฟืองตัวแรก” ที่ทำให้ระบบกู้ภัยเดินได้
2.3 สื่อสารระหว่างพื้นที่กับส่วนกลาง
เพื่อนำไปสู่คำสั่งที่ถูกต้อง เช่น
-
ขอเรือเพิ่ม
-
ขอเส้นทางอพยพใหม่
-
แจ้งจุดอันตราย
3. ความรับผิดชอบของ “ผู้จัดการ”: ผู้กำกับทรัพยากรและระบบปฏิบัติการ
ผู้จัดการคือผู้ที่
-
จัดคน
-
จัดเครื่องมือ
-
วางระบบความปลอดภัย
-
เชื่อมหน่วยงานต่าง ๆ
3.1 การออกแบบระบบตอบสนองภัยพิบัติ
ผู้จัดการต้องวางระบบให้พร้อมก่อนเกิดเหตุ เช่น
-
ระบบเตือนภัย
-
แผนการอพยพ
-
ระบบบัญชาการเหตุการณ์ (ICS)
3.2 การบริหารทรัพยากรในสถานการณ์จริง
-
กระจายเรือท้องแบน
-
จัดสรรถุงยังชีพ
-
ควบคุมเส้นทางลำเลียง
-
ระดมอาสาสมัคร
3.3 ประสานงานข้ามองค์กร
เช่น
-
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
-
เทศบาล
-
มูลนิธิเอกชน
-
เครือข่ายอาสาสมัคร
บทบาทนี้ทำให้ทีมกู้ภัยมีประสิทธิภาพสูงสุด
4. ความรับผิดชอบของ “ผู้บริหาร”: ผู้กำหนดนโยบายและโครงสร้างรองรับภัยพิบัติ
ผู้บริหารระดับจังหวัด/ชาติ คือผู้ที่สร้าง “สภาพแวดล้อมเชิงนโยบาย” ให้การช่วยเหลือราบรื่น
4.1 การลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐาน
-
การพัฒนาอุโมงค์ระบายน้ำ
-
ระบบคลองสาขา
-
ระบบสูบน้ำ
ความรับผิดชอบนี้คือแก่นสำคัญในการป้องกันภัยซ้ำซาก
4.2 การจัดสรรงบประมาณและการกำกับตรวจสอบ
-
งบเพื่อเตรียมความพร้อม
-
งบเพื่อฟื้นฟูหลังภัย
-
การตรวจสอบความโปร่งใส
4.3 การบริหารความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์
ผู้บริหารต้อง
-
มองภาพใหญ่
-
รับผิดชอบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งหมด
-
รับมือผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และโครงสร้างเมือง
5. ความรับผิดชอบของ “ผู้นำ”: สร้างทิศทาง วัฒนธรรม และพลังร่วมของสังคม
ผู้นำในที่นี้รวมถึง
-
ผู้นำการเมือง
-
ผู้นำศาสนา
-
ปัญญาชน
-
ผู้นำชุมชน
-
สื่อมวลชนที่มีอิทธิพลต่อความคิดสาธารณะ
5.1 การสื่อสารที่สร้างความเชื่อมั่น
ผู้นำต้อง
-
พูดความจริง
-
สร้างพลังใจ
-
ไม่สร้างความตื่นตระหนก
5.2 การกำหนดทิศทางสังคมในระยะยาว
เช่น
-
ส่งเสริมเมืองที่พร้อมรับภัยพิบัติ
-
ปลูกวัฒนธรรม “เตรียมพร้อมคือความรับผิดชอบร่วมกัน”
-
สนับสนุนการเรียนรู้ด้านสภาพภูมิอากาศ
5.3 การสร้างความร่วมมือระดับประเทศ
ผู้นำสามารถเชื่อม
-
ภาครัฐ
-
ภาควิชาการ
-
ภาคประชาชน
-
ภาคธุรกิจ
เพื่อสร้างระบบรับมือภัยพิบัติที่เข้มแข็งกว่าที่ผ่านมา
สรุป: ความรับผิดชอบคือ “ความร่วมมือ” ไม่ใช่ “ความผิดของใครคนหนึ่ง”
ภัยพิบัติขนาดใหญ่เช่นน้ำท่วมหาดใหญ่ไม่สามารถรับมือได้ด้วยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง การแบ่งความรับผิดชอบอย่างเป็นระบบช่วยให้เห็นว่าแต่ละกลุ่มมีบทบาทแตกต่างกัน แต่ต้องทำงานประสานกันอย่างไร้รอยต่อ
-
ผู้ประสบภัย รับผิดชอบในการเตรียมตัวและร่วมมือ
-
โค้ช รับผิดชอบการนำทีมกู้ภัย
-
ผู้จัดการ รับผิดชอบระบบและทรัพยากร
-
ผู้บริหาร รับผิดชอบนโยบายและโครงสร้าง
-
ผู้นำ รับผิดชอบทิศทางและพลังความร่วมมือ
บทวิเคราะห์นี้ชี้ให้เห็นว่า การจัดการภัยพิบัติยุคใหม่ต้องอาศัยความรับผิดชอบร่วมแบบ “หลายระดับ” เพื่อให้การช่วยเหลือรวดเร็ว ลดความสูญเสีย และพัฒนาแนวทางที่ยั่งยืนในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น