วันที่ ๑๔ กรกฏาคม ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา พระราชปริยัติกวี ศ.ดร. รักษาการรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เป็นประธานการสัมภาษณ์ผู้สมัครเพื่อเข้าศึกษาในระดับปริญญาโทรุ่น ๖ จำนวน ๑๒ รูป/คน และระดับปริญญาเอกรุ่น ๓ จำนวน ๒๐ รูป/คน ของหลักสูตรสันติศึกษา และคณะกรรมการจากภาคีเครือข่าย ภายใต้การร่วมมือระหว่างมหาจุฬาฯ ศาลยุติธรรม และสถาบันพระปกเกล้า ผลึกกำลังสร้างวิศวกรสันติภาพสู่สังคม จึงมีการคัดเลือกผู้เข้าศึกษาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งภายนอกและภายใน จึงสะท้อนว่าในปัจจุบันมีผู้คนสนใจเข้ามาศึกษาหลักสูตรสันติศึกษาเป็นจำนวนมาก จากหลายหลากอาชีพ้เพราะชีวิตมนุษย์ทุกชีวิตล้วนต้องการความสงบสันติสุข ชีวิตนี้ไม่ควรมีความขัดแย้งกับใคร เพราะชีวิตเราสั้นนัก จึงบอกตนเองว่า "จงรักศัตรูเพราะเขาคือครูของเรา"
พระอาจารย์ปราโมทย์ วาทโกวิโท นิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา วิทยากรกระบวนการธรรมะโอดี พระนิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มจร กล่าวว่า ในส่วนตัวที่ตัดสินใจมาเรียนหลักสูตรสันติศึกษาตั้งแต่ปริญญาโทและปริญญาเอกนั้น เพราะต้องการเครื่องมือทั้งทางโลกและทางธรรมในการจัดการความขัดแย้งในฐานะวิทยากรธรรมะโอดี และในขณะนั้นบ้านเมืองกำลังมีควมมขัดแย้งรุนแรง แบ่งสีเสื้อชัดเจนแดงเหลือง ทำให้เราเองเป็นเครื่องมือของความขัดแย้งไปด้วย ความขัดแย้งก็คือความทุกข์ ทุกข์คือความขัดแย้งตามอริยสัจ พร้อมทั้งอยากสร้างสันติภายในให้กับตนเอง การตัดสินใจในวันนั้น
ทำให้วันนี้บอกกับตนเองว่าคิดถูกที่สุดแล้ว ที่เลือกเรียนหลักสูตรสันติศึกษา เป็น "การตัดสินใจที่ผิดพลาดถ้าวันนั้นไม่ได้เลือกเรียนหลักสูตรสันติศึกษา" เพราะสันติศึกษาจำเป็นมากสำหรับการใช้ชีวิตการมีชีวิตให้รอดและปลอดภัย เพราะความขัดแย้งมีอยู่รอบกายรอบใจเราตลอดเวลา จึงต้องอาศัยเครื่องมือของพระพุทธเจ้า คือ "พุทธสันติวิธี" สรุปว่าชีวิตนี้ได้เลือกเรียนในหลักสูตรที่ใช่สำหรับเรา ขอบคุณหลักสูตรสันติศึกษาที่ทำให้เข้าใจชีวิตเข้าใจคนอื่นเข้าใจคนที่มีวัฒนธรรมต่างจากเรา พร้อมบอกกับตนเองว่า ณ บัดนี้"จบภายในแล้ว" เป็นสันติภาพภายในใจที่เกิดขึ้น
จึงขอขอบพระคุณพระอาจารย์หรรษา ธมฺมหาโส ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา ที่สร้างและพัฒนาหลักสูตรนี้ขึ้นมาภายใต้แนวคิดของพระพรหมบัณฑิต ศ.ดร. อธิบดีมหาจุฬา ซึ่งช่วงแรกๆ ที่จะเสนอการเปิดหลักสูตรสันติศึกษา ผู้คนต่างหัวเราะว่าหลักสูตรนี้ยากที่จะเปิดได้ เป็นไปไม่ได้ หรือ สันติศึกษาเป็นกลุ่มโลกสวย ทำให้พระอาจารย์มีแรงผลักดันพัฒนาหลักสูตรสันติศึกษาจนมีการประเมินในระดับดีมากเพราะมองว่าหลักสูตรนี้จำเป็นสำหรับคนไทยและโลกใบนี้ มหาจุฬาเหมาะสุดที่จะเปิดหลักสูตรสันติศึกษา เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า "สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี" พร้อมขอบคุณคณาจารย์เจ้าหน้าที่สันติศึกษาทุกท่านในการผลักดันหลักสูตรให้พัฒนาขึ้นอย่างสง่างามท่ามกลางสังคมโลก
"จึงขอยินดีต้อนรับครอบครัวสันติศึกษาปริญญาโท รุ่น ๖ ปริญญาเอก รุ่น ๓ ทุกรูป/ท่าน ในฐานะครอบครัวสันติศึกษา มาร่วมกันพัฒนาตนเองให้มีสันติภายในแล้วออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ช่วยกัน "เปลี่ยนแปลงสังคมในจุดที่เรายืน" ขอต้อนรับด้วยความยินดียิ่ง ค่อยเจอกันในวันปฐมนิเทศ เพราะ "การเริ่มต้นดีสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง"" พระอาจารย์ปราโมทย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลักสูตรสันติศึกษานอกจากเรียนแนวคิด ทฤษฎีสันติภาพทั่วไป และพุทธสันติวิธีแล้ว ยังต้องปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นเวลา ๔๕ วัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น