วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

พระองค์ครู - เหรียญหมู เหรียญเสาวภาฯ อนุสาวรีย์หมู อนุสาวรีย์สหชาติ หลังกระทรวงมหาดไทย



“เหรียญหมู” หรือ เหรียญเสาวภาฯ เหรียญสำคัญที่เล่นหากันและเรียกได้ว่าแพงนั้น จัดสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ ซึ่งทรงสนิทกับพระราชมารดาอย่างยิ่ง



เมื่อทรงมีพระชนม์ครบ ๕๐ พรรษา จึงโปรดฯ ให้สร้างเหรียญที่ระลึกในการเฉลิมพระชนม์ในปี พ.ศ. ๒๔๕๖ มีทั้ง เนื้อทองคำลงยา, เนื้อเงินลงยา, เนื้อทองคำไม่ลงยา และ เนื้อเงินไม่ลงยา

ลักษณะเป็นเหรียญกลมแบน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒๗ ม.ม.ขอบเรียบคล้องห่วง ด้านหน้า ทำเป็นรูปหมู มีทั้งผิวออกชมพูอ่อน สีขาว และสีชมพูแก่ ลงยาอย่างประณีต

โดยมีทั้งแบบหมูตัวเดียวและสองตัว ยืนบนฐาน หันข้างไปทางซ้ายของเหรียญ บางตัวเห็นเขี้ยว ริมขอบมีความว่า

"ปีกุน พ.ศ.56 ของสิ่งเป็นที่รฤก"

ด้านล่างจารึก "ว่าล่วงมาครบ 50 ปีบริบูรณ์"

ส่วนด้านหลัง กลางเหรียญเป็นรูปจักรี มีข้อความว่า

"ขอเชิญท่านจงจำรูปหมูนี้ คือ เสาวภา ซึ่งอุบัติมาเป็นเพื่อน"

บรรทัดต่อมาด้านล่างจารึก "ร่วมชาติภพ อันมีใจหวังดีต่อท่านเสมอ” ทำเป็นแพรแถบแบบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามสมัยนิยม เข้าใจว่าคงสั่งทำจากต่างประเทศเพราะฝีมือประณีตมาก

ส่วนด้านหลัง กลางเหรียญเป็นรูปจักรี มีข้อความว่า "ขอเชิญท่านจงจำรูปหมูนี้ คือ เสาวภา ซึ่งอุบัติมาเป็นเพื่อน"

บรรทัดต่อมาด้านล่างจารึก "ร่วมชาติภพ อันมีใจหวังดีต่อท่านเสมอ" ทำเป็นแพรแถบแบบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามสมัยนิยม เข้าใจว่าคงสั่งทำจากต่างประเทศเพราะฝีมือประณีตมาก

อันหมูที่เป็นคู่และข้อความนั้นคงจะอัญเชิญพระกระแสรับสั่งของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ สังเกตได้ว่าหากเป็น "หมูคู่" ด้านหลังจะมีข้อความที่ทรงสนิทเสน่หาว่า

"อย่าลืมดูรูปหมูคู่นี้ คือ เสาวภา แลท่านที่ได้อุบัติมาร่วมปีร่วมชาติซึ่งน่าจะหวังดีต่อกันเสมอ"

สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๐๖ เบญจศก จุลศักราช ๑๒๒๕

ทรงประสูติในปีกุน (หมู) ณ พระตำหนักใหญ่ ในพระบรมมหาราชวัง จึงเป็นที่มาแห่งความสำคัญของสัญลักษณ์พิเศษ ของ เหรียญหมู เหรียญเสาวภาฯ

นับเป็นพระราชธิดาองค์ที่ ๖๖ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) เป็นพระธิดาองค์ที่ ๔ ของเจ้าจอมมารดาเปี่ยม

สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ทรงมีพระโอรสธิดารวม ๖ องค์ คือ พระองค์เจ้าชายอุณากรรณอันตนชัย, กรมพระยาเทววงศ์วโรปกรณ์, พระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์(พระนางเรือล่ม), สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาพระบรมราชเทวี

พระองค์เจ้าหญิงเสาวภาผ่องศรีสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระสวัสดิวัฒนวิศิษฐ์

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีชื่อเลื่องลือทางด้านโหราศาสตร์ และทรงประทานพรตามดวงเกิดสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ จนกลายเป็นสตรีที่ได้รับพระยศยิ่งใหญ่สูงสุดเหนือสตรีใดกล่าวคือ ...

เมื่อพระองค์ทรงเจริญพระชันษาขึ้น ทรงมีพระสิริโฉมงดงาม เป็นที่พอพระทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเข้ารับราชการเป็นพระภรรยาเจ้าในรัชกาลที่ ๕ ขณะที่มีพระชนม์ ๑๕ พรรษา ได้รับการสถาปนาเป็น พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระราชเทวี

เมื่อรัชกาลที่ ๕ ทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธพระราชโอรสในพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระราชเทวีขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารพร้อมทั้งสถาปนาพระอิสริยยศของพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีฯ ขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระอัครราชเทวี

ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรป ในปี พ.ศ. ๒๔๔๐ ทรงมอบหมายให้สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระอัครราชเทวี ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งทรงปฏิบัติราชการแผ่นดินได้เรียบร้อยเป็นเกียรติคุณแก่ประเทศสยามเป็นที่พอพระราชหฤทัยยิ่งนัก

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เฉลิมพระนามาภิไธยเป็น "สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ" เป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถพระองค์แรกในประเทศไทย

เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๖ แห่งราชวงศ์จักรี จึงทรงมีพระบรมราชโองการประกาศเฉลิมพระนามาภิไธยสมเด็จพระบรมราชชนนีว่า

"สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี"

ต่อมาแม้พระชนม์จะมากก็มีผู้อภิบาลและทูลเกล้าฯ ถวายโดยข้าราชการที่ร่วมเป็นสหชาติ (เกิดพร้อมพระองค์) ในคราวที่ทรงมีพระชนม์ได้ ๕๐ พรรษา แต่ท่านทรงเห็นว่าจะยุ่งยากไปจึงไม่รับ ทำให้ต้องคิดสิ่งอันเป็นประโยชน์เพื่อให้ทรงรับ ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ พระยาพิพัฒ (เศเลสติโน ซาเวียร์) และพระราชสงคราม (กร หงสกุล) ซึ่งได้ร่วมกันคิดสร้าง ‘ก๊อกน้ำประปา’ ถวาย และสร้าง ‘อนุสาวรีย์รูปหมู’ ไว้ด้านข้างเป็นที่ระลึกด้วย มีข้อความจารึกว่า

"เหตุที่สร้างรูปหมูขึ้นประดิษฐานก็เพราะเพื่อถวายเทิดพระเกียรติ ปีพระสหชาติปีกุน โดยราชวงศ์ปีกุนร่วมจัดสร้างถวาย"

อนุสาวรีย์หมู หรือ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า อนุสาวรีย์สหชาติ เป็นอนุสาวรีย์รูปหมู ตั้งอยู่ริมคลองคูเมืองเดิม ในส่วนของคลองหลอด อยู่ที่เชิงสะพานปีกุน ฝั่งตรงข้ามวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ริมถนนถนนราชินี แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร

ออกแบบโดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๕๖ เมื่อสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระชนมายุครบ ๕๐ พรรษา ซึ่งพระองค์พระราชสมภพในปีกุน

ในวันเฉลิมพระชนมายุของพระองค์ในปีนั้น สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงร่วมกับพระยาพิพัฒน์โกษา (เศเลสติโน ซาเวียร์) และพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) ซึ่งเกิดปีเดียวกันกับพระองค์ ร่วมกันจัดสร้างสะพานปีกุน และ อนุสาวรีย์สหชาติขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ของพวกท่าน

เมื่อแรกสร้างนั้นใช้แท่งศิลาขนาดใหญ่มาซ้อนกันเป็นฐาน ตัวหมูที่ตั้งอยู่ด้านบนแท่งศิลา หล่อด้วยโลหะ ในปัจจุบันฐานศิลาถูกเปลี่ยนมาเป็นปูนซีเมนต์ และก่อยกให้สูงขึ้นกว่าเดิมลักษณะเป็นภูเขา

ภายหลังต่อมาก๊อกน้ำถูกรื้อทิ้งเหลือเพียง ‘อนุสาวรีย์หมู’ อยู่ในบริเวณถนนราชินี หลังกระทรวงมหาดไทย โดยมีคลองหลอดคั่น ณ ปัจจุบันยังเป็นที่เคารพศรัทธาของพสกนิกรแวะเวียนไปเคารพสักการะขอพร โดยเฉพาะผู้ที่เกิดปีกุน (หมู) และมักประสบความสำเร็จตามที่ขอทุกประการ

เป็นที่น่าแปลกอีกประการคือ สมเด็จพระพันปีหลวงมิได้โปรดเลี้ยงสัตว์อื่นใดเลยนอกจาก ‘หมู’ ที่เรียกว่า‘หมูเสาภา’ เพียงตัวเดียว ซึ่งเป็นตัวเมีย เป็นพันธุ์ฝรั่งตัวใหญ่มีผู้ถวายคราวงานเฉลิมพระชนม์

‘หมูเสาภา’ มีผิวสีชมพูอ่อนสะอาดสะอ้าน (สีเหมือนเหรียญหมู) ขนขาวเป็นมันทั้งตัว ตาสีฟ้าอ่อน หูเป็นกลีบตั้ง ขนขาวปุกปุย โปรดฯ ให้เจ้าหน้าที่เลี้ยงไว้ทางประตูดินหลังพระบรมมหาราชวัง พระราชทานเบี้ยหวัดเงินปีเป็นค่าอาหารและกำหนดมิให้ผู้ใดมาทำหยามหยาบและกระทำอันตราย

ขอบคุณภาพ "เหรียญ เสาวภาผ่องศรี ทองคำ ปี ๒๔๕๖" จาก www.soonpraratchada.com" และ เฟสบุ๊ค "ศูนย์พระรัชดา" ศูนย์พระมาตรฐานที่

"รับประกันพระแท้ทุกองค์ ในราคาราคามิตรภาพ"

...............

(หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก พระองค์ครู ไตรเทพ ไกรงู)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ดร.มหานิยม" ร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่วัดอาวุธ "สมเด็จธงชัย" ประธาน เข้ากราบ "หลวงปู่ศิลา" เพื่อความเป็นสิริมงคล

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567  ดร.นิยม  เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล) ออกปฏิบัติหน้าที่ด้านพระพุทธศาสน...