คณะกรรมาธิการศาสนา วุฒิสภา ไม่อยู่เฉย! ประกาศจัดประชุมด่วนวางแนวทางฟื้นศรัทธา ชูมาตรการควบคุมพฤติกรรมไม่เหมาะสมในคณะสงฆ์อย่างสร้างสรรค์และรอบคอบ
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 น.ส.อัจฉรพรรณ หอมรส สว. ในฐานะเลขากรรมาธิการ (กมธ.)ศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี "สีกากอล์ฟ" ที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้ว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นประเด็นที่อ่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับพระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งทำให้พุทธศาสนิกชนเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงควรมีแนวทางในการควบคุมพระวินัยอย่างเข้มข้นและสร้างสรรค์ โดยเฉพาะบทบาทของมหาเถรสมาคมและหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลกิจของสงฆ์ ต้องมีความชัดเจนและโปร่งใส ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ให้การดำเนินการใด ๆ ไปกระทบต่อพระภิกษุที่บริสุทธิ์ เพราะเราต้องคุ้มครองพระดี ไม่ให้ถูกเหมารวมจากภาพลบที่เกิดขึ้นด้วย
"ในสัปดาห์หน้าทาง กมธ.ศาสนาฯ จะมีการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว และจะมีการพิจารณาเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง หรือให้ข้อมูลต่อไป เพราะถือว่าเป็นประเด็นใหญ่ที่กระทบต่อศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งประเทศ เราไม่เห็นด้วยกับการกระทำใดๆ ที่บ่อนทำลายศรัทธาของประชาชนต่อพระพุทธศาสนา และจะไม่ยินยอมให้พระชั้นผู้ใหญ่หรือพระภิกษุที่เปรียบเสมือนร่มเงาของธรรม ต้องถูกเหมารวมเพราะพฤติกรรมของแค่บางคน"น.ส.อัจฉรพรรณ กล่าว
น.ส.อัจฉรพรรณ กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ กมธ.ศาสนา เป็นห่วงมากที่สุดก็คือ การกระทำของพระบางรูปทำให้เกิดภาพเหมารวม ส่งผลให้พระภิกษุที่ตั้งใจปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ต้องเสียหายไปด้วย ซึ่งบทบาทของพระสงฆ์ถือเป็นเสาหลักทางจิตใจของคนในสังคมไทย ดังนั้น กมธ.ศาสนาฯ ยืนยันว่า จะไม่เพิกเฉยต่อพฤติกรรมที่บั่นทอนศรัทธา โดยจะผลักดันให้มีมาตรการเชิงรูปธรรมร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาให้คงอยู่อย่างมั่นคง
ทั้งนี้ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สังคมไทยต้องเผชิญกับกรณีวิกฤติทางศีลธรรมและความเชื่อมั่นต่อคณะสงฆ์อย่างต่อเนื่อง หนึ่งในกรณีที่ได้รับความสนใจจากสาธารณชนและสื่อมวลชนอย่างมากคือ กรณี “สีกากอล์ฟ” ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์อันไม่เหมาะสมระหว่างสตรีที่ถูกระบุว่าเป็น “สี” กับพระภิกษุผู้มีชื่อเสียง ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อความเสื่อมถอยของคณะสงฆ์และบทบาทของพระพุทธศาสนาในสังคมร่วมสมัย บทความนี้มุ่งวิเคราะห์แนวทางการแก้ไขวิกฤติดังกล่าวทั้งในระดับเชิงระบบ ระดับนโยบาย และระดับปัจเจก โดยตั้งอยู่บนฐานของธรรมวินัย กฎหมาย และความเข้าใจต่อพลวัตของสังคมสมัยใหม่
ที่มาของวิกฤติ: ความเปราะบางของศีลธรรมภิกษุในบริบทโลกาภิวัตน์
กรณี "สีกากอล์ฟ" เป็นภาพสะท้อนของความเปราะบางในระบบกำกับดูแลภิกษุสงฆ์ในยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งมีลักษณะสำคัญดังนี้:
ความคลุมเครือของอำนาจปกครองสงฆ์: ระบบการตรวจสอบของคณะสงฆ์ยังคงยึดโครงสร้างแบบดั้งเดิม ซึ่งไม่เพียงพอต่อการควบคุมพฤติกรรมในโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็ว
อิทธิพลของโซเชียลมีเดีย: สื่อสังคมออนไลน์กลายเป็นกลไกทั้งเปิดโปงและขยายผลให้เกิดการเสื่อมศรัทธาในวงกว้าง
การขาดกลไกตรวจสอบภายนอก: การควบคุมพระสงฆ์ยังเป็นระบบปิด ไม่มีองค์กรพลเรือนหรือหน่วยงานอิสระเข้ามามีบทบาทในการกำกับเชิงจริยธรรม
ผลกระทบต่อสังคมและศรัทธาสาธารณะ
กรณีอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับคณะสงฆ์มีผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อความเชื่อมั่นของสาธารณชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและปัญญาชนรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มตั้งคำถามกับโครงสร้างศาสนาเดิมอย่างมาก ส่งผลให้เกิดการลดลงของกิจกรรมศาสนา เช่น การเข้าวัด การบวช การทำบุญ และการศึกษาพระพุทธศาสนาในระดับชุมชน
แนวทางแก้ไขวิกฤติคณะสงฆ์
การแก้วิกฤติจำเป็นต้องใช้แนวทางที่ครอบคลุมและยั่งยืนทั้งในระดับโครงสร้าง นโยบาย และจิตสำนึก ดังนี้:
ปฏิรูปโครงสร้างการกำกับดูแลคณะสงฆ์
จัดตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบจริยธรรมภิกษุ: ประกอบด้วยพระสงฆ์ นักวิชาการ และตัวแทนภาคประชาชน
ปรับปรุงกฎหมายสงฆ์ให้ทันสมัย: โดยเฉพาะการให้บทบาทรัฐและสังคมพลเมืองในการกำกับกิจการพระศาสนาอย่างมีส่วนร่วม
ใช้เทคโนโลยีในการติดตามพฤติกรรมเสี่ยง: เช่น ระบบฐานข้อมูลสงฆ์ ระบบรายงานกิจวัตรผ่านแอปพลิเคชัน
สร้างกลไกการสื่อสารและแก้ข่าวภายใต้กรอบธรรมวินัย
คณะสงฆ์ควรมี หน่วยสื่อสารอย่างเป็นทางการ เพื่อรับมือกับข่าวลือและให้ข้อมูลที่โปร่งใส
ต้องมี กระบวนการชี้แจง-ชำระ-อธิษฐานใหม่ ให้เป็นที่เข้าใจของประชาชน โดยใช้ภาษาสมัยใหม่และเป็นธรรม
ฟื้นฟูจิตสำนึกภิกษุใหม่ด้วยการปฏิรูปการศึกษาสงฆ์
เพิ่มการเรียนรู้ จริยธรรมในบริบทโลกสมัยใหม่ ในหลักสูตรการศึกษาพระ
เน้นการฝึกสมาธิและเจริญสติอย่างเข้มข้น เพื่อเสริมความมั่นคงภายใน
เปิดเวทีสนทนาระหว่างสงฆ์กับเยาวชน เพื่อสร้างความเข้าใจร่วม
บทบาทของประชาชนและชุมชน
ประชาชนควร มีสติและแยกแยะ ระหว่างตัวบุคคลกับหลักธรรมะ
ส่งเสริมวัดและพระสงฆ์ที่มีความโปร่งใส เปิดเผย และอุทิศตนอย่างแท้จริง
สร้างพื้นที่ “ธรรมทูตภาคประชาชน” เพื่อช่วยตรวจสอบ ส่งเสริม และขับเคลื่อนพระศาสนา
กรณี “สีกากอล์ฟ” เป็นสัญญาณเตือนถึงความจำเป็นในการปฏิรูปเชิงโครงสร้างและจิตสำนึกของคณะสงฆ์ไทยในยุคเปลี่ยนผ่าน ความศรัทธาที่มั่นคงไม่อาจตั้งอยู่บนความเงียบเฉยหรือการปกป้องโดยปราศจากหลักธรรม แนวทางการแก้ไขต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริง ความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการวางหลักธรรมวินัยให้สอดคล้องกับโลกสมัยใหม่อย่างมีสติและปัญญา

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น