ทิศทางและนโยบายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุกสำหรับพระธรรมจาริกยุคเอไอ
บทคัดย่อ
บทความนี้วิเคราะห์ทิศทางและนโยบายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุกในยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI) บนพื้นฐานแนวคิดสำคัญ ๕ ประการของพระเดชพระคุณพระพรหมบัณฑิต ซึ่งได้บรรยายแก่พระธรรมจาริกในโครงการฝึกอบรมทุนเล่าเรียนหลวง รุ่นที่ ๕ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม โดยบทความนี้ได้นำหลักการดังกล่าวมาบูรณาการกับทฤษฎีการสื่อสารสำคัญสามแนว ได้แก่ ทฤษฎีการสื่อสารทั่วไป ทฤษฎีการสื่อสารเพื่อสันติ และทฤษฎีการสื่อสารเพื่อสันติภาพ เพื่อนำเสนอกรอบแนวคิดใหม่สำหรับบทบาทพระธรรมจาริกยุคดิจิทัล เพื่อให้สามารถปฏิบัติศาสนกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้บริบทสังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
๑. บทนำ
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคศตวรรษที่ ๒๑ กำลังเผชิญบริบทใหม่ที่ท้าทายจากเทคโนโลยี AI เครือข่ายสังคมออนไลน์ และความหลากหลายทางวัฒนธรรม การทำงานพระธรรมจาริกจึงต้องก้าวจากบทบาท “ผู้สอนธรรมเชิงรับ” ไปสู่ “ผู้ออกแบบการสื่อสารพระพุทธศาสนาเชิงรุก” ที่มีทั้งข้อมูลเชิงพื้นที่ ความเข้าใจผู้รับสาร และความสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างสันติและความสุขให้แก่ชุมชนโลก แนวคิด ๕ ประการที่พระพรหมบัณฑิตนำเสนอจึงเป็นกรอบคิดสำคัญต่อการออกนโยบายและยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาพระธรรมจาริกในยุคเอไอ
๒. แนวคิดสำคัญ ๕ ประการของพระพรหมบัณฑิต และการตีความเชิงการสื่อสารยุคเอไอ
๒.๑ ตกปลานอกบ้าน: การขยายพื้นที่สื่อสารและผู้รับสาร
แนวคิดนี้สะท้อนหลัก การเลือกกลุ่มเป้าหมาย (Audience Targeting) ในทฤษฎีการสื่อสารทั่วไป ซึ่งเน้นว่า ผู้สื่อสารต้องเข้าถึงผู้ที่ “พร้อมรับสาร” มากกว่าจำกัดตนในพื้นที่เดิม
สำหรับพระธรรมจาริกยุคเอไอ
-
ต้องใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ (Geodata) และข้อมูลโซเชียลมีเดียเพื่อค้นหาชุมชนที่ต้องการธรรม
-
ใช้ AI วิเคราะห์ความต้องการทางจิตวิญญาณของกลุ่มเป้าหมาย
-
ขยายพื้นที่เผยแผ่จากวัดสู่โลกออนไลน์ เช่น การสอนธรรมผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
ความหมายเชิงสื่อสารเพื่อสันติ:
การเข้าถึงผู้คนหลากหลายโดยไม่แบ่งแยก เป็นฐานของการสร้างความเข้าใจร่วมและความไว้วางใจ ซึ่งเป็นก้าวแรกของการสร้างสันติสุขในสังคมหลายวัฒนธรรม
๒.๒ ประสานสิบทิศ: การสร้างเครือข่ายสื่อสารพุทธแบบบูรณาการ
หลักการนี้ตรงกับทฤษฎี การสื่อสารเชิงเครือข่าย (Networked Communication Theory)
พระธรรมจาริกควร
-
เชื่อมโยงภาคี “บวร” บ้าน–วัด–โรงเรียน–รัฐ
-
ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ เทคโนโลยี และองค์กรสังคม
-
ใช้ AI เป็นเครื่องมือเชื่อมการบริหารงานและข้อมูล
ความหมายเชิงสื่อสารเพื่อสันติภาพ:
เครือข่ายความร่วมมือทำให้เกิดพลังร่วม (Collective Empowerment) ลดความขัดแย้ง และส่งเสริมวัฒนธรรมสันติภาพในชุมชน
๒.๓ ผูกมิตรทั่วหล้า: การสื่อสารด้วยไมตรีเป็นฐานสันติภาพ
สอดคล้องกับหลัก Nonviolent Communication (NVC) และทฤษฎีการสื่อสารเพื่อสันติของ Galtung
สาระสำคัญคือ
-
ไม่สร้างศัตรู
-
รู้กาลเทศะในการสื่อสาร
-
เคารพความแตกต่างทางศาสนาและวัฒนธรรม
พระธรรมจาริกจึงเป็น “นักการทูตทางสันติ” ใช้เมตตา–กรุณาเป็นเครื่องมือเชื่อมมนุษย์
ฐานคิดสันติภาพ:
การไม่สร้างศัตรู = การลดโครงสร้างความรุนแรงเชิงวัฒนธรรม
การผูกไมตรี = การสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกอย่างยั่งยืน
๒.๔ บริหารปัญญา: การจัดการองค์ความรู้ในยุคข้อมูลมหาศาล
แนวคิดนี้สะท้อน Knowledge Management Theory (KM) และทฤษฎีการสื่อสารเชิงกลยุทธ์
มีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่
-
เตรียมหาความรู้เพื่ออนาคต
-
อาศัยปัญญาของผู้อื่น
-
บริหารความรู้ให้ถูกต้อง–ถูกคน–ถูกเวลา
ในยุคเอไอ พระธรรมจาริกต้อง
-
ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลธรรมและสร้างสื่อธรรมะที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย
-
ตรวจสอบข้อมูลเทียม (Fake News) ที่เกี่ยวกับศาสนา
-
พัฒนา Literacy ทางดิจิทัลเพื่อใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ
ความหมายเชิงสันติ:
ปัญญาเป็นเครื่องมือป้องกันความเข้าใจผิดทางศาสนา ซึ่งมักเป็นต้นเหตุความขัดแย้ง
๒.๕ สาลิกาป้อนเหยื่อ: การสื่อสารธรรมด้วยความเหมาะสมเฉพาะกลุ่ม
แนวคิดนี้สอดคล้องกับ
-
Audience-Centered Communication Theory
-
Constructivist Theory ที่เน้นการตีความตามบริบทของผู้รับ
พระธรรมจาริกควร
-
ปรับรูปแบบการเทศน์ เช่น เล่าเรื่อง เกมจำลองภาพธรรม หรือสื่อดิจิทัล
-
ใช้ AI สร้างเนื้อหาตามบริบท เช่น วิดีโออนิเมชัน หรือบทสนทนาเชิงโต้ตอบ
มิติสันติภาพ:
การสื่อสารที่เข้าใจผู้รับ ช่วยแก้ปัญหาช่องว่างทางวัฒนธรรม และสร้างความกลมกลืนในชุมชนชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง
๓. นโยบายและทิศทางเชิงรุกสำหรับพระธรรมจาริกยุคเอไอ
๓.๑ พัฒนาศูนย์ข้อมูลพุทธดิจิทัลและระบบ AI ช่วยสอนธรรม
-
ฐานข้อมูลพระสูตร
-
ระบบถาม–ตอบธรรมะอัตโนมัติ
-
การวิเคราะห์ความต้องการของชุมชน
๓.๒ ฝึกอบรมทักษะสื่อสารดิจิทัลและสันติวิธี
-
การผลิตสื่อออนไลน์
-
การสื่อสารไร้ความรุนแรง
-
การจัดการความขัดแย้งในพื้นที่พหุวัฒนธรรม
๓.๓ ส่งเสริมบทบาทพระธรรมจาริกเป็น “พระนักสื่อสารเพื่อสันติภาพ”
-
ใช้หลักอหิงสาในทุกช่องทางสื่อสาร
-
เป็นผู้ประสานความเข้าใจระหว่างชุมชน
๓.๔ สร้างเครือข่ายนานาชาติด้านพุทธ–สันติภาพ
เน้นความร่วมมือระหว่างวัด มหาวิทยาลัย และองค์กรสันติภาพระดับโลก
๔. สรุป
นโยบายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุกในยุคเอไอจำเป็นต้องอาศัยทั้งปัญญาดิจิทัลและภูมิปัญญาพุทธ แนวคิด ๕ ประการของพระพรหมบัณฑิตเมื่อบูรณาการกับทฤษฎีการสื่อสารเพื่อสันติและสันติภาพ จึงเป็นกรอบคิดสำคัญสำหรับพัฒนาพระธรรมจาริกให้สามารถทำหน้าที่เป็น “นักสื่อสารธรรมะเพื่อสันติภาพโลก” อย่างแท้จริง
พระธรรมจาริกยุคใหม่จึงไม่เพียงเผยแผ่ธรรม แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมความเข้าใจ สร้างสันติ และใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ เพื่อประโยชน์สุขของมวลมนุษยชาติ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น