วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

"กวาดบ้านเติมเมืองกับการเมืองไทย: สารคดีวิเคราะห์


วิเคราะห์การกวาดบ้านเติมเมืองกับการเมืองไทย

(A Scholarly Analysis of “Sweeping the House and Filling the City” in Thai Politics)

บทคัดย่อ

แนวคิด “การกวาดบ้านเติมเมือง” เป็นอุปมาที่อธิบายกระบวนการจัดระเบียบภายในและการขยายฐานอำนาจทางการเมืองพร้อมกัน ทั้งการบริหารจัดการภายในพรรค (กวาดบ้าน) และการขยายอิทธิพลสู่ระดับพื้นที่–ประเทศ (เติมเมือง) บทความนี้วิเคราะห์นัยทางการเมืองไทยของแนวคิดดังกล่าวผ่านกรอบทฤษฎีสถาบันนิยมใหม่ (New Institutionalism), ทฤษฎีฐานเสียงทางการเมือง (Political Constituency Theory), และแนวคิดการสื่อสารทางการเมืองเชิงรุก (Proactive Political Communication) เพื่อทำความเข้าใจว่ากลยุทธ์เช่นนี้ถูกใช้ในการปรับตัวของพรรคการเมืองไทยในยุคเปลี่ยนผ่านและการแข่งขันสูงอย่างไร พร้อมประเมินผลกระทบต่อประชาธิปไตย ระบบพรรคการเมือง และเสถียรภาพเชิงนโยบายของประเทศ


1. บทนำ

วาทกรรม “กวาดบ้านเติมเมือง” มักถูกใช้ในบริบทการเมือง เพื่อสื่อถึงยุทธศาสตร์คู่ขนานสองด้าน ได้แก่

  1. การจัดระเบียบภายในองค์กรหรือพรรคการเมือง และ

  2. การเสริมสร้างฐานสนับสนุนภายนอก

การเมืองไทยในทศวรรษที่ผ่านมาอยู่ในช่วง “เปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้าง” (structural transition) ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเลือกตั้ง ระบอบพรรคการเมืองแบบผ่อนคลายอุดมการณ์ การแข่งขันกันด้วยภาพลักษณ์ผู้นำ ตลอดจนการใช้อำนาจรัฐและเครือข่ายทุนการเมือง การวิเคราะห์ “กวาดบ้านเติมเมือง” จึงเป็นประเด็นสำคัญที่สะท้อนพลวัตของพรรคและการแข่งขันทางการเมืองไทยยุคใหม่อย่างชัดเจน


2. กรอบแนวคิดและทฤษฎีที่ใช้วิเคราะห์

2.1 ทฤษฎีสถาบันนิยมใหม่ (New Institutionalism)

แนวคิดนี้มองว่าองค์กรการเมืองและพรรคต้องมีทั้ง

  • โครงสร้างภายในที่มีเสถียรภาพ (formal rules) และ

  • ความสัมพันธ์ไม่เป็นทางการที่เข้มแข็ง (informal networks)

“กวาดบ้าน” จึงหมายถึงการเสริมความเป็นเอกภาพ ปรับยุทธศาสตร์ ปรับโครงสร้าง และลดความขัดแย้งภายใน ซึ่งส่งผลต่อความน่าเชื่อถือภายนอกโดยตรง

2.2 ทฤษฎีฐานเสียงและการแข่งขันทางการเมือง

“เติมเมือง” เชื่อมโยงกับการขยายฐานเสียง โดยพรรคต้องตอบสนองต่อ

  • กลุ่มผลประโยชน์

  • ความต้องการของพื้นที่ใหม่

  • กระแสสังคม

  • ความนิยมผู้นำ (leader effect)

2.3 ทฤษฎีการสื่อสารทางการเมืองเชิงรุก (Proactive Political Communication)

ในยุคโซเชียลมีเดีย พรรคการเมืองสามารถสร้างภาพลักษณ์ใหม่ได้รวดเร็ว แนวคิด “กวาดบ้านเติมเมือง” มักถูกใช้เป็นแคมเปญเชิงวาทกรรมเพื่อ

  • รีแบรนด์ภาพลักษณ์พรรค

  • สร้างโมเมนตัมทางการเมือง

  • ปิดประเด็นลบ และเปิดเกมรุกในพื้นที่ใหม่


3. การวิเคราะห์ “การกวาดบ้าน” ในการเมืองไทย

3.1 การจัดระเบียบภายในพรรค

การกวาดบ้านหมายถึง

  • ปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริหาร

  • ลดความขัดแย้งภายใน

  • การคัดคนที่ไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์พรรคออก

  • สร้างเอกภาพภายในก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้ง

ในการเมืองไทย การกวาดบ้านยังสะท้อนถึงการสร้างความ “พร้อม” เพื่อรับมือกฎหมายเลือกตั้งใหม่ การสลับขั้ว การรวมกลุ่มทุนการเมือง และการสร้างภาพว่าพรรคกำลัง “รีเซ็ตตัวเอง”

3.2 การฟื้นฟูภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของสาธารณชน

พรรคการเมืองไทยจำนวนมากมีต้นทุนทางภาพลักษณ์ต่ำจากเหตุขัดแย้ง การย้ายพรรค และคดีการเมือง การกวาดบ้านจึงเป็นการสื่อสารเชิงสัญลักษณ์ว่าพรรค “พร้อมเปลี่ยนแปลง” และ “รับฟังประชาชน”


4. การวิเคราะห์ “การเติมเมือง” ในการเมืองไทย

4.1 การขยายฐานเสียงพื้นที่ใหม่

การเติมเมืองหมายถึง

  • การส่งผู้สมัครหน้าใหม่

  • ขยายพื้นที่เลือกตั้งจากฐานดั้งเดิม

  • ใช้ข้อมูลประชากร สังคม และเศรษฐกิจในการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย

พรรคที่ต้องการเติบโตจำเป็นต้องออกจากพื้นที่เดิม ซึ่งสัมพันธ์กับแนวคิด “ตกปลานอกบ้าน” ในงานเผยแผ่ธรรมะ แต่ในทางการเมืองคือการ “ย้ายสมรภูมิ” เพื่อหาเสียงใหม่

4.2 การสร้างแนวร่วมระหว่างกลุ่มผลประโยชน์

ในทางปฏิบัติ “เติมเมือง” ยังหมายถึงการ

  • ดึงกลุ่มการเมืองย่อย

  • ดึงนักการเมืองท้องถิ่น

  • ขยายพันธมิตรกับกลุ่มเศรษฐกิจ
    เพื่อต่อรองอำนาจและเพิ่มที่นั่งในสภา


5. นัยทางการเมืองไทย

5.1 ระบบพรรคการเมืองแบบผสม (Hybrid Party System)

การกวาดบ้านเติมเมืองสะท้อนธรรมชาติพรรคการเมืองไทยที่

  • อิงตัวบุคคลมากกว่าอุดมการณ์

  • ยืดหยุ่นสูง

  • พร้อมปรับจุดยืนเพื่อประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์

5.2 ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพประชาธิปไตย

แม้ช่วยเสริมความเข้มแข็งให้พรรค แต่ก็มีผลกระทบ เช่น

  • ลดการมีส่วนร่วมทางอุดมการณ์

  • เน้นภาพลักษณ์มากกว่าคุณภาพนโยบาย

  • ทำให้ประชาชนมองการเมืองเป็นเกมอำนาจมากกว่าการพัฒนาประเทศ

5.3 ผลกระทบต่อการแข่งขันในสภา

เมื่อพรรคต่าง ๆ ต่างกวาดบ้านเติมเมือง พรรคที่ไม่ปรับตัวจะอ่อนแอ ขณะที่พรรคใหญ่จะยิ่งรวมศูนย์อำนาจและขยายเครือข่ายในสภาได้มากขึ้น


6. สรุปและข้อเสนอเชิงนโยบาย

6.1 บทสรุป

แนวคิด “กวาดบ้านเติมเมือง” เป็นยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมทั้งการปรับภายในและขยายภายนอก ซึ่งสะท้อนการปรับตัวของการเมืองไทยในสภาวะแข่งขันสูงและระบบพรรคไม่เสถียร การวิเคราะห์นี้ชี้ว่า ยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีทั้งด้านบวก (เพิ่มประสิทธิภาพองค์กรและขยายฐานประชาชน) และด้านลบ (เพิ่มความเป็นตัวบุคคล ลดความสำคัญของนโยบาย)

6.2 ข้อเสนอเชิงนโยบาย

  1. พัฒนาระบบพรรคให้มีโครงสร้างกำกับภายในโปร่งใส ไม่ให้การกวาดบ้านกลายเป็นการรวบอำนาจ

  2. ส่งเสริมการออกแบบนโยบายเป็นฐานการแข่งขัน แทนการใช้วาทกรรมภาพลักษณ์

  3. ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ในการวิเคราะห์พื้นที่เลือกตั้ง เพื่อการเติมเมืองที่ตอบโจทย์ประชาชนแท้จริง

  4. พัฒนาเครื่องมือสื่อสารทางการเมืองอย่างรับผิดชอบ เพื่อลดการสร้างความขัดแย้งในสังคม

  5. เสริมบทบาทประชาชนในการมีส่วนร่วมทางการเมือง เพื่อให้ระบบพรรคมีความเข้มแข็งและยั่งยืน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นิยมโมเดล: แนวโน้มนโยบาย พปชร.คุ้มครองพระพุทธศาสนา ในการเลือกตั้งปี 2569

บทวิเคราะห์เชิงลึก: พลวัตและทิศทางนโยบายการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2569: กรณีศึกษาทัศนะแ...