วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2561

"ภัยร้าย.. ที่ศาสนาพุทธกำลังเผชิญในปัจจุบัน"




พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้าจะว่าไปแล้ว เรื่องของการจับพระผู้ใหญ่กรณีเงินทอน เขารู้ว่าคดีไม่มีน้ำหนัก ก็เลยต้องเอาเรื่องอื่นมาตีด้วย อย่างเช่นว่าอยู่ ๆ มีหมอนวดอายุ ๕๐ กว่า ออกมาบรรยายขยายความว่าพระผู้ใหญ่เคยขอนอนด้วย จ่ายเงินให้ครั้งละสองหมื่นสามหมื่น อาตมาฟังแล้วก็ขำ เงินสองสามหมื่นไปหาสาวเอ๊าะ ๆ ที่ไหนก็ได้ จะไปหายายแก่อายุ ๕๐ กว่าไปทำไม ? แล้วเขาพูดแบบตีกินมากเลย คือไม่บอกว่าเป็นท่านใด ทำให้คนเข้าใจผิดว่าพระผู้ใหญ่ทั้งหมดนั่นแหละทำอย่างนี้ นี่คือลักษณะของการที่ออกข่าวให้เราเข้าใจไขว้เขวไป พยายามที่จะหาเรื่องหาราวจัดการพระให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ของพวกนี้เราฟังข่าวแล้วต้องรู้จักตรองด้วย สิ่งที่เขาออกข่าวคือสิ่งเขาอยากให้เรารู้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่เราควรจะรู้ เรื่องพวกนี้พอถึงเวลา ตำรวจ ทหาร สื่อมวลชน ก็จะมีเส้นที่เขาขีดให้เดินว่าต้องไปทางนี้ เราจะเห็นว่าตั้งแต่จับพระผู้ใหญ่สึกส่งเข้าคุกไป จะไม่มีรูปพระผู้ใหญ่ท่านใดที่เข้าคุกในลักษณะชุดนักโทษ ยกเว้นพุทธอิสระ เพราะว่าเขาต้องการจะแสดงว่า ตัวเองไม่ได้อยู่ในลักษณะสองมาตรฐาน คือพุทธอิสระที่ถือว่าเป็นพวกเดียวก็โดนด้วย ตั้งใจแสดงให้ดู

ความจริงพุทธอิสระเป็นคนที่น่าสงสารมาก เพราะถ้าวิเคราะห์ดูแล้วมี ๒ สถานการณ์ด้วยกัน สถานการณ์แรกคือต้องสละตัวเองในลักษณะเอาเบี้ยไปแลกขุน อีกสถานการณ์หนึ่งถ้าหากว่าใช่ ก็คือลักษณะว่าดวงแตกแล้ว คือภาษิตจีนที่ว่า “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” เรื่องตั้งนานเนกาเล ควรจะจัดการไม่จัดการ แต่มาจัดการเอาอีตอนนี้ เพราะว่าคดีความชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าการที่ตัวเองไปปิดสถานที่ราชการ ไปตั้งกรวยขวางใครข้ามไม่ได้ ใครโดนไม่ได้ หรือที่ไปกรรโชกทรัพย์โรงแรมเขา เป็นต้น

เรื่องพวกนี้ทำไมเพิ่งจะมาจับ ? ก็เพราะต้องการที่จะกลบข่าวส่วนอื่น เรื่องพวกนี้ทางทหารเป็นวิชาการอย่างหนึ่งเรียกว่า ข่าวกรองและการต่อต้านข่าวกรอง เขาจะให้เรารู้ในสิ่งที่อยากให้รู้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่เราสมควรที่จะรู้"

"เรื่องพวกนี้พอออกไป ถ้าญาติโยมรู้สึกหวั่นไหวแล้วก็มีความคิดว่า "ทำไมพระสงฆ์ในพุทธศาสนาถึงเลวอย่างนี้ ?" ถือว่าเขาประสบความสำเร็จ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมั่นคง เชื่อมั่น เพราะว่าพระผู้ใหญ่แต่ละรูป กว่าจะขึ้นไปถึงระดับนั้นได้ท่านทำความดีเอาไว้มาก แต่ว่าเป็นการทำลายล้างทางการเมือง ทางศาสนา และระหว่างนิกายด้วยกัน

เรื่องเหล่านี้สิ่งที่เสียหายมากที่สุดคือพระพุทธศาสนา เวลาวาระสำคัญเขาจะพยายามทำเรื่องเหล่านี้ให้ดังขึ้นมา เพื่อให้เราหมดศรัทธาในพุทธศาสนา ไม่เข้าวัด ไม่ทำบุญ ให้โยมสังเกตว่าอีกไม่กี่วันจะเป็นวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ก่อนนั้นสักสิบวันครึ่งเดือน ก็จะมีเรื่องตูมขึ้นมาอีก นี่คือสูตรตายตัวเลยที่เขาจะทำ"

ถาม : แล้วพวกเราพอจะทำอะไรได้บ้างในตอนนี้คะ ?
ตอบ : เกินกำลังที่จะแก้ไข มีอย่างเดียวก็คือสร้างความดีให้มากไว้ ทำความดีอะไรก็ได้แล้วก็ช่วยกันแพร่กระจายออกไป เพราะว่าเดี๋ยวนี้การที่เราจะลงข่าวทางสื่อโซเชียลถือว่าเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นยูทูบ เป็นเฟซบุ๊ก เป็นไลน์ก็ตาม ช่วยกันแชร์ในสิ่งที่ดี ๆ อย่างเช่นว่าวัดนี้ให้ทุนการศึกษา วัดนี้จัดปฏิบัติธรรม วัดนั้นหล่อพระ เป็นต้น

ในเมื่อเราทำอย่างนี้เขาก็จะได้เห็นงาน เพราะว่าโดยปกติแล้ว พระเราสร้างอะไรที่เป็นความดีมากมายมหาศาลแค่ไหนก็ไม่มีการโฆษณา ใครจะไปรู้ว่าเมื่อวิสาขบูชาที่ผ่านอาตมาให้ทุนการศึกษาไปสองสามร้อยทุน หมดไปเกือบล้านบาท ฉะนั้น...ถึงเวลาแล้วพวกเราช่วยกระจายข่าวที่ดี ๆ ออกไป อะไรที่เป็นข่าวไม่ดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องที่เขากุขึ้นมา เราก็อย่าไปยุ่ง

อาตมาเองยังให้นโยบายกับทางเว็บพลังจิต ซึ่งเป็นเว็บไซต์พระพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดของไทยว่า ข่าวอะไรที่เสียหายต่อพุทธศาสนาเราลงแต่เนื้อหา แต่ไม่เอาคำวิพากษ์วิจารณ์ หรือถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ลง ลงแต่ข่าวในเชิงสร้างสรรค์ก็พอ ของพวกนี้ต้องใช้ความดีสู้ พระท่านว่า “อสาธุง สาธุนา ชิเน พึงชนะความไม่ดีด้วยความดี” นี่เป็นพุทธพจน์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ตั้งหน้าตั้งตาทำกันไป ต่อให้เป็นมด รุมกันกัดเดี๋ยวช้างก็ถอยไปเอง สำคัญว่ามดเราต้องสามัคคีเหนียวแน่นกันเท่านั้น

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี อ.ทองผาภูมิ ต.ท่าขนุน

ภาพ และที่มา : เว็บวัดท่าขนุน

................
‎(หมายเหตุ : จากเฟซบุ๊ก พนมไพร พเนจร‎ ถึง พ่อแม่ครูอาจารย์ พระกรรมฐาน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"สำนักสงฆ์ป่าสิริจันทร์" ยังฝึกกรรมฐานศพ พบเป็นอารมณ์กรรมฐานในพระไตรปิฎก

อารมณ์กรรมฐาน 40 ประการในพระไตรปิฎกมีคุณค่าในการพัฒนาจิตใจและส่งเสริมความสงบสุขในสังคม การประยุกต์ใช้อย่างถูกต้องและรอบคอบจะช่วยให้สังคมไทยม...