วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วัดดังสุราษฎร์พาเด็กเข้าค่ายคุณธรรม ป้องกันเด็กติดโซเชียล
วันที่ 1 ก.ย.2561 ที่วัดกาฬสินธุ์ ตำบลประสงค์ อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายคุณัญพงษ์ ทหารไทย สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุราษฎร์ธานีร่วมกับพระครูสุขุมธรรมโกศล เจ้าคณะตำบลประสงค์ และคณะกรรมการวัดกาฬสินธุ์ผู้นำชุมชนผู้บริหารโรงเรียนจัดกิจกรรม อบรมคุณธรรม จริยธรรม ให้แก่เด็กนักเรียนในพื้นที่อำเภอท่าชนะกว่า 500 คน โดยมี พระครูปริยัตยาภิรม รักษาการเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานพร้อมมอบโอวาทให้เยาวชนประชาชนและข้าราชการนำองค์ประกอบหลัก 8 ประการของการสร้างความมั่นคงของชาติ ที่ประกอบด้วย 1.การเมืองเชิงคุณธรรมนำสุขสถิต 2.เศรษฐกิจเชิงคุณธรรมนำสุขศานติ์ 3.สังคมเปี่ยมคุณธรรมฉ่ำชื่นบาน 4.การทหารมีธรรมครองป้องถิ่นไทย 5.วิทยาศาสตร์มีคุณธรรมนำสุขดี 6.เทคโนโลยีมีคุณธรรมนำสุขใส 7.พลังงานอิ่มคุณธรรมนำเกรียงไกร 8.สิ่งแวดล้อมธรรมอำไพไร้โทษทัณฑ์
โดยการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมอันพึงประสงค์ ของเด็ก เยาวชน และคนไทย ในยุค 4.0 ให้นำหลักคุณธรรม 8 ประการ อันได้แก่ 1.ขยันฝึกตนเองอย่างเร่งรัด 2.ประหยัดเป็นนิจกิจนิสัย 3.ซื่อสัตย์ซื่อตรงอย่างจริงใจ 4. มีวินัยอย่างครบถ้วนควรแก่กาล 5.สุภาพอ่อนน้อมอย่างฉลาด 6.สะอาดทั้งกายใจและถิ่นฐาน 7.สามัคคีมีธรรมนำดวงมาร 8.มีน้ำใจจุนเจือจานเพื่อส่วนรวม มาเป็นเครื่องเตือนใจและนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันและมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนที่เรียนดี ประพฤติดีแต่ขาดทุนทรัพย์
นายประดิษฐ์ ช่วยรักษา ไวยาวัจกรวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่าปัจจุบัน เยาวชนได้เสพข่าวสารความรุนแรงเพิ่มขึ้นจากโลกโซเซียลและข่าวต่างๆทางทีวี ซึ่งเยาวชนได้ซึมซับความรุนแรงจากข้อมูลข่าวสารนักนั้นจึงได้ดำเนินโครงการดังกล่าว(ที่มา http://www.banmuang.co.th/news/region/123684)
บีบีซีอาเซียนรายงาน!ป.โทวิปัสสนาดีกรีดับทุกข์อดีตปาร์ตี้เกิร์ล
วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามเว็บไซต์บีบีซีไทยได้เผยแพร่รายงานเรื่อง "ป.โทวิปัสสนาดีกรีดับทุกข์อดีตปาร์ตี้เกิร์ล" เรื่องโดย นันท์ชนก วงษ์สมุทร์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย / วิดีโอโดย ภานุมาศ สงวนวงษ์ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับ "โชติรส จตุรสุววรณ" กราฟิกดีไซน์เนอร์สาววัย 27 ปี สนใจศึกษาต่อในระดับปริญญาโทสาขาวิปัสสนาภาวนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม เข้าเรียนเป็นเทอมแรก ในห้องเรียนมีพระภิกษุ 17 รูป และฆราวาสหญิงเพียง 2 คน ตามที่รายงานไปแล้วนั้น
สำนักข่าวบีบีซียังได้รายงานเป็นภาษาต่างๆ ในประเทศภูมิภาคอาเซียน และเผยแพร่ผ่านทางสื่อออนไลน์ต่างๆ อย่างเช่นเฟซบุ๊กด้วย ซึ่งมีผู้ติดตามชมเป็นจำนวนมาก
ไทย-เนปาลใช้"3Psโมเดล"ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงพุทธ
วันที่ 31 สิงหาคม 2561 เวลา 10.10 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ โรงแรมโซลธี คราวน์ พลาซ่า (Soaltee Crowne Plaza) กรุงกาฐมาณฑุ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบหารือกับ นายคัดห์กา ปราสาด ชาร์มา โอลิ (The Right Honourable Khadga Prasad Sharma Oli) นายกรัฐมนตรีเนปาล ในโอกาสเข้าร่วมระหว่างเข้าร่วมการประชุมผู้นำ BIMSTEC ครั้งที่ 4
พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญโดยเฉพาะประเด็นความสัมพันธ์ไทย – เนปาล มีความเชื่อมโยงทางศาสนาและวัฒนธรรมที่มีมายาวนานกว่าสองพันปี ชาวไทยนิยมเดินทางมาเพื่อเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ คือ ลุมพินีวัน ในฐานะที่เป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ดังนั้น ไทยพร้อมร่วมมือกับเนปาลภายใต้แนวคิด “3Ps” (Pieces, Places, People) รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ที่มีความเชื่อมโยงกันทางพุทธศาสนา ในการจัดทำ “Buddhist Story Book” เพื่อร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงพระพุทธศาสนาในเอเชีย ให้เป็นจุดหมายท่องเที่ยวร่วมกัน (Combined Destination) ไทยยังพร้อมสนับสนุนการก่อสร้างโรงพยาบาลในเขตลุมพินี ตามที่มีดำรินอกจากนี้ ชาวเนปาลจำนวนมากนิยมเดินทางเยือนไทยเพื่อรักษาพยาบาล ปัจจุบัน ไทยมีนโยบายพัฒนาประเทศเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเพื่อการรักษาพยาบาล (Medical Hub) ด้วย
"วิษณุ"เผยมส.ห้าม!ใช้วัดเป็นสถานที่ชุมนุม
วันที่ 31 ส.ค.2561 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประกาศมหาเถรสมาคม (มส.) ห้ามใช้วัดเป็นสถานที่ชุมนุม หรือสัมมนา หรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบและความแตกแยกเกิดขึ้นในสังคม ซึ่งมีการลงนามประกาศโดยสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ว่า เป็นประกาศ มส. เพื่อแจ้งแก่วัดต่างๆ เนื่องจากวัดอยู่ในอำนาจปกครองและบังคับบัญชาของ มส. ซึ่งจริงๆ แล้ว ประกาศ มส. เรื่องห้ามหาเสียงในวัดมีมานานแล้ว
"พระว.วชิรเมธี"ชี้พัฒนาAIต้องตอบสนองด้านสันติภาพ
"พระว.วชิรเมธี"ชี้พัฒนาAIต้องตอบสนองด้านสันติภาพ ไม่รับใช้ความรุนแรงและสงคราม เหตุอาจนำไปสู่ความล้มสลายของมนุษยชาติได้
เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย จ.เชียงราย เข้าถวายมุทิตาสักการะพระราชปริยัติกวี อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ณ สำนักงานอธิการบดี มจร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้อธิการบดีมหาจุฬาฯได้กล่าวขอบคุณและขออนุโมทนาในน้ำใจทุกรูป/คน พร้อมกล่าวชื่นชมพระมหาวุฒิชัยว่าเป็นผู้มีความสามารถในการทำงานด้านพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง เหมาะแก่การเป็นต้นแบบที่ดีน่ายกย่องน่าสรรเสริญ พร้อมทั้งมอบพระไตรปิฎกฉบับสากลฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ต่อมาพระมหาวุฒิชัยเข้าเยี่ยมชมวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มหาจุฬาฯ ได้มีโอกาสสนทนาแลกเปลี่ยนในฐานะกัลยาณมิตรกับพระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ ประเด็นสำคัญในการแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการพัฒนาสติ สมาธิภาวนาสำหรับชาวต่างชาติว่าในปัจจุบันควรมีรูปแบบอย่างไรในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาสำหรับนานาชาติ ซึ่งทั้งสองรูปมีประสบการณ์ในการทำงานระดับนานาชาติ สำหรับส่วนตัวมองว่าพระอาจารย์ทั้งสองรูปเป็นพระสงฆ์ธรรมดาที่มีผลงานไม่ธรรมดา ทั้งด้านวิชาการ ด้านการเขียน ด้านการเผยแผ่ ด้านการบูรณาการให้เหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน ถือว่าเป็นครูบาอาจารย์ต้นแบบในด้านของการพัฒนาตนจนเป็นที่พึ่งของผู้อื่น
ในโอกาสนี้นางอรอุมา เกษตรพืชผล พิธีกรรายการสถานีประชาชน ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้สัมภาษณ์ทั้งสองรูปเพื่อบันทึกออกรายการทางโทรทัศน์ เกี่ยวกับการใช้สติ สมาธิ ซึ่งพระมหาวุฒิชัย กล่าวในตอนหนึ่งว่า Ai หรือปัญญาประดิษฐ์ต้องสามารถตอบสนองด้านสันติภาพ Ai ต้องไม่รับใช้ความรุนแรงและสงคราม ซึ่งโลกนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เวลาจะพัฒนาสิ่งใดจะมีผลกระทบเกิดขึ้น เพื่อให้สังคมโลกตระหนัก ถ้าเราพัฒนาที่ปราศจากสติจะนำไปสู่ความล้มสลายของมนุษยชาติ เราจึงต้องตระหนักในเรื่องสติสมาธิภาวนา ปัจจุบันความต้องการของคนต่างชาติต้องการมาเรียนสติมาธิภาวนา คนทั้งโลกต้องการสมาธิภาวนา เพราะสติสมาธิภาวนาเป็นฐานของสันติภาพ
ส่วนพระมหาหรรษา กล่าวว่า ถึงความสนใจด้านสติสมาธิของคนในยุโรปในปัจจุบันมีทิศทางอย่างไร โดยยกประเด็นการไปร่วมการประชุมด้านสมาธิในภูมิภาคยุโรป ณ ประเทศฮังการี ว่าปัจจุบันคนในยุโรปมีการพัฒนาครูสอนสมาธิ มีการวิจัยด้านสมาธิอย่างเป็นระบบ จึงทำให้เรื่องสติสมาธิมีชีวิตชีวาในยุโรป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระมหาวุฒิชัยเป็นพระรูปหนึ่งที่ใช้สื่อออนไลน์เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาและส่งเสริมสันติภาพ พร้อมกับติดตามการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างใกล้ชิดรวมถึงประเด็น AI ด้วย โดยเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 พระมหาวุฒิชัยได้ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “พระพุทธศาสนา กับ ปัญญาประดิษฐ์”ในการประชุมวิชาการนานาชาติ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมเป็นนักศึกษาชาวจีนและคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก จำนวน 1,300 คน ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง อ.เมือง จ.เชียงราย
ภายในงานรศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมยุวพุทธิกสัมพันธ์แห่งโลก ครั้งที่ 8 จำนวนกว่า 1,000 คน ในประชุมหัวข้อ "ปัญญาประดิษฐ์กับพระพุทธศาสนา" ที่จัดขึ้นโดยสมาคมยุวพุทธิกสัมพันธ์แห่งโลก (World Youth Buddhist Society) โดยพิธีเปิดจัดขึ้นที่ห้องประชุมสมเด็จย่า มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2561 ว่าในนาม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงซึ่งเป็นสถานที่จัดประชุมในครั้งนี้ ขอต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมด้วยความยินดีอย่างยิ่ง
การสมาคมยุวพุทธิกสัมพันธ์แห่งโลก ร่วมกับจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยเชียงใหม่ ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ฮ่องกงโพลิเทคนิคยูนิเวอร์ซิตี้ (The Hong Kong Polytechnic University) และมหาวิทยาลัยไชนิสยูนิเวอร์ซิตี้ออฟฮ่องกง (Chinese University of Hong Kong : CUHK) ได้มาจัดประชุมครั้งนี้ มีคณะชาวพุทธจาก 36 ประเทศเข้าร่วม รวมทั้งนักวิชาการด้านการศาสนา มาเรียนรู้แลกเปลี่ยนร่วมกันในหัวข้อ‘ปัญญาประดิษฐ์กับพระพุทธศาสนา’ นับเป็นก้าวสำคัญของประวัติศาสตร์
“คำว่าปัญญาประดิษฐ์กำลังได้รับความสนใจอย่างหลากหลาย ทั้งจากวงการแพทย์ อุตสาหกรรม การดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ นำไปประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลาย จึงถือว่า ได้นำไปพัฒนาชีวิต ปัญญาประดิษฐ์ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการพัฒนาสังคม การศึกษา สิ่งแวดล้อม ปัญญาประดิษญ์กำลังได้รับการพัฒนาไปสู่ความทันสมัยและสามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ในหลายมิติคงจะสามมารถใช้ให้เกิดประโยชน์กับพุทธศาสนาในหลายทางเช่นเดียวกัน” อธิการบดี กล่าว และว่า
มีความเชื่อมั่นยิ่งว่าการจัดสัมมนาครั้งนี้จะเป็นแนวทางในการเสริมสร้างศักยภาพทางวิชาการเพื่อนำไปสู่การใช้ปัญญาประดิษฐ์ให้เป็นประโยชน์ในการบูรณาการกับศาสตร์พุทธศาสนาอย่างเป็นรูปธรรม
................
(หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Pramote OD Pantapat พระปราโมทย์ วาทโกวิโท พระวิทยากรกระบวนการธรรมะโอดี พระนิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร)
วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2561
คลี่ดุษฎีนิพนธ์เล่มแรก!สูตรสันติศึกษา"มจร"นวัตกรรมสร้างสันติภาพโลก
คลี่ดุษฎีนิพนธ์เล่มแรก!สูตรสันติศึกษา"มจร" จัดโฟกัสกรุ๊ปจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ หวังเต็มเติมนวัตกรรมสร้างสันติภาพโลก
วันที่ 31 ส.ค.2561 พระปราโมทย์ วาทโกวิโท พระวิทยากรกระบวนการธรรมะโอดี พระนิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เปิดเผยว่า วันที่ 1 ก.ย.นี้หลักสูตรสันติศึกษา มจร จัดให้มีการโฟกัสกรุ๊ป จากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 15 คน ในหัวข้อการวิจัยเรื่อง "รูปแบบการพัฒนาวิทยากรต้นแบบธรรมะโอดีโดยพุทธสันติวิธี" ดุษฎีนิพนธ์เล่มแรกของผู้วิจัย เพื่อเติมเต็มต่อยอดเสนอแนะแบบกัลยาณมิตรให้งานวิจัยสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งการวิจัยครั้งนี้ด้วยการสร้างรูปแบบที่มีความมาตรฐานเพื่อนำไปพัฒนาวิทยากรต้นแบบ จึงต้องศึกษาจากเอกสารงานวิจัยทั้งศาสตร์สมัยใหม่และพระพุทธศาสนาเถรวาท พุทธสันติวิธี มีการสัมภาษณ์วิทยากรมืออาชีพ ผู้จัดการฝึกอบรม ผู้เข้ารับการฝึกอบรม องค์กรที่เคยจัดฝึกอบรมและองค์กรที่ไม่เคยฝึกอบรมจากวิทยากรต้นแบบ ฝ่ายพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ฝ่ายฝึกอบรมองค์กรชั้นนำและสัมภาษณ์นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา เพื่อนำมาสร้างรูปแบบการพัฒนาวิทยากรธรรมะโอดี
"แต่ยังไม่เพียงพอสำหรับข้อมูลการวิจัย จึงต้องมีการโฟกัสเพื่อรับข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน โดยแบ่งออก 4 ด้าน คือ 1)ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพระพุทธศาสนาและพุทธสันติวิธี 2)ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเครื่องมือสันติวิธี 3)ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยากรฝึกอบรมและการพัฒนาวิทยากร ซึ่งรวมถึงด้านบุคลิกภาพ การสื่อสาร นักจิตวิทยา การโค้ช ๔)ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวิจัยพระพุทธศาสนาและการวิจัยเชิงพัฒนา หรือ R and D ถือว่าเป็นทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับ และเพื่อรับรองรูปแแบการพัฒนาวิทยากรต้นแบบ" พระปราโมทย์ กล่าวและว่า
ดังนั้น ผู้วิจัยจึงพยายามพัฒนางานวิจัยเล่มนี้ให้ดีที่สุด มิใช่เพื่อตนเองเท่านั้นแต่เพื่อเป็นรูปแบบของการพัฒนาพระสงฆ์ยุคใหม่ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ด้วยการสร้างวิทยากรต้นแบบที่มีคุณภาพออกสู่สังคมเป็นวิทยากรต้นแบบด้านสันติภาพ สามารถทำงานเผยแผ่ภายใต้พหุวัฒนธรรม ด้วยการใช้เครื่องมือพุทธสันติวิธีในการเผยแผ่ธรรมโดยยึดใน "หลักการ อุดมการณ์ วิธีการ" ของพระพุทธเจ้าในการเผยแผ่ธรรม จึงขอขอบคุณที่ปรึกษาดุษฏีนิพนธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ บุคคลผู้เกี่ยวข้อง ผู้สนับสนุน ผู้ให้กำลังใจ ผู้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนางานวิจัยเล่มนี้ เพื่อเป็นคู่มือการพัฒนาวิทยากรต้นแบบในด้านสันติภาพ ขอปัญญาบารมีจงบังเกิดขึ้นกับทุกท่านด้วยเทอญ
คุณค่าการใช้สื่อออนไลน์
ประกอบในการเรียนการสื่อ
ตัวอย่าง กระทรวงศึกษาตามข่าว มจร ฮังการี และตัวมจร เอง สถานศึกษาต่างๆ
การใช้สื่อออนไลน์ ปัจจัยกระตุ้น ส่งเสริม
นวัตกรรมการใช้สื่อออนไลน์ ปัจจัยกระตุ้น ส่งเสริม วิทยานิพนธ์
ทบทวนวรรณกรรม(โยนิโสมนสิการ)
https://www.nbtc.go.th/getattachment/Information/ผลการศึกษาวิจัย/29454/เอกสารแนบ.pdf.aspx
file:///C:/Users/Banmuang/Downloads/47984-Article%20Text-110812-1-10-20160204%20(1).pdf
file:///C:/Users/Banmuang/Downloads/92378-Article%20Text-229123-1-10-20170711%20(2).pdf
http://gs.rmu.ac.th/grc2017/fullpaper/file/HS-O-10.pdf
file:///C:/Users/Banmuang/Downloads/89745-Article%20Text-220287-1-10-20170615.pdf
การใช้เว็บไซต์เฟซบุ๊กทางอินเทอร์เน็ตของพระสงฆ์ http://ethesisarchive.library.tu.ac.th/thesis/2016/TU_2016_5707030390_5666_6349.pdf
พุทธนวัตกรรม or การใช้สื่อออนไลน์ or ส่งเสริมสันติภาพ or พระสงฆ์ or สังคมไทย or วิทยานิพนธ์ or ดุษฎีนิพนธ์
พุทธนวัตกรรม and การใช้สื่อออนไลน์ and ส่งเสริมสันติภาพ and พระสงฆ์ and สังคมไทย and วิทยานิพนธ์ and ดุษฎีนิพนธ์
ตัวอย่าง กระทรวงศึกษาตามข่าว มจร ฮังการี และตัวมจร เอง สถานศึกษาต่างๆ
การใช้สื่อออนไลน์ ปัจจัยกระตุ้น ส่งเสริม
นวัตกรรมการใช้สื่อออนไลน์ ปัจจัยกระตุ้น ส่งเสริม วิทยานิพนธ์
ทบทวนวรรณกรรม(โยนิโสมนสิการ)
https://www.nbtc.go.th/getattachment/Information/ผลการศึกษาวิจัย/29454/เอกสารแนบ.pdf.aspx
file:///C:/Users/Banmuang/Downloads/47984-Article%20Text-110812-1-10-20160204%20(1).pdf
file:///C:/Users/Banmuang/Downloads/92378-Article%20Text-229123-1-10-20170711%20(2).pdf
http://gs.rmu.ac.th/grc2017/fullpaper/file/HS-O-10.pdf
file:///C:/Users/Banmuang/Downloads/89745-Article%20Text-220287-1-10-20170615.pdf
การใช้เว็บไซต์เฟซบุ๊กทางอินเทอร์เน็ตของพระสงฆ์ http://ethesisarchive.library.tu.ac.th/thesis/2016/TU_2016_5707030390_5666_6349.pdf
พุทธนวัตกรรม or การใช้สื่อออนไลน์ or ส่งเสริมสันติภาพ or พระสงฆ์ or สังคมไทย or วิทยานิพนธ์ or ดุษฎีนิพนธ์
พุทธนวัตกรรม and การใช้สื่อออนไลน์ and ส่งเสริมสันติภาพ and พระสงฆ์ and สังคมไทย and วิทยานิพนธ์ and ดุษฎีนิพนธ์
BUDDHIST INNOVATIVE USE OF ONLINE MEDIA
FOR ENHANCING PEACE BY MONKS TO THAI SOCIETY
รู้จักหาที่ไหน ค้น จับประเด็น วิเคราะห์ ตีความ สงเคราะห์ เขียน
การใช้สื่อออนไลน์เพื่อสันติภาพอย่างไร
ที่ไหน อย่างไร พระเป็นอย่างไร
http://bri.mcu.ac.th/research/
การค้นข้อมูล https://www.youtube.com/watch?v=TJ5o7bbW2Vs
lexitron
การใช้สื่อออนไลน์เพื่อสันติภาพอย่างไร
ที่ไหน อย่างไร พระเป็นอย่างไร
http://bri.mcu.ac.th/research/
การค้นข้อมูล https://www.youtube.com/watch?v=TJ5o7bbW2Vs
lexitron
เกษตรกร-ประมง-ฟาร์มโคนมเวียดนามนำ AI เพิ่มผลผลิต
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Internet of things (อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง: IoT) กำลังได้รับความนิยมในภาคเกษตรกรรมและการประมงของเวียดนาม รวมถึงเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ กันมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนและควบคุมคุณภาพ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มปริมาณผลผลิต หลังรัฐบาลเวียดนามหันมาให้ความสำคัญในภาคการส่งออกมากขึ้น
บริษัท Minh Phu Seafood ฟาร์มกุ้งรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม เปิดเผยว่าเตรียมนำระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ในการจัดการบ่อเลี้ยงกุ้งและพัฒนาการควบคุมคุณภาพภายในปี 2019 โดยคาดว่าจะช่วยลดจำนวนแรงงานลง ขณะที่ Vietnam Dairy Products (Vinamilk) ผู้ผลิตนมอันดับ 1 ของเวียดนาม เตรียมนำระบบเซ็นเซอร์และไมโครชิปเข้ามาใช้ในโรงงานแห่งใหม่ที่สามารถเลี้ยงโคนมได้มากถึง 2.2 หมื่นตัว เพื่อควบคุมยุ้งฉางและสุขอนามัย อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากบริษัทรายใหญ่ สตาร์ทอัพในเวียดนามเริ่มสนใจภาคการเกษตรมากขึ้น
(หมายเหตุ : ที่มาข่าวและภาพประกอบ: Nikkei Asian Review, 27/8/2018,อ้างใน https://www.tcijthai.com/news/2018/8/asean/8284)
พระมหาวุฒิชัยถวายมุทิตาสักการะอธิการบดี"มจร"
วันที่ 30 สิงหาคม 2561 พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย จ.เชียงราย เข้าถวายมุทิตาสักการะพระราชปริยัติกวี อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ณ สำนักงานอธิการบดี มจร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
พระมหาวุฒิชัยนั้นจบปริญญาโท สาขาพระพุทธศาสนา มจร
Streamingนวัตกรรมทางเลือกใหม่สื่อออนไลน์
Streaming คืออะไร?
Streaming คือการรับส่งข้อมูลภาพและเสียงผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ตโดยที่ผู้ส่งสัญญาณไม่จำเป็นต้องอัพโหลดไฟล์ทั้งหมดเข้าในเครือข่าย และผู้ชมเองก็ไม่จำเป็นต้องโหลดไฟล์ทั้งหมดเพื่อดูสื่อนั่นเอง ตามปกติแล้วเราจะเห็นการ Streaming ผ่านทาง Facebook หรือ Youtube ซึ่งอาจจะได้ยินชื่อย่อว่า Live ที่เป็นการย่อมาจากคำว่า Live Streaming นั้นเอง
ข้อดีของการ Streaming
-มีความเป็นอิสระสูง
-ผู้ชมมีส่วนร่วมมากกว่าสื่อแบบอื่น ๆ
-เป็นช่องทางที่สามารถนำเสนอได้ไว
-สามารถถ่ายทอดสดได้ตลอดเวลาเพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต
-ต้นทุนในการทำไม่สูง
ข้อเสียของการ Streaming
-ไม่มีการควบคุมดูแลเนื้อหา จนอาจทำให้มีเนื้อหาที่รุนแรงเกิดขึ้น
-ไม่มีการกำจัดอายุผู้เข้าชม
-อาจเป็นช่องทางของมิจฉาชีพ
สรุปแล้วการ Streaming นั้นเป็นเพียงนวัตกรรมที่เป็นเครื่องมือสื่อสารในรูปแบบใหม่เท่านั้นเอง การที่จะถูกนำไปใช้ให้ก่อประโยชน์หรือโทษขึ้นอยู่ที่ผู้ใช้งาน ถ้าผู้ใช้งานรู้จักนำมาใช้ให้ก่อเกิดประโยชน์ก็สามารถสร้างมูลค่าได้ แต่ถ้าใช่ไม่ถูกวิธีหรือผิดจุดประสงค์ก็อาจก่อให้เกิดโทษได้นั่นเอง
(หมายเหตุ : ข้อมูลจากเฟซบุ๊กNIA : National Innovation Agency, Thailand)
นวัตกรรมเครือข่าย
2.นวัตกรรมเครือข่าย : คือนวัตกรรมที่กระจายรายได้หรือการสร้างการทำงานรวมกัน หรือการทำ Co-Branding ระหว่างองค์กรต่าง ๆ เพื่อให้เกิดมุมมองใหม่ ๆ เช่น การร่วมมือกันของ National Geographic กับประเทศนิวซีแลนด์ ที่ใช้การถ่ายทำสารคดีประเทศนิวซีแลนด์ในมุมมองใหม่ ๆ เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยว
3.นวัตกรรมโครงสร้าง : คือนวัตกรรมจัดรูปแบบองค์กร โดยใช้ความสามารถ พรสวรรค์ และสินทรัพย์ต่างๆ ในทิศทางที่เพิ่มมูลค่าให้บริษัท เช่น Google หรือ Facebook ที่มีสวัสดิการดี ๆ ต่างให้กับพนักงาน เช่นห้องนอนหลับ ห้องเล่นเกม ห้องออกกำลังกาย เป็นต้น
7,นวัตกรรมบริการ : คือนวัตกรรมที่ว่าด้วยการคำนึงถึงการช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการหา ซื้อ จ่าย ให้ลูกค้าสนุกกับสินค้าของเรา อาจให้สินค้าตัวอย่าง หรือมีศูนย์ให้ข้อมูล หรือศูนย์บริการส่วนตัว บริการส่งหรือรับคืนสินค้า การรับบริการด้วยตัวเอง เช่น Lazada ที่มีบริการที่ลูกค้าส่งให้สินค้ามาส่งได้ก่อนการจ่ายเงิน
3.นวัตกรรมโครงสร้าง : คือนวัตกรรมจัดรูปแบบองค์กร โดยใช้ความสามารถ พรสวรรค์ และสินทรัพย์ต่างๆ ในทิศทางที่เพิ่มมูลค่าให้บริษัท เช่น Google หรือ Facebook ที่มีสวัสดิการดี ๆ ต่างให้กับพนักงาน เช่นห้องนอนหลับ ห้องเล่นเกม ห้องออกกำลังกาย เป็นต้น
7,นวัตกรรมบริการ : คือนวัตกรรมที่ว่าด้วยการคำนึงถึงการช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการหา ซื้อ จ่าย ให้ลูกค้าสนุกกับสินค้าของเรา อาจให้สินค้าตัวอย่าง หรือมีศูนย์ให้ข้อมูล หรือศูนย์บริการส่วนตัว บริการส่งหรือรับคืนสินค้า การรับบริการด้วยตัวเอง เช่น Lazada ที่มีบริการที่ลูกค้าส่งให้สินค้ามาส่งได้ก่อนการจ่ายเงิน
แนะใช้"3ร."บริหารงบประมาณบูรณาการวิจัยและนวัตกรรมปี63
วันที่ 30 สิงหาคม 2561 ที่ห้องประชุมแซฟไฟร์ 204 - 206 ชั้น 2 อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับสำนักงานนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) จัดการประชุม “แนวทางการบริหารงบประมาณบูรณาการวิจัยและนวัตกรรม ปีงบประมาณ 2563” เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเตรียมการจัดทำแผนบูรณาการวิจัยและนวัตกรรม และเตรียมความพร้อมสำหรับการบริหารจัดการงบประมาณการวิจัยและนวัตกรรม ปีงบประมาณ 2563 โดยได้รับเกียรติจาก พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี บรรยายพิเศษเรื่อง “วิจัยและนวัตกรรม...กลไกสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศ”
ศาสตราจารย์นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ แนะแนวทางการบูรณาการวิจัยต้องทำเป็นระบบอันเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย 3 ร.คือ "ร่วมคิด" พัฒนาโจทย์วิจัย แล้ว "ร่วมทำ" ด้วยการบูรณาการความเชี่ยวชาญ และ "ร่วมสร้าง" ด้วยการลงทุน ถึงจะทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และมีพลังในการขับเคลื่อนการวิจัยและนวัตกรรม อันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศและสามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในอนาคตได้
สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวนช.) โดย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) จึงได้จัดทำ “ร่างยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – พ.ศ. 2579)” ขึ้น เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาของประเทศ โดยมีความสอดคล้องกับเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และได้กำหนดยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ออกเป็น 4 ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม ยุทธศาสตร์ที่ 3 การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการสร้างองค์ความรู้พื้นฐานของประเทศ และยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ และเพื่อให้การดำเนินงานจัดทำแผนงบประมาณบูรณาการการวิจัยการวิจัยและนวัตกรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
(หมายเหตุ : ที่มา http://www.banmuang.co.th/news/education/123493)
ดร.ศักดิ์เผยโซเชียลมีเดียคือถังข้อมูล Big Data ที่แท้จริง
วันที่ 30 ส.ค.2561 ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA เปิดเผยว่า มุมมองด้านข้อมูลในโลกดิจิทัลที่ปรากฏการณ์โพสต์บนสื่อโซเชียลมีเดียมีมากมายเช่นเหตุการณ์น้ำท่วม เด็กติดในถ้ำ มีทั้งภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว รวมถึงข้อความติดแฮชแท็กภายใน 1 วันมีปริมาณมหาศาล นับเป็นข้อมูลบิ๊กดาต้า (Big Data) อย่างแท้จริง เพราะมีองค์ประกอบทั้งมิติด้านขนาดที่มโหฬารมาก และมีความหลากหลายในรูปแบบต่างๆ บางรูปแบบไม่มีโครงสร้างที่แน่นอนและยังรวมถึงเวลาของข้อมูลนั้นๆ มีนัยสำคัญมากอีกด้วย
การจัดการบิ๊กดาต้าจึงต้องมีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพทั้งการจัดเก็บ การวิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อสร้างความเข้าใจที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาต่างๆ ได้อย่างตรงจุด และทันท่วงที และสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่คาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าได้และเตรียมแผนรับมือ ลดการสูญเสียและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย นับได้ว่าเป็นเรื่องยาก
"ข้อดีของการนำข้อมูลจากสื่อโซเชียลมีเดียมาใช้วิเคราะห์นั้นไม่ยาก เนื่องจากมีระบบรองรับการนำไปต่อยอดอยู่แล้ว และสิ่งที่ยากคือการจัดการบิ๊กดาต้าจึงต้องมีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพทั้งการจัดเก็บ การวิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อสร้างความเข้าใจที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาต่างๆ ได้อย่างตรงจุด และทันท่วงที และสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่คาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าได้และเตรียมแผนรับมือ ลดการสูญเสียและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย" ดร.ศักดิ์ กล่าวและว่า
นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือจะต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลจากหลายๆ แหล่งให้เหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่าข้อเท็จจริงถูกต้องหรือไม่ ถือเป็นหัวใจของการวิเคราะห์ และการตีความหมายของข้อมูลที่เป็นภาพ หรือภาพเคลื่อนไหวให้กลายเป็นสารสนเทศที่นำไปใช้ในการวิเคราะห์ต่อที่เหมาะสม จำเป็นต้องมีการพัฒนาแบบจำลอง (Model) ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอและใช้ได้ในทุกกรณี จึงต้องมีการเตรียมการบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถให้พร้อมด้วย
ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้การบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ดังกล่าวจะมีต้องมีการจัดตั้งทีมบิ๊กดาต้าภายในองค์กร เพื่อบริหารจัดการข้อมูลที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญไม่ว่าจะเป็น นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) นักสถิติ ผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ ดังนั้นเมื่อเริ่มใช้ข้อมูลขนาดใหญ่สำหรับภาครัฐ หัวใจสำคัญคือ การสร้างคนภาครัฐ ให้เข้าใจว่า บิ๊กดาต้าคืออะไร ลำดับต่อมาคือ การวิเคราะห์จากข้อมูลในลักษณะนี้จะนำมาใช้ทำอะไร อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นเป็นการทำ Small Data หรือ Big Data หัวใจที่สำคัญคือความเข้าใจในการนำไปใช้ต่อให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด
(หมายเหตุ : ที่มา http://www.banmuang.co.th/news/education/123489)
ทั้งนี้คนที่ทำหน้าที่นำข้อมูลดิบด้านต่าง ๆ มาประมวลผลผ่านการทดสอบจากการตั้งคำถามและสมมติฐานต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ Data Scientist โดยมีทักษะคือ 1.ทักษะการเขียนโปรแกรม 2.ความรู้ด้านสถิติและคณิตศาสตร์ 3.ความรู้ด้านธุรกิจ 4.ทักษะการสื่อสาร ตอนนี้ประเทศไทยยังขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ในด้านนี้อยู่เป็นจำนวนมาก(ข้อมูลจาก NIA : National Innovation Agency, Thailand)
วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561
กทปส.ให้ทุนหนุน4โครงการตระหนักตื่นรู้เท่าทันสื่อ
วันที่ 30 ส.ค.2561 นายนิพนธ์ จงวิชิต รักษาการผู้จัดการกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทและการเปลี่ยนแปลงที่เป็นทางเลือกใหม่สำหรับการเข้าถึงสื่อใหม่ๆ แต่เนื้อหา หรือ (Content) ได้พัฒนาไปตามรูปแบบช่องทางและแพลตฟอร์มต่างๆ อาจขาดการกลั่นกรองและตรวจสอบความถูกต้อง ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคสื่อมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
กทปส. ให้ความสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนทุนในการดำเนินโครงการฯ จำนวน 4 โครงการ ตามวัตถุประสงค์ของกองทุน มาตรา 52 (2) ด้านการรู้เท่าทันสื่อเทคโนโลยีด้านการใช้คลื่นความถี่ เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และอุตสาหกรรมต่อเนื่องคือ โครงการเสริมสร้างความรู้แก่ประชาชนเพื่อให้มีความสามารถในการรู้เท่าทันสื่อในกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ โดยสมาคมสภาวิชาชีพกิจการการแพร่ภาพและการกระจายเสียง (ประเทศไทย) มีวัตถุประสงค์ผลิตเนื้อหารณรงค์ สร้างความตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ ส่งเสริมความรู้ สร้างทักษะ และกระตุ้นผู้บริโภคสื่อนำทักษะความรู้มาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน และให้เกิดการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังโดยร่วมกับองค์กรรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีบทบาทด้านสื่อ ใช้รูปแบบการให้ข้อมูลเป็นลักษณะการแทรกข้อมูลในเนื้อหารายการแพร่ภาพออกอากาศทางสื่อโทรทัศน์ มีรูปแบบรายการที่ผลิตและนำเสนอทั้งในรูปแบบสารคดี TV Scoop และผลิตแทรกข้อมูลในเนื้อหารายการเจาะใจกับรายการ Persective และยังแพร่ภาพทาง Facebook และ Youtube เพื่อให้เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายได้รับสื่อผ่านช่องทางและแพลตฟอร์มใหม่ๆ นอกเหนือจากทางโทรทัศน์
โครงการ "รู้รอบกรอบสื่อ" โดยสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) มีวัตถุประสงค์ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ "รู้เท่าทันสื่อ" ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในการบริโภคสื่อและใช้ประโยชน์จากสื่อ เพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องและตอกย้ำข้อมูลรู้เท่าทันสื่อให้ประชาชนได้ตระหนักและตื่นตัวที่จะป้องกันการถูกหลอกลวงจากการนำเสนอของสื่อ ซึ่งจะผลิตเนื้อหารายการรู้เท่าทันสื่อ ออกอากาศในรายการ 5 เช้าเม้าท์ใหญ่ ช่วงรู้รอบกรอบสื่อ และทำการรีรันทางช่อง TGN และ Live สดผ่าน Facebook Fanpage กับ Youtube โครงการ The Knowledge รู้เท่าทันสื่อ โดยบริษัท เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัดมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือตระหนักรู้และตื่นตัว และโครงการโซเชี่ยวบายจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีวัตถุประสงค์ตระหนักและตื่นรู้ (ที่มา : http://www.banmuang.co.th/news/education/123463)
เจอแล้วลูก"โหน่ง ชะชะช่า"หายไปปฏิบัติธรรม
วันที่ 30 ส.ค. 61 จากกรณีที่นายกิตติภูมิ เอี่ยมสุข หรือ เดียร์ ลูกชายนายชูศักดิ์ เอี่ยมสุข หรือโหน่งชะชะช่าได้หายตัวไปหลังจากขึ้นรถแท็กซี่ออกจากบ้านเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น วันนี้ โหน่ง ชะชะช่า ได้โพสต์ข้อความในอินสตาแกรมส่วนตัวชื่อ "nong_chachacha" ระบุว่า "ทางครอบครัวเอี่ยมสุข ขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่เป็นห่วงน้องเดียร์ ลูกชายผม ตอนนี้เจอลูกชายแล้วคับ เค้าไปปฏิบัติธรรม สถานที่ขอไม่เปิดเผยเพราะเกรงใจทางวัด ขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยกระจายข่าวในทุกช่องทางด้วยครับ"
มธ.รุกตลาดวิชายุค4.0ผลิตสื่อออนไลน์ มุ่งเป้าวัย"โจ๋-ทำงาน-เกษียณ"
วันที่ 30 ส.ค.2561 รองศาสตราจารย์เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า มธ.ได้ยกระดับยุทธศาสตร์ด้านวิชาการด้วยการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ทางด้านการเรียนการสอน อาทิ การปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนในวิชาศึกษาทั่วไป(General Education Reforming) ทั้ง 10 วิชา ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีลักษณะเป็นผู้นำ ก้าวทันโลกยุคปัจจุบัน เน้นการเชื่อมโยงให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว "เจน เน็กซ์ อะคาเดมี่" (Gen Next Academy) การเรียนในรูปแบบ Massive Open Online Course หรือ MOOC ด้วยการนำเทคโนโลยีและวิธีการเรียนการสอนสมัยใหม่มาผสมผสานกัน พร้อมตั้งเป้าผลิตสื่อการสอนแบบออนไลน์ 40 วิชาต่อปี เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ ทุกเวลา
"นอกจากนี้ในอนาคตจะเปิดโอกาสให้คนภายนอกได้เข้ามาศึกษาตามความสนใจอีกด้วย โดยระบบดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้กลุ่มคนทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ นักเรียนมัธยม วัยทำงาน และวัยเกษียณ สามารถเข้าคอร์สเรียนเพิ่มเสริมทักษะ เพื่อทบทวนความรู้เดิมและแสวงหาความรู้ใหม่ ตามความต้องการและสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้ทั้งแบบออนไลน์และเข้าร่วมศึกษาในชั้นเรียน ซึ่งผู้เรียนสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่จำกัดวุฒิและอายุ รวมทั้งสามารถรับประกาศนียบัตร อนุปริญญาหรือปริญญาบัตร ตามข้อกำหนดของแต่ละหลักสูตร" รองศาสตราจารย์เกศินี กล่าว
ด้าน รศ.ดร.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า มธ. ได้จัดงาน "เจน เน็กซ์ เอ็ดดูเคชั่น 2018" (Thammasat Gen Next Education 2018) เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรมด้านการศึกษาของโลก โดยภายในงานมีการจัดแสดงประกอบไปด้วยไฮไลท์ 4 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่มเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (EdTech) จัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการศึกษา อาทิ "TU Student App" แอปพลิเคชันอำนวยความสะดวกของนักศึกษา มธ. ที่สามารถตรวจสอบตารางเรียน เช็คชื่อเข้าเรียน และบันทึกกิจกรรมที่เข้าร่วม และ "ห้องสตูดิโอกระจก" สตูดิโอสำหรับการทำอี-เลิร์นนิ่ง เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้รูปแบบใหม่ให้กับผู้เรียน ตลอดจนการโชว์นวัตกรรมด้านการศึกษาจากหลายบริษัทชั้นนำ อาทิ ซิสโก (CISCO) และธนาคารไทยพาณิชย์ รวมกว่า 15 บริษัท
2. กลุ่มทรานเฟอร์ (Transfer) การจัดแสดงการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการศึกษาโลกในอนาคต อาทิ การจัดอินเตอร์แอคทีฟบอร์ด (Interactive Boards) ในเรื่องหลักสูตรพันธุ์ใหม่ของ มธ. หลักสูตรพัฒนาบัณฑิตให้เป็นกำลังสำคัญของ 5 อุตสาหกรรมใหม่ตามยุทธศาสตร์ชาติ เปิดตัวแนวคิดและรูปแบบของข้อสอบ GREATS ตัวชี้วัดทักษะบัณฑิตที่สำคัญนอกเหนือจากด้านวิชาการ รวมทั้งการเผยโฉม "เจน เน็กซ์ อะคาเดมี่" (Gen Next Academy) การเรียนในรูปแบบ Massive Open Online Course หรือ MOOC แนวคิดใหม่ เพื่อการศึกษาไร้ขีดจำกัด
3. กลุ่มทรานฟอร์ม (Transform) การเปลี่ยนแปลงสู่รูปแบบการเรียนและการสอนที่สอดคล้องกับสภาวะของโลกและผู้เรียนในอนาคต ผ่านกิจกรรมเวิร์คช็อปเพื่อพัฒนาการศึกษา ได้แก่ (1) "Innovative Learning : Beyond The Basics" เน้นการขยายขอบเขตการจัดการเรียนการสอนเชิงการเล่นเกม (Gamification) เพื่อสร้างสรรค์บทเรียนที่ดึงดูดใจ สำหรับทั้งในห้องเรียนและคอร์สเรียนออนไลน์ โดยวิทยากรจากคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มธ. และ (2) "DIY e-Learning by Dome Digital Innovation" การสอนทำบทเรียนอีเลิร์นนนิง ด้วยการลงมือทำจริงด้วยตนเอง โดย รศ.พิชิต ตรีวิทยรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอีเลิร์นนิง (License e-Learning Professional)
4. กลุ่มเทรนด์ (Trend) เปิดมุมมองรูปแบบการศึกษาในอนาคตและการปรับตัวของ มธ. ให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปของโลก ผ่านการปาฐกถาเรื่อง "Higher Education and It's Role In Education Landscape" โดยศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และการเสวนาเรื่อง "Thammasat Transformation 2020: สู่บทบาทใหม่ของมหาวิทยาลัยเพื่อประชาชน" นำโดย รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดี มธ. และศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการสภา มธ.
(หมายเหตุ : ที่มา http://www.banmuang.co.th/news/education/123451)
"บิ๊กตู่"บินเนปาลถกผู้นำอ่าวเบงกอลหาแนวส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงพุทธ
เมื่อเวลา 30 ส.ค.2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)พร้อมคณะ ได้เดินทางเพื่อเข้าร่วมประชุมผู้นำความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 30-31 ส.ค.ณ กรุงกาฐมาณฑุ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล โดยมีกำหนดการเข้าเยี่ยมคารวะนางพิทา เทวี ภันฑรี ประธานาธิบดีเนปาล และหารือทวิภาคี กับนายนเรนทร โมที นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย และ นายคัดห์กา นายกรัฐมนตรีเนปาล ทั้งนี้ประเด็นหลักการประชุมครั้งนี้มุ่งสู่ความสงบสุข ความมั่นคั่งและยั่งยืนแห่งภูมิภาคอ่าวเบงกอล โดยมีประเด็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงพุทธในภูมิภาครวมอยู่ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2561ที่ผ่านมา นายราม นาถ โกวินท์ (Ram Nath Kovind) ประธานาธิบดีประเทศอินเดีย เป็นธานเปิดงานประชาสัมพันธ์ “อินเดียแดนท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนานานาชาติ” โดยเชิญชาวพุทธทั่วโลก 30 กว่าประเทศ 200 กว่าคนมาร่วมงานอย่างยิ่งใหญ่ ที่กรุงเดลี เมืองหลวงของประเทศอินเดีย โดยผู้แทนจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยร่วมงานด้วย
บ.กูเกิ้ลสหรัฐใผ่ธรรม!นิมนต์"พระอาจารย์ติช นัท ฮันห์"อบรมสมาธิภาวนา
เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2561 ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก Sunthorn Utaithum ได้รายงานว่า พระอาจารย์ติช นัท ฮันห์ ภิกษุชาวเวียดนามซึ่งพำนักอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ได้เดินทางไปบรรยายและอบรมการทำสมาธิภาวนาวิถีพุทธให้กับพนักงานของบริษัทกูเกิ้ลที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาครึ่งวัน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าสมาธิภาวนาเป็นวิถีปฏิบัติที่ส่งผลดีต่อสมองและเป็นเส้นทางไปสู่ความสุข
ตลกตรงที่มีช่วงหนึ่งที่ท่านบรรยายให้กับพนักงานของบริษัทกูเกิ้ลฟังว่า ทุกวันนี้เราถูกข้อมูลเป็นจำนวนมากประเดประดังเข้าใส่ ในขณะที่เราต้องการข้อมูลเพียงน้อยนิดเพื่อการดำรงชีวิต หลายสิ่งหลายอย่างที่เราไปตามรู้ แต่กลับพบว่ามันแทบไม่มีประโยชน์อะไรกับชีวิตเลย เพราะแท้จริงแล้วความสุขไม่ได้ขึ้นกับว่าเรารู้อะไรมากแค่ไหน แต่ขึ้นกับว่าสิ่งที่เรารู้นั้น ได้นำมาใช้เพื่อทำให้ชีวิตมีความสุขหรือเปล่า
ทั้งนี้บริษัทกูเกิ้ล ได้จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการฝึกสติอย่างต่อเนื่องอย่างเช่นตามรายงานนี้ สติ VS. นวัตกรรม เบื้องหลังความสำเร็จของ GOOGLE คือ การฝึกให้พนักงาน “เจริญสติ”
เฟซบุ๊ก Sunthorn Utaithum ได้รายงานด้วยว่า รัฐบาลแคนาดาสงสัยว่าทำไมวัดพุทธมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และคนแคนาเดียนก็เข้าวัดไปปฏิบัติธรรมกันมากขึ้นๆ จึงส่งรัฐมนตรีคนหนึ่งเป็นสายลับปลอมตัวมาสืบ คือมานั่งเรียนทฤษฎี มาเดินจงกรม และปฏิบัติสมาธิภาวนา เรียนจนจบหลักสูตรที่แคนาดา 6 เดือน แล้วมาเปิดหลักสูตรด้วยการเดินจงกรมขึ้นดอยอินทนนท์ที่ประเทศไทย ถึงได้โป๊ะแตก และยอมเปิดเผยว่าตนเองเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่งของรัฐบาลแคนาดา
เขากลับไปบอกนายกรัฐมนตรีให้รับรองหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐานของพระพุทธศาสนา โดยกล่าวในที่ประชุมรัฐสภาว่า ถ้าประเทศแคนาดาไม่รับรองหลักสูตรนี้ ถือว่าโง่มาก การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจึงได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามกฏหมายของประเทศแคนาดานับแต่บัดนั้น
วัดศรีสุดาราม-ม.กรุงเทพธนบุรีสร้างศูนย์แพทย์รับสังคมผู้สูงอายุฯกทม.
วันที่ 29 ส.ค.2561 พระเทพประสิทธิมนต์ เจ้าอาวาสวัดศรีสุดาราม ที่ปรึกษาเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เป็นประธานดำเนินการจัดสร้างศูนย์แพทย์ศาสตร์และการเรียนรู้เพื่อผู้สูงอายุ บริเวณถนนเลียบคลองปทุม แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ พร้อมด้วยผศ.ดร.บังอร เบญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เป็นประธานในพิธีเทคอนกรีตหล่อเสาเอกเป็นปฐมฤกษ์ศูนย์แพทย์ศาสตร์ฯ และบริจาคสมทบทุนสร้างศูนย์การแพทย์ฯ เพื่อสนองนโยบายของมหาเถรสมาคม(มส.) ด้านสาธารณสงเคราะห์ ต่อสาธารณชน
หลวงปู่มั่นพระผู้ยึดมั่นพระธรรมวิจัยไม่รับสิทธิพิเศษ
วันที่ 29 ส.ค.2561 เพจ "พเนจร สุดทางไป" ได้โพสต์ในเพจ "ธรรมะดี มีไว้แบ่งปัน" ได้ระบุถึงปฏิประทาของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตตามทำบอกเล่าของหลวงปู่ดูลย์ อนาลโย ในการปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยข้อนิสัย 4 ประการที่พัฒนาถึงขั้นถือธุดงค์อย่างเคร่งครัด
ซึ่งนิสสัย 4 คือ เครื่องอาศัยของบรรพชิต หรือ สิ่งที่บรรพชิตพึงปฏิบัติ เพื่อการยังชีพ ประกอบด้วย
1. เที่ยวบิณฑบาต คือ ให้ภิกษุเลี้ยงชีพด้วยการบิณฑบาต โดยอาศัยชาวบ้านเป็นอยู่ โดยปัจจัยที่ได้จากการบิณฑบาตนั้นถือว่าเป็นปัจจัยที่บริสุทธิ์
2. นุ่งห่มผ้าบังสุกุล คือ การนุ่งห่มผ้าที่หาเจ้าของมิได้ เช่นผ้าตามกองขยะที่ชาวบ้านทิ้ง หรือ ผ้าห่อศพ ภิกษุในสมัยพุทธกาลจะเก็บมาย้อมเย็บเป็น จีวร สบง ไว้นุ่งห่ม
3. อยู่โคนไม้ เนื่องจาก ในสมัยพุทธกาล ผู้ที่บวชเป็นบรรพชิต เมื่อทิ้งบ้านเรือนมาออกบวชก็มักจะอาศัยอยู่ในป่า แม้แต่พระพุทธองค์ก็มิได้ยกเว้น ต่อมาภายหลังจึงมีผู้ศรัทธาสร้างกุฏิถวาย
4. ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า คือ การฉันยารักษาโรคด้วยยาดองน้ำมูตร(ปัสสาวะ)
จากการกล่าวถึงพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตของหลวงปู่ดูลย์นั้นสามารถสังเคราะห์ตามหลักนิสสัย 4 ได้ดังนี้
1.ข้อเที่ยวบิณฑบาตนั้นพระอาจารย์มั่นบิณฑบาตโปรดสัตว์เป็นประจำไม่เคยขาดและฉันเฉพาะอาหารที่อยู่ในบาตร และไม่นิยมรับสิทธิพิเศษจากกรานกฐิน หลังจากจำพรรษา 3 เดือน
2.ข้อนุ่งห่มผ้าบังสุกุล พระอาจารย์มั่น จะไม่ยอมใช้สบงจีวรสำเร็จรูป หรือ คหบดีจีวร ที่มีผู้ซื้อจากท้องตลาดมาถวายเลย นอกจากได้ผ้ามาเองแล้วนำมาตัดเย็บย้อมเองทั้งหมดจึงใช้
3.ข้ออยู่โคนไม้ พระอาจารย์มั่นจะไม่นิยมสร้างวัดนิยมอยู่ป่าเป็นวัตร แม้แต่การเข้าไปพักตามวัด นิยมพักที่วัดป่า คือวัดที่เป็นป่าหรือชายป่า เมื่อไม่มีวัดเช่นนี้อยู่ ท่านจะหลีกเร้นอยู่ตามชายป่า แม้ว่าจะมีความจำเป็นเวลาเดินทาง ก็ยากนักที่จะเข้าไปอาศัยวัดวาในบ้าน
4.ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า พระอาจารย์มั่นจะไม่นิยมใช้ยาสำเร็จรูป หรือแม้แต่ยาตำราหลวง หากใช้สมุนไพรตัวยาต่างๆ มาทำเอง ผสมเอง เป็นประจำ
หลวงปู่ดูลย์กล่าวด้วยว่า “ท่านพระอาจารย์ใหญ่สั่งสอนไว้ว่า การฉันอาหารต้องฉันอย่างประหยัด มีสติสัมปชัญญะ เพื่อขัดเกลาจิตใจมิให้เกิดความโลภ วิธีการฉันนั้น เมื่อรับข้าวสุกมากะว่าพออิ่มสำหรับตนแล้ว ให้แบ่งข้าวสุกที่ตนพออิ่มนั้น ออกเป็น 4 ส่วน เอาออกเสียส่วนหนึ่ง แล้วจึงรับเอากับข้าวมาในปริมาณที่เท่ากับส่วนหนึ่งที่เอาออกไป กล่าวคือ ให้มีข้าว 3 ส่วน กับข้าว 1 ส่วน แล้วจึงลงมือฉัน ท่านพระอาจารย์ใหญ่เองก็จะฉันภัตตาหารในลักษณะเช่นนี้โดยตลอด เมื่อมี่ผู้ใดจะตระเตรียมอาหารในบาตถวายท่าน ท่านพระอาจารย์ใหญ่ก็จะแนะนำให้จัดแจงมาในลักษณะเช่นนี้ แล้วท่านจึงฉัน”
นี่คือปฏิปทาส่วนตัวของพระอาจารย์มั่นส่วนคุณวิเศษหรืออภิญญาใดๆ ที่มีในตัวท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นนั้น หลวงปู่ดูลย์ไม่เคยพูดถึงเลย
ทั้งนี้ปฏิปทา แปลว่า ทางดำเนิน ข้อปฏิบัติ แนวทางปฏิบัติ ความประพฤติ ในทางธรรมมักปรากฏต่อท้ายคำอื่นๆ เช่น มัชฌิมาปฏิปทา ทุกขนิโรธปฏิปทา เป็นต้น ส่วนปฏิปทาในทางโลกมักถูกนำมาใช้ในความหมายว่าความประพฤติ และใช้กับความประพฤติที่ดีงาม ไม่ใช้กับความประพฤติที่ไม่ดี เช่นใช้ว่า "เขาเป็นคนมีปฏิปทาอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว" หมายความว่าเขาเป็นคนมีความประพฤติที่ดี เช่น ชอบช่วยเหลือคนอื่น มีอัธยาศัยดี หรือมีอุปนิสัยใจคอตามที่แสดงออกมาเช่นนั้น
ส่วนอภิญญา แปลว่า ความรู้ยิ่ง หมายถึงปัญญาความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน อภิญญาในคำวัดหมายถึงคุณสมบัติพิเศษของพระอริยบุคคลซึ่งเป็นเหตุให้มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ มี 6 อย่าง คือ อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ เช่น ล่องหนได้ เหาะได้ ดำดินได้ ทิพพโสต มีหูทิพย์
เจโตปริยญาณ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้ ทิพพจักขุ มีตาทิพย์ อาสวักขยญาณ รู้การทำอาสวะให้สิ้นไป
วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2561
ผู้แทนม.สงฆ์"มจร"เข้าร่วมประชุมผู้นำสันติภาพโลกที่กรุงโซล
วันที่ 29 ส.ค.2561 พระปลัดอภิเชษฐ์ สุภทฺรวาที ศูนย์อาเซียนศึกษามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เปิดเผยว่า พระมหาสมพงษ์ สนฺตจิตฺโต ,ดร. ผอ.ส่วนงานบริหารศูนย์อาเซียนศึกษา และพระมหาประยูร โชติวโร ผอ.กองกิจการนิสิต เป็นผู้แทนมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ เข้าร่วมประชุมร่วมกับองค์กรสหพันธ์สันติภาพสากล (Universal Peace Federation) องค์กรที่ปรึกษาพิเศษคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (UN) ในหัวข้อหลักของการประชุม " The International Leadership Conference" ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ทั้งนี้มีตัวแทนจากสมาชิกสภาผู้แทนราฐษฎร และผู้นำศาสนาต่างๆ เข้าร่วมประชุมจากทั่วโลก
ทั้งนี้พระวิเทศปุญญาภรณ์ หรือเจ้าคุณสวีเดน เจ้าอาวาสวัดพุทธาราม ประเทศสวีเดน ที่เข้าร่วมประชุมด้วยเปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมประชุมผู้นำสันติภาพ ที่กรุงโชลประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 26-30 ส.ค. โดยเช้าวันที่ 28 ส.ค. ก่อนการบรรยายจะเริ่มขึ้นได้รับนิมนต์ให้บรรยายนำด้านจิตวิญญาณโดยได้นำหลักวิปัสสนาและเมตตาภาวนาให้ผู้นำทุกศาสนาได้ปฏิบัติและผู้นำจากทั่วโลกหลับตาสงบบำเพ็ญวิปัสสนา เป็นที่ประทับใจของที่ประชุมจนได้รับเสียงอนุโมทนาปรบมือกึกก้องห้องประชุม
"นับว่าเป็นการนำพระพุทธศาสนาสู่การยอมรับในเวทีโลกในครั้งนี้ เมื่อบรรยายเสร็จ ประธานสันติภาพสากล Dr.Thomas G.Walsh.Chairman, UPF Internationalได้ยืนขึ้นและกล่าวยกย่องและกล่าวขอบคุณที่อาตมาได้สร้างพลังสันติภาพและนำความสงบมาสู่จิตใจของผู้นำที่มาจากร้อยกว่าประเทศทั่วโลก" พระวิเทศปุญญาภรณ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าคุณสวีเดนนั้นเป็นพระหนุ่มที่ทำงานสันติภาพมาเป็นเวลานาน ร่วมกับองค์กรสันติภาพสากลจนได้รับรางวัลสันติภาพ และรางวัลอื่นหลายรางวัล ปัจจุบันตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพุทธาราม ประเทศสวีเดน และเป็นเลขานุการสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรปสมัยที่2 ล่าสุดได้รับเลือกให้เป็นประธานจัดงานมอบรางวัลสันติภาพเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ณ สตอกโฮล์ม ชิตตี้ฮอล ประเทศสวีเดน และจะเป็นประธานจัดงานสันติภาพที่สวีเดนอีกในปี2562/2019
ฝรั่งเห่อสมาธิ...คนไทยเห่อไอโฟน?
วันที่ 29 ส.ค.2561 เฟซบุ๊ก Naga King ได้โพสต์ข้อความว่า ฝรั่งเห่อสมาธิ...คนไทยเห่อไอโฟน?
@ หลายท่านเมื่ออ่านที่ผมจั่วหัวไว้แล้วคงพอจะนึกภาพออกถึงคำว่า "บ้าเห่อ..เบอร์ห้า"ของคนไทยเราที่ห่อเทคโนโลยี เห่อความทันสมัยและล้ำสมัย อะไรก็ตามที่มาก่อน
ทำขึ้นมาก่อนแว๊บโผล่เข้ามาสู่เมืองไทยแล้วก็มักจะกลายเป็นกระแสทันที เพราะมีการโหมโฆษณากันอย่างเต็มที่เพื่อผลประโยชน์ที่จะได้คือ "ยอดขายที่พุ่งพรวดๆขึ้นมาเป็นเงาตามตัว" นั่นหมายถึงว่าเม็ดเงินมหาศาลมันได้เกิดขึ้นแล้วนั่นเอง
@ สิ่งสวนทางในเมืองไทย...กับเมืองนอก ?
เป็นความจริงอย่างหนึ่งในสังคมโลกปัจจุบันคือ ฝรั่งนอกบ้านเราตั้งบริษัทค้นคว้าและผลิตเทคโนโลยีจำนวนมากโดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ และอื่นๆ จากนั้นเมื่อผลิตได้พวกเขาก็ส่งออกไปขายทั่วโลกหมดรุ่นนี้ก็ทำรุ่นใหม่ๆออกมาขายกันเป็นสิ่งล่อตาล่อใจคนใช้เรื่อยๆ
ในขณะที่เมืองไทยคนไทยกลับทำหน้าที่เป็นผู้รับหรือเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีหรือสินค้าและบริการของฝรั่งนั้นอย่างซื่อสัตย์และภักดีโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ คือไม่มีความคิดที่จะศึกษาหรือผลิตแข่งกับฝรั่ง เพราะเรานิยามตัวเองแล้วว่าเราเป็นผู้ใช้ เราไม่ใช่ผู้ผลิตมันเป็นแบบนี้มานานแล้วครับ
อย่าคิดอะไรมาก ฝรั่งผลิตอะไรมา เราคนไทยมีหน้าที่ใช้ๆๆๆไปเรื่อยฝรั่งมันโง่เป็นคนทำของมาให้เราใช้ เราฉลาดกว่ามันไม่ต้องคิดมากนั่งไขว่ห้างใช้ของที่มันทำมาให้เราใช้สบายๆไม่ต้องไปคิดมากให้มันเสียเวลา ผมว่าวิธีคิดของคนไทยเราในสังคมบ้านเรานี้มันสวนทางกับสังคมเมืองนอกเสียนี่กระไร
ลองมองดูความแตกต่างของวิธีคิดของไทยกับฝรั่งอีกอย่างก็ได้ครับ คือคนไทยเราอยู่ในสังคมที่แวดล้อมไปด้วยสิ่งดีงามคือ วัดวาพระพุทธศาสนา มีสิ่งที่มีคุณค่ามากมายที่มาจากภูมิปัญญาของพระพุทธศาสนา คือ
(๑) มีหลักคำสอนที่สามารถนำพาชีวิตไปสู่ความสุขได้ หรือสามารถนำคำสอนเหล่านั้นมาแก้ไขปัญาชีวิตของตนเองได้
(๒) มีวิธีปฏิบัติเพื่อก่อให้เกิดความสุขทางใจแก้ปัญหาโรคเครียดโรคประสาทได้ คือ "สมาธิ"หรือมีคำสอนเรื่อง สติ ศีล สมาธิ และปัญญาให้ได้ศึกษาเพิ่มพูนความรู้และนำไปปฏิบัติเพื่อสร้างความสุขให้กับชีวิตโดยไม่ต้องเสียตังค์ค่าเล่าเรียนเพราะมีวัดมีพระท่านสอนเป็นประจำอยู่แล้ว
แต่คนไทยไม่ค่อยจะสนใจในเรื่องแบบนี้ คนไทยปัจจุบันมีอัตราการเป็นโรคซึมเศร้าสูงขึ้นเรื่อยๆซึ่งส่อแสดงว่าคนไทยไม่ได้สนใจเรื่องการนั่งสมาธิเพื่อแก้ไขปัญหามากเท่าไหร่นัก
ส่อแสดงว่าคนไทยกำลังสนใจกับ เทคโนโลยีมากกว่าเรื่องการพัฒนาจิตใจหรือคนไทยกำลังให้ความสนใจกับสิ่งภายนอกตัวทั้งๆที่เรามีสิ่งดีๆภายในตัวอยู่แล้วและมีมานานด้วย
ความสวนทางของสังคมไทยกับสังคมเมืองนอกอีกประการหนึ่งก็คือ ขณะนี้ฝรั่งนำเอาวิชาสมาธิไปใช้ในสังคมบ้านเมืองเขาเพราะเขารู้ว่า "สมาธิช่วยชีวิตคนไม่ให้เป็นโรคซึมเศร้าหรือสามารถเพิ่มพลังความคิดให้กับคนเราได้"
หลายพื้นที่เปิดรถ "BE TIME" คือรถสมาธิบริการคิดเงินจากการนั่งสมาธิ ผมเห็นข่าวแล้วรู้สึกดีใจกับฝรั่งที่เขาเอาจริงเอาจังกับเรื่องของสมาธิ ไม่ใช่ดีใจที่เห็นคนในเมืองนอกเห็นค่าคำสินในพระพุทธศาสนาเพียงอย่างเดียว
แต่เพราะเห็นค่าคำสอนของพระพุทธองค์ที่แผ่ไปหรือเข้าถึงคนต่างศาสนาโดยที่คนเหล่านั้นไม่ได้เปลี่ยนศาสนาก็สามารถทำสมาธิได้เพราะความจริงสมาธิเป็นของคนทั้งโลก เป็นของมนุษยชาติ
เห็นแล้วก็ชื่นชมยินดีที่เห็นฝรั่งเห็นค่าของสมาธิยิ่งตอนนี้ยิ่งเห็นว่าฝรั่งนั้นออกอาการเห่อสมาธิ หรือเห็นสมาธิเป็นสิ่งที่มีค่า (Valued) ที่สามารถช่วยเหลือชีวิตและสังคมเขาได้
แต่อย่างว่าเมื่อหันมามองสังคมไทยบ้านเรา เราเห่อไอโฟนทุกเจเนอเรชั่นออกมาเวอร์ชั่นไหนพี่ไทยซื้อหมดเพราะมันอดไม่ได้ แต่ก็น่าสียดายที่ว่าคนไทยเราหลงวัตถุ แต่ฝรั่งกำลังหันมาสนใจสมาธิ ผมว่ามันช่างสวนทางกันดีแท้...
ขอบคุณครับ
Naga King
"วัดเส้าหลิน"เชิญธงชาติจีนขึ้นสู่ยอดเสาครั้งแรกรอบ 1,500 ปี
เมื่อวันที่ 27 ส.ค.2561 ที่ผ่านมา วัดเส้าหลินแห่งเทือกเขาซงซาน มณฑลเหอหนานทางจีนตอนกลาง ได้จัดพิธีเชิญธงชาติจีนขึ้นสู่ยอดเสาภายในบริเวณวัดเป็นครั้งแรกในรอบ 1,500 ปี เพื่อช่วยส่งเสริมจิตสำนึกความเป็นชาติ จิตสำนึกประชาคม และเสริมสร้างสำนึกความเป็นจีนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยมีพระสงฆ์ ชาวต่างชาติผู้ศรัทธา และประชาชนเข้าร่วมพิธีดังกล่าว
เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลจีนได้ประกาศนำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่พร้อมๆ กับพัฒนาเศรษฐกิจบนเส้นทางสายไหมไปตามซีกต่างๆ ของโลก วัดเส้าหลินที่มณฑลเหอหนานก็ตอบสนองโดยเชิญธงชาติจีนขึ้นปักเพื่อเป็นการแสดงถึงความสามัคคีของคนในชาติ
............
(หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก China Xinhua News,Ñāṇasaṃvara Centre for Buddhist Studies-ศูนย์พุทธศาสนศึกษาญาณสังวร)
'มจร'วิจัยพบบทสวดโพชฌงค์แก้'โรคซึมเศร้า'จากภัยพิบัติได้จริง
(หน้าพระ) 'มจร'วิจัยพบบทสวดโพชฌงค์แก้'โรคซึมเศร้า'จากภัยพิบัติได้จริง
วิจัยพบบทสวดโพชฌงค์แก้'โรคซึมเศร้า'ได้จริง
น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งสำหรับคนไทยเนื่องจากมีผู้ป่วยเป็นโรคทางจิตสูงถึงกว่า 3 ล้านราย ทั้งโรคจิต โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า โรคลมชัก และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า ทั้งนี้จากการเปิดเผยของนายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2555ที่ผ่านมา
ปัญหาเกิดจากโลกร้อนเกิดภัยพิบัติต่างๆ ตามมาทั่วโลก ประเทศไทยก็มีการเปลี่ยนเป็นสภาพสังคมเมืองมากขึ้น เกิดภัยพิบัติ ทั้งน้ำท่วม สุโขทัยระทม คนกรุงขวัญผวาฝนตกหนักทุกวันกลัวว่าน้ำจะท่วมอีก และสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าอีกอย่างหนึ่งก็คือ "น้ำลาย" จากนักการเมืองที่ด่ากันผ่านสื่อทุกวัน
เมื่อสภาพสังคมไทยป่วยเป็นโรคจิตเช่นนี้จะอาศัยเพียงโรงพยาบาลโรคจิตก็คงจะไม่เพียงพอ แล้วบุคคลหรือหน่วยงานใดที่จะเป็นอาสาเข้ามาช่วย มองไปทั่วประเทศไทยก็เห็นมีแต่ลูกศิษย์ "นักจิตบำบัดที่เก่งที่สุดในโลก" ตามที่ ดร.เมล กิลล์ (Dr.Mel Gill) นักจิตบำบัด ผู้รับขนานนามว่า "นักพูดพันล้าน กูรูผู้สร้าง แรงบันดาลใจ" ประกาศยกย่องนั้นก็คือ "พระพุทธเจ้า"
พุทธวิธีบำบัดโรคจิตโดยเฉพาะโรคซึมเศร้านั้นก็มีทั้งการฝึกสมาธิ ฝึกอานาปานสติ และการสวดบทพระปริตร
การสวดนั้นจะใช้บทใด เพราะบทสวดที่พระสวดนั้นก็มีทั้งเจ็ดตำนานและสิบสองตำนาน ซึ่งเรื่องนี้นางเบญญาภา กุลศิริไชย นักศึกษาปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ได้ทำการวิจัยในการทำวิทยานิพนธ์เรื่อง "การลดภาวะซึมเศร้าในผู้ประสบภัยพิบัติด้วยการรับบทสวดโพชฌงคปริตรเข้าจิตใต้สำนึก" และได้นำเสนอในการบรรยายสาธารณะเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่บัณฑิตวิทยาลัย "มจร" วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ กทม.
ผู้วิจัยได้นำเสนอว่า ลักษณ์ของผู้ประสบภัยพิบัติที่เกิดภาวะซึมเศร้าจะมีทัศนคติที่บิดเบือนไปในทางลบ และมีจิตใต้สำนึกจะต้านทานทุกอย่างที่เข้ามา ฉะนั้นถ้ามีวิธีการที่สามารถส่งข้อมูลเชิงบวกเข้าจิตใต้สำนึกได้โดยตรงที่ปราศจากการต้านทานจากจิตสำนึก น่าจะช่วยฟื้นฟูจิตใจลดภาวะซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี
ผู้วิจัยได้ค้นคว้าข้อมูลพบว่า มีหลักการนี้เรียกว่า "ซับลิมินอล แมสเซส" (subliminal messages) เป็นการส่งข้อมูลต่างๆ เข้าจิตใต้สำนึกโดยที่จิตไม่สามารถต้านทานได้ และขั้นตอนของการวิจัยด้วยวิธีนี้ได้ใช้บทสวดโพชฌงคปริตรในการทดลอง เพราะถือกันมาว่าเป็นพุทธมนต์สำหรับสวดสาธยายเพื่อให้คนป่วยหายจากโรคทางกายและใจได้
ผู้วิจัยได้ทดลองจากผู้ประสบภัยพิบัติจากเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศไทยปี พ.ศ.2554 ที่อพยพไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงจังหวัดนครปฐม โดยแบ่งคนที่มีภาวะซึมเศร้าออกเป็น 3 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 ให้ฟังเสียงเพลงธรรมชาติที่ซ่อนบทสวดโพชฌงคปริตรและคำแปล กลุ่มที่ 2 ฟังเสียงเพลงธรรมชาติเท่านั้น และกลุ่มที่ 3 ไม่ได้ฟังทั้งสองอย่าง ตลอด 7 วัน
หลังจากนั้นทำการประเมินปรากฏว่ากลุ่มที่ 1 มีสภาวะซึมเศร้าลดลงและเพิ่มความรู้สึกสุขภาวะทางจิตได้ อีกทั้งยังส่งผลต่อเนื่องในระยะยาวนาน ส่วนกลุ่มที่ 2 มีสภาวะซึมเศร้าลดลงและเพิ่มความรู้สึกสุขภาวะทางจิตได้ แต่ไม่ส่งผลต่อเนื่องเหมือนกลุ่มที่ 1 ส่วนกลุ่มที่ 3 มีภาวะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร
ทั้งนี้ผู้ที่ฟังบทสวดโพชฌงคปริตรนั้นมีความรู้สึกสุขภาวะทางจิตด้านความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นมิตร ร่าเริง มีจิตใจเข้มแข็ง มีสมาธิเพิ่มขึ้น
จากผลการทำ "ซับลิมินอล แมสเซส" ด้วยฟังบทสวดโพชฌงคปริตรดังกล่าวสอดคล้องกับการทดลองของนักจิตบำบัดในต่างประเทศเช่น สตาร์ค(Stark) ไคล์น โฮลท์ และคีย์
อย่างไรก็ตามผู้วิจัยได้ตั้งข้อสังเกตว่าผู้สวดโพชฌงคปริตรก็ต้องมีองค์ประกอบคือ มีจิตเมตตา มุ่งประโยชน์แก่ผู้ฟัง (ไม่ใช่มุ่งหวังแต่สตางค์) สวดไม่ผิด และรู้ความหมายของบทสวดด้วย ขณะที่ผู้ฟังก็ต้องมีองค์ประกอบเช่น ไม่เคยทำกรรมหนักหรืออนันตริยกรรม ไม่มีมิจฉาทิฏฐิอย่างเช่นรับได้กับผู้บริหารที่ทุจริต โกงกินเป็นต้น และมีความเชื่อมั่นในอานุภาพของโพชฌงคปริตร
จากผลการวิจัยดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าคำสอนสามารถนำไปแก้ปัญหารักษาโรคซึมเศร้าได้เจริง นับเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างพระพุทธศาสนากับศาสตร์สมัยใหม่ ตามที่ สกอ.ได้ตั้งความหวังเมื่อคราวเดินทางไปประเมินผลการจัดการศึกษาของ "มจร" ระหว่างวันที่ 12-14 ก.ย.ที่ผ่านมา
แต่หากต้องการที่จะทราบพุทธวิธีในการบำบัดทางจิตมากยิ่งขึ้นวันที่ 27 ก.ย.ที่จะถึงนี้ทาง "มจร" จะจัดงาน 65 ปีของคณะพุทธศาสตร์ ที่ "มจร" อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยจะมีการปาฐกถาพิเศษและเสวนาวิชาการเรื่อง "เหลียวหลังแลหน้าพุทธศาสตร์ในประชาคมอาเซียน" ซึ่งมีผู้ร่วมเป็นวิทยากรประด้วยพระธรรมโกศาจารย์อธิการบดี พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต และมีนายกฤษณะ ไชยรัตน์ แห่งเครื่องเนชั่นเป็นผู้ดำเนินรายการ
สำราญ สมพงษ์รายงาน
วิจัยพบบทสวดโพชฌงค์แก้'โรคซึมเศร้า'ได้จริง
น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งสำหรับคนไทยเนื่องจากมีผู้ป่วยเป็นโรคทางจิตสูงถึงกว่า 3 ล้านราย ทั้งโรคจิต โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า โรคลมชัก และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า ทั้งนี้จากการเปิดเผยของนายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2555ที่ผ่านมา
ปัญหาเกิดจากโลกร้อนเกิดภัยพิบัติต่างๆ ตามมาทั่วโลก ประเทศไทยก็มีการเปลี่ยนเป็นสภาพสังคมเมืองมากขึ้น เกิดภัยพิบัติ ทั้งน้ำท่วม สุโขทัยระทม คนกรุงขวัญผวาฝนตกหนักทุกวันกลัวว่าน้ำจะท่วมอีก และสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าอีกอย่างหนึ่งก็คือ "น้ำลาย" จากนักการเมืองที่ด่ากันผ่านสื่อทุกวัน
เมื่อสภาพสังคมไทยป่วยเป็นโรคจิตเช่นนี้จะอาศัยเพียงโรงพยาบาลโรคจิตก็คงจะไม่เพียงพอ แล้วบุคคลหรือหน่วยงานใดที่จะเป็นอาสาเข้ามาช่วย มองไปทั่วประเทศไทยก็เห็นมีแต่ลูกศิษย์ "นักจิตบำบัดที่เก่งที่สุดในโลก" ตามที่ ดร.เมล กิลล์ (Dr.Mel Gill) นักจิตบำบัด ผู้รับขนานนามว่า "นักพูดพันล้าน กูรูผู้สร้าง แรงบันดาลใจ" ประกาศยกย่องนั้นก็คือ "พระพุทธเจ้า"
พุทธวิธีบำบัดโรคจิตโดยเฉพาะโรคซึมเศร้านั้นก็มีทั้งการฝึกสมาธิ ฝึกอานาปานสติ และการสวดบทพระปริตร
การสวดนั้นจะใช้บทใด เพราะบทสวดที่พระสวดนั้นก็มีทั้งเจ็ดตำนานและสิบสองตำนาน ซึ่งเรื่องนี้นางเบญญาภา กุลศิริไชย นักศึกษาปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ได้ทำการวิจัยในการทำวิทยานิพนธ์เรื่อง "การลดภาวะซึมเศร้าในผู้ประสบภัยพิบัติด้วยการรับบทสวดโพชฌงคปริตรเข้าจิตใต้สำนึก" และได้นำเสนอในการบรรยายสาธารณะเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่บัณฑิตวิทยาลัย "มจร" วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ กทม.
ผู้วิจัยได้นำเสนอว่า ลักษณ์ของผู้ประสบภัยพิบัติที่เกิดภาวะซึมเศร้าจะมีทัศนคติที่บิดเบือนไปในทางลบ และมีจิตใต้สำนึกจะต้านทานทุกอย่างที่เข้ามา ฉะนั้นถ้ามีวิธีการที่สามารถส่งข้อมูลเชิงบวกเข้าจิตใต้สำนึกได้โดยตรงที่ปราศจากการต้านทานจากจิตสำนึก น่าจะช่วยฟื้นฟูจิตใจลดภาวะซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี
ผู้วิจัยได้ค้นคว้าข้อมูลพบว่า มีหลักการนี้เรียกว่า "ซับลิมินอล แมสเซส" (subliminal messages) เป็นการส่งข้อมูลต่างๆ เข้าจิตใต้สำนึกโดยที่จิตไม่สามารถต้านทานได้ และขั้นตอนของการวิจัยด้วยวิธีนี้ได้ใช้บทสวดโพชฌงคปริตรในการทดลอง เพราะถือกันมาว่าเป็นพุทธมนต์สำหรับสวดสาธยายเพื่อให้คนป่วยหายจากโรคทางกายและใจได้
ผู้วิจัยได้ทดลองจากผู้ประสบภัยพิบัติจากเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศไทยปี พ.ศ.2554 ที่อพยพไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงจังหวัดนครปฐม โดยแบ่งคนที่มีภาวะซึมเศร้าออกเป็น 3 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 ให้ฟังเสียงเพลงธรรมชาติที่ซ่อนบทสวดโพชฌงคปริตรและคำแปล กลุ่มที่ 2 ฟังเสียงเพลงธรรมชาติเท่านั้น และกลุ่มที่ 3 ไม่ได้ฟังทั้งสองอย่าง ตลอด 7 วัน
หลังจากนั้นทำการประเมินปรากฏว่ากลุ่มที่ 1 มีสภาวะซึมเศร้าลดลงและเพิ่มความรู้สึกสุขภาวะทางจิตได้ อีกทั้งยังส่งผลต่อเนื่องในระยะยาวนาน ส่วนกลุ่มที่ 2 มีสภาวะซึมเศร้าลดลงและเพิ่มความรู้สึกสุขภาวะทางจิตได้ แต่ไม่ส่งผลต่อเนื่องเหมือนกลุ่มที่ 1 ส่วนกลุ่มที่ 3 มีภาวะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร
ทั้งนี้ผู้ที่ฟังบทสวดโพชฌงคปริตรนั้นมีความรู้สึกสุขภาวะทางจิตด้านความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นมิตร ร่าเริง มีจิตใจเข้มแข็ง มีสมาธิเพิ่มขึ้น
จากผลการทำ "ซับลิมินอล แมสเซส" ด้วยฟังบทสวดโพชฌงคปริตรดังกล่าวสอดคล้องกับการทดลองของนักจิตบำบัดในต่างประเทศเช่น สตาร์ค(Stark) ไคล์น โฮลท์ และคีย์
อย่างไรก็ตามผู้วิจัยได้ตั้งข้อสังเกตว่าผู้สวดโพชฌงคปริตรก็ต้องมีองค์ประกอบคือ มีจิตเมตตา มุ่งประโยชน์แก่ผู้ฟัง (ไม่ใช่มุ่งหวังแต่สตางค์) สวดไม่ผิด และรู้ความหมายของบทสวดด้วย ขณะที่ผู้ฟังก็ต้องมีองค์ประกอบเช่น ไม่เคยทำกรรมหนักหรืออนันตริยกรรม ไม่มีมิจฉาทิฏฐิอย่างเช่นรับได้กับผู้บริหารที่ทุจริต โกงกินเป็นต้น และมีความเชื่อมั่นในอานุภาพของโพชฌงคปริตร
จากผลการวิจัยดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าคำสอนสามารถนำไปแก้ปัญหารักษาโรคซึมเศร้าได้เจริง นับเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างพระพุทธศาสนากับศาสตร์สมัยใหม่ ตามที่ สกอ.ได้ตั้งความหวังเมื่อคราวเดินทางไปประเมินผลการจัดการศึกษาของ "มจร" ระหว่างวันที่ 12-14 ก.ย.ที่ผ่านมา
แต่หากต้องการที่จะทราบพุทธวิธีในการบำบัดทางจิตมากยิ่งขึ้นวันที่ 27 ก.ย.ที่จะถึงนี้ทาง "มจร" จะจัดงาน 65 ปีของคณะพุทธศาสตร์ ที่ "มจร" อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยจะมีการปาฐกถาพิเศษและเสวนาวิชาการเรื่อง "เหลียวหลังแลหน้าพุทธศาสตร์ในประชาคมอาเซียน" ซึ่งมีผู้ร่วมเป็นวิทยากรประด้วยพระธรรมโกศาจารย์อธิการบดี พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต และมีนายกฤษณะ ไชยรัตน์ แห่งเครื่องเนชั่นเป็นผู้ดำเนินรายการ
สำราญ สมพงษ์รายงาน
อินเดียจัดประชุมเครือข่ายสื่อพุทธเอเชีย ยกสติกระบวนการพัฒนายั่งยืนลดขัดแย้ง
ตั้งแต่วันที่ 27-28 สิงหาคม พ.ศ.2561 ที่นายพิภพ พานิชภักดิ์ นักสื่อสารมวลชนอิสระ รองผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) (สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส) ได้รับเชิญไปบรรยายเรื่อง "การสร้างสื่อพุทธศาสนาข้ามแพลตฟอร์ม" งาน "Asian Buddhist Media Conclave - Mindful Communication for Conflict Aviodance and Sustianable Development" ที่กรุงเดลฮี ประเทศอินเดีย
โดยวันที่ 28 ส.ค.นี้นายพิภพได้ระบุผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Pipope Panitchpakdi"ว่า วันที่สองในการประชุมที่กรุงนิวเดลฮี ในงานประชุมเครือข่ายสื่อพุทธในเอเซีย ในเรื่องการสื่อสารอย่างมีสติเพื่อเสริมสร้างกระบวนการพัฒนาที่ยั่งยืน และการลดความลดขัดแย้งและรุนแรง จึงไม่ใช่การประชุมในเชิงศาสนา แต่เป็นเรื่องในเชิงปรัชญาการสื่อสาร เพื่อสร้างสติ หรือ mindfulness
"ผมมีสติที่เลือกจะไม่พูดเรื่องไทยพีบีเอสมากนัก ถึงแม้นจะกล่าวถึงกรณีการรายงานหมูป่าว่าเราใช้เรื่องการสร้างสติทางสังคม ที่ทำให้เราได้รับการยอมรับในวงกว้างพอสมควร แต่อาจารย์หอมมาลาจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ฝากบอกว่าชอบวิธีการรายงานข่าวน้ำท่วมที่อัตตะปือของไทยพีบีเอสมากครับ Korkhet C Talertluk ที่เน้นการสร้างความเข้าใจกันระหว่างมวลมนุษย์ชาติ" นายพิภพ กล่าวและว่า
ส่วนตนไม่ได้ใส่ชุดนกส้ม แต่ใส่ชุดของเครือข่ายที่ตนเห็นว่าเกี่ยวเนื่อง หมวก เป็นเครือข่ายลุ่มน้ำโขง แม่น้ำแห่งชีวิตที่กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะคนขาดสติและเมตตาธรรมในกระบวนทัศน์การพัฒนา เสื้อ ใส่ของบุญนิยมทีวี เผื่อใครถามว่าในไทยมีทีวีวิถีพุทธช่องใดบ้างที่ตนเห็นว่าสร้างรูปธรรมในการเปลี่ยนแปลงในระดับปฏิบัติการ ทั้งนี้เพราะตนเชื่อว่าไทยพีบีเอสไม่ใช่เจ้าภาพหรือเจ้าของ แต่ไทยพีบีเอสคือจุดเริ่มต้นของเครือข่ายที่หลากหลายและเข้มข้มครับ
"สิงค์โปร์ ก็เป็นสังคมพหุวัฒนธรรมและความเชื่อไม่ต่างจากไทย ในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์วิถีพุทธ ผู้จัดและผู่ก่อตั้งเทศกาล PK Teo ได้กล่าวว่าประเด็นคือหลักปรัชญา ไม่ใช่รูปแบบของศาสนาที่ดึงผู้ชมมาสู่การแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ และ การร่วมหาทางออก" นายพิภพ
นายพิภพ ยังโพสต์อีกว่า "ใครเคยฟังผมสอนเรื่องการเป็นช่างภาพข่าวโทรทัศน์ คงเคยเห็นผมสาธิตการวางตัว การถือกล้อง และถือขากล้อง โดยหลักคิดที่ว่า เพียงเพราะเรามีกล้อง เราไม่ได้ใหญ่กว่าวัฒนธรรม ประเพณี เราควรสุภาพและถ่อมตน ผมมักสาธิตการรวบขาตั้ง อย่างที่เห็นในรูป แต่ไม่รู้ว่าช่างภาพที่ผ่านการอบรมจากผมเชื่อไปปฏิบัติมากน้อยเพียงไรวันนี้เห็นรูปธรรมในช่างภาพจากช่องโพธิ ประเทศเนปาล ดูภาษากายแล้วสมมาจากเมืองลุมพินี สถานที่ประสูตรของพระพุทธเจ้าจริง ๆ"
การถือกล้องและถือขากล้อง ก็สามารถสื่อสารต่างอวัจนภาษาไม่ต่างกับการที่พระสะบัดลูกบวบตอนห่มจีวร
เน็ตประชารัฐยังอืด"บิ๊กตู่"สั่งตรวจสอบด่วน ย้อนรอยแนวสื่อสารไทยแลนด์ 4.0 สู่ประชาชน
เมื่อรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีแนวนโยบายไทยแลนด์ 4.0 แล้วสิ่งสำคัญที่คือจะต้องสื่อสารให้กับประชาชนได้เข้าใจถึงจะเกิดการมีส่วนร่วม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้ส่งสารนอกจากจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นประจำทำเนียบรัฐบาลทุกวันแล้ว ยังจัดรายการ "ศาสตร์พระราชา" ทุกวันศุกร์ซึ่งเดิมให้ชื่อรายการว่า"คืนความสุขให้กับประชาชน" ตั้งแต่ที่เข้ามาบริหารประเทศใหม่ๆปี 2557 แต่ก็มีการปรับรูปแบบรายการอยู่เรื่อยๆ
เฟซบุ๊ก The MATTER ได้เก็บข้อมูลและแจ้งว่า นี่ก็คือสารพัดวิธีเปลี่ยนที่คนของรัฐบาลนี้ใช้ เพื่อดึงเรตติ้งรายการของตัวเองกลับคืนมา โดยวันที่ 19 ก.ย.2557 ปรับรูปแบบรายการ ‘คืนความสุขให้คนในชาติ’ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จากใส่ชุดทหาร เปลี่ยนมาใส่สูท เพื่อให้รายการดูซอฟต์ลง วันที่ 28 พ.ย.2557 ปรับ เปลี่ยนอิริยาบถ พล.อ.ประยุทธ์ จากยืนเป็นนั่งพูด และเปลี่ยนฉากหลังเป็นรูปวิวต่างๆ ไม่ใช่ให้ยืนหน้าโพเดียมหน้ากราฟิกอย่างเดียว วันที่ 25 มี.ค.2559 ปรับรูปแบบรายการ "เดินหน้าประเทศไทย" ไม่ใช่แค่ให้พิธีกรมานั่งสัมภาษณ์รัฐมนตรี แต่ให้ลงพื้นที่พูดคุยกับคนทำงานอื่นๆ และชาวบ้านด้วย วันที่ 15 เม.ย.2559 ปรับรูปแบบรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ให้มีคนมานั่งสัมภาษณ์พูดคุยด้วย ไม่ใช่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ยืนพูดอยู่คนเดียว วันที่ 21 ต.ค.2559 เปลี่ยนชื่อรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เป็น "ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน"
ต้นปี 2561 เปลี่ยนรูปแบบรายการ "เดินหน้าประเทศไทย" ให้มีเนื้อหาสำหรับวัยรุ่น โดยมีคำว่า ..วัยทีน ต่อท้าย วันที่ 21 ก.ค.2561 เปลี่ยนรูปแบบ ให้ช่องที่เป็นผู้จัดในคิวนั้นๆ ดึงดารานักแสดงมาช่วย และใส่คำว่า ..สร้างไทยไปด้วยกัน ต่อท้ายชื่อรายการ วันที่ 27 ก.ค.2561 พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าทุกเย็นวันเสาร์จะมีรายการใหม่ "ทุกวันเสาร์ เราปฏิรูป" วันที่ 11 ส.ค.2561 ปรับรูปแบบรายการ "เดินหน้าประเทศไทย" ดึงดารา นักแสดง หรือผู้มีชื่อเสียงมาร่วมรายการ ประเดิมด้วย ณเดชน์ คุกิมิยะ
ถึงวันนี้(12ส.ค.) รายการคืนวันศุกร์ออกอากาศไปแล้ว 217 ตอน รายการหลังเคารพธงชาติอีก 1,315 ตอน หากคำนวณเป็นเวลาทั้งหมดก็อย่างน้อย 437 ชั่วโมงเศษ
การดึง "ณเดชน์ คุกิมิยะ" ดารานักแสดงชื่อดังมาเว่าอีสาน พูดถึงนโยบายแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ออกรายการ "เดินหน้าประเทศไทย" เย็นวันเสาร์ที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งในความพยายามปรับรูปแบบรายการพีอาร์ผลงานของรัฐบาล คสช. ซึ่งออกอากาศต่อเนื่องมา 4 ปีเศษ
นอกจากนี้จึงสั่งการพลเอกประยุทธ์ให้โฆษกรัฐบาลจัดรายการผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจในเวลา ๑๘.๐๐ น.ของทุกวันหลังเคราธงชาติ โดยเป็นการประมวลภารกิจที่เกิดขึ้นในแต่วันรายงานให้ประชาชนได้ทราบ รวมถึงกระจายข้อมูลผ่านสื่อรัฐบาลและสื่อเอกชนเพื่อนำไปสื่อสารต่อสู่ประชาชนอีกชั้นหนึ่ง พร้อมกันนี้ยังได้ใช้สื่อออนไลน์ทั้เว็บไซต์รัฐบาล ใช้เฟซบุ๊ก รวมถึงมีการตั้งงบประมาณในการแผยแพร่ผ่านไลน์ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ประการหนึ่งที่ได้รับความนิยมนอกจากเฟซบุ๊กและมีการว่าจ้างกระจายข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ด้วย ทั้งนี้วันที่ 8 มี.ค.2561 ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด อาคารเกษร ทาวเวอร์ ถนนเพลินจิต เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พร้อมปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Digital Thailand” ให้แก่คนวัยทำงานรุ่นใหม่
หลังจากนั้นรัฐบาลมีการสื่อสารเชิงรุกทางสื่อออนไลน์โดยเปิดเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้ามีการเปิดเฟซบุ๊กประชาสัมพันธ์จังหวัดต่างๆ และการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 31 ก.ค.2561 พลเอกประยุทธ์ได้ขอให้ึ๊คณะรัฐมนตรีทุกคนเป็นสมาชิกไลน์ ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์เป็นผู้ดำเนินการจัดทำแอพพลิเคชั่นไลน์ชื่อว่า "ข่าวจริง ประเทศไทย" ขณะนี้มีสมาชิก 2.2 แสนคน ตามการมอบหมายของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
ทั้งนี้ก็มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบบาลเมื่อเร็ว ๆ (ณ 28ส.ค.) นี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีข้อสั่งการไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จัดตั้งคณะทำงานร่วมกับผู้ตรวจราขการสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนิน โครงการติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือ โครงการเน็ตประชารัฐ ที่มีข้อร้องเรียนเรื่องคุณภาพของสัญญาณ และการเข้าถืงการใช้งานด้วย และรายงานให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทราบภายใน 1 เดือน
นอกจากนั้นยังให้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ ร่วมกับหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น เพื่อทำหน้าที่บูรณาการและขับเคลื่อนการดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุผล ใน 2 เรื่องหลักทื่สำคัญ คือ สังคมไร้กระดาษ (paperless) และ สังคมไร้เงินสด (cashless)
อย่างไรก็ตามก็มีเสียงวิจารย์ว่า "รัฐบาลพูดถึงไทยแลนด์ 4.0 การนำเทคโนโลยีมาใช้ในด้านต่างๆแต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่าเรื่อง สังคม 1.0 คือ สังคมไทยต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน อยู่ร่วมกันด้วยความรักและสามัคคี กลับมาเป็นสยามเมืองยิ้ม เพราะเป็นปัญหาหลักที่มีการยึดอำนาจ"
สมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทยผนึกพันธมิตรหนุนบูม Traveltech
สมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทยผนึกทำเอ็มโอยู 5 สมาคมท่องเที่ยว พร้อมผนึกกำลังสมาคมไทยไอโอที และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และ Traveltech Startup 20 บริษัท เดินหน้านวัตกรรมดิจิตอลทั้งด้านการบริหาร การบริการและการตลาด และช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการ Traveltech ของไทยให้มีให้มีศักยภาพในระดับโลกและปั้น Unicorn ตัวแรกของไทยให้เกิดขึ้น
นายกิตติ พรศิวะกิจ นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทยหรือ ATTM เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2561 ได้มีการเซ็น MOU ของสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทยกับภาคีเครือข่ายสมาคมท่องเที่ยว 4 สมาคม คือ สมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย (สนท.) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) ตลอดจนการเชิญนายกสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย สมาคมไทยไอโอที (TIOT) รวมถึงสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) และผู้บริหารของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) รวมถึงซีอีโอจาก Traveltech Startup 20 บริษัท มาร่วมหารือเพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิง Traveltech
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงและยกระดับผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยให้ก้าวสู่ยุค Tourism 4.0 แบบบูรณาการ โดยใช้นวัตกรรมดิจิตอลทั้งด้านการบริหาร การบริการและการตลาด และช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการ Traveltech ของไทยให้มีให้มีศักยภาพในระดับโลกและปั้น Unicorn ตัวแรกของไทยให้เกิดขึ้น
โดยสมาคม ATTM จะมีแนวทางในการสนับสนุนทั้งด้านความรู้ ประสบการณ์ พันธมิตรทางธุรกิจและทุนทรัพย์ให้กับทั้งผู้ประกอบท่องเที่ยวและ Startup ต่างๆต่อไป ซึ่งการจะก้าวสู่ท่องเที่ยวยุค 4.0 ต้องเท่าทันทั้ง People Partner Product และ Platform
นางสาวนีรชา วงศ์มาศา นายกสมาคมท่องเที่ยวไทยเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) กล่าวว่า อนาคตการท่องเที่ยวไทยจะเดินทางไปคนเดียวไม่ได้ ต้องบูรณาการทุกภาคส่วน ซึ่งไอทีจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการไทยต้อง Drive ให้ทันกับคู่แข่งและสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
นายภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้แต่ละสมาคมเพิ่มความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัล4.0 ก้าวทันโลกออนไลน์ เพิ่มการบริการอย่างมืออาชีพ มีมาตรฐาน ทำให้ท่องเที่ยวไทยก้าวสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
ดร.โสทรินทร์ โชคคติวัฒน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย กล่าวว่า โลกที่เปลี่ยนแปลงทำให้แม้แต่คนยุคเบบี้บูมก็ต้องหันมาสนใจเรื่องเทคโนโลยี ซึ่งขณะนี้กำลังพัฒนาสู่บิ๊กดาต้า สร้างเกทเวย์เข้าถึงผู้บริโภค ทุกอย่างไดนามิคเปลี่ยนแปลงไปเร็ว จึงต้องหันมาพัฒนาไทยสู่เมืองดิจิตัล และสร้างแพลทฟอร์มให้เข้ากับยุคสมัย
นายพงศกร ชูวิชานายกสมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทยกล่าวว่า วงการท่องเที่ยวต้องเรียนรู้เทคโนโลยีและก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 ปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้ทันสมัย มีการทำงานเป็นทีม เรียนรู้การนำแพลทฟอร์มมาใช้ให้เกิดประโยชน์และพัฒนาตัวเองสู่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวยุค 4.0
นายกำพล โชคสุนทสุทธิ์ นายกสมาคมไทยไอโอทีกล่าวว่า วงการท่องเที่ยวต้องเตรียมพร้อมเรื่องข้อมูล และหาบุคลาการเก่งๆมาสร้าง AI ให้สามารถบอกทิศทางการตลาด ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค และสร้างฐาน DATA ขององค์กรของตัวเอง รวมถึงการพัฒนาแพลทฟอร์มเพื่อรองรับการใช้งานด้วย
ในงานเหล่า Traveltech ด้านท่องเที่ยวจำนวนมากยังได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และสินค้าของตัวเองได้อย่างน่าสนใจ รองรับการท่องเที่ยวยุค 4.0 ด้วย
TraveliGo เปิดตัวบริการใหม่ "ขายตั๋วฟุตบอลยุโรปออนไลน์ทุกลีกดัง"
วันที่ 28 ส.ค.2561 นายอนุพงษ์ เกรียงไกรลิปิกร ผู้ก่อตั้งและ CEO TraveliGo (ทราเวล ไอโก) เผยว่าขณะนี้ตลาดของการท่องเที่ยวที่พร้อมไปชมกีฬาการแข่งขันฟุตบอล ถือเป็นอีกตลาดหนึ่งที่คนไทยให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งการบริการขายตั๋วฟุตบอลจะเข้ามาตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งแต่ก่อนคนไทยที่อยากจะเข้าไปดูแมตช์การแข่งขันฟุตบอลจะต้องหาซื้อจากเว็บไซต์ต่างประเทศเท่านั้น บางครั้งถูกหลอก ได้ตั๋วผี และ ไม่สามารถเข้าชมแมตช์การแข่งขันได้ ดังนั้นทราเวลไอโกในฐานะที่เป็น ออนไลน์ทราเวลเอเจ้นท์ แบบถูกกฎหมายจะเปิดบริการให้ซื้อตั๋วชมการแข่งขันฟุตบอล โดย มีการรับประกันว่า ตั๋วฟุตบอลที่ซื้อจากเราไปทุกใบ สามารถเข้าชมเกมส์การแข่งขันได้อย่างแน่นอน
สำหรับขั้นตอนการจองเพียงเข้าไปที่เว็บไซต์ https://th.traveligo.com/tickets เลือกคำว่า บัตร ที่มุมขวาบน - เลือกลีกที่อยากไป - เลือกทีมที่อยากชม - เลือกแมตช์ที่อยากเชียร์ - เลือกที่นั่ง พร้อมชำระเงิน เท่านี้ก็จบขั้นตอน ทั้งนี้ผู้ที่สนใจลีกดังต่างๆ สามารถหาซื้อตั๋วฟุตบอลผ่านทางเว็บไซต์ https://th.traveligo.com รับประกันว่า จะไม่พลาดทุกลีกดังเช่น พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ,ลาลีกาสเปน กัลโช่เซเรอาอิตาลี ,ลีกเอิงฝรั่งเศส ,และยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งบริการขายตั๋วฟุตบอลใหม่นี้ เป็นบริการใหม่ที่เพิ่มเติมจากบริการจองโรงแรม จองตั๋วเครื่องบิน และบริการเช่ารถ ซึ่งเป็นบริการหลักของเว็บไซต์ TraveliGo.com
"อธิบดีท้องถิ่น"แนะแนว! "สนามเด็กเล่น สร้างปัญญา"ตราด
"อธิบดีท้องถิ่น" ควง "แม่บ้านท้องถิ่น" ลงพื้นที่ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาป่าชายเลนที่ 1 ตราด แนะแนวทาง "สนามเด็กเล่น สร้างปัญญา" ที่มีลักษณะเป็นการเล่นในธรรมชาติ ส่งเสริมกิจกรรมเล่นในธรรมชาติพัฒนาคลื่นสมองแทรกความรู้คู่คุณธรรม
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2561 เวลา 09.30 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และ ดร. วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานชมรมแม่บ้านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ลงพื้นที่จังหวัดตราด เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชมรมแม่บ้านท้องถิ่นไทยจังหวัดภาคตะวันออก ณ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาป่าชายเลนที่ 1 โดยมี นางราตรี รัตนไชย ประธานชมรมแม่บ้านท้องถิ่นไทยจังหวัดฉะเชิงเทรา น.ส.นวรัตน์ ไตรรักษ์ ประธานชมรมแม่บ้านท้องถิ่นไทยจังหวัดชลบุรี นางมลฤดี ศรีกุล ประธานชมรมแม่บ้านท้องถิ่นไทยจังหวัดตราด นายสาธิต อ่อนน้อม ท้องถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี นายองอาจ นันทกิจ ท้องถิ่นจังหวัดระยอง นางดรุณี พูนประสิทธ์ ประธานชมรมแม่บ้านท้องถิ่นไทยจังหวัดสระแก้ว นางรัฐนันท์ ตั้งเกียรติพชร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี นายธีระรัตน์ วงษ์จักร ท้องถิ่นจังหวัดตราด และนายธนิต แสงวิสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาป่าชายเลนที่ 1 เข้าร่วมประชุมดังกล่าวด้วย
จากนั้น เวลา 11.00 น. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการจัดการเรียนการสอนของศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ วัดไผ่ล้อม ตำบลบางพระ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เพื่อตรวจเยี่ยมการจัดการเรียนการสอนและได้มอบตุ๊กตาจำนวน 306 ตัว ให้แก่เด็กๆ ในศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ วัดไผ่ล้อม โดยมี นางดรุณี พูนประสิทธ์ ประธานชมรมแม่บ้านท้องถิ่นไทยจังหวัดสระแก้ว นางราตรี รัตนไชย ประธานชมรมแม่บ้านท้องถิ่นไทยจังหวัดฉะเชิงเทรา นายธีระรัตน์ วงษ์จักร ท้องถิ่นจังหวัดตราด และนางสาวมยุรี อภิวาท ผู้อำนวยการศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ วัดไผ่ล้อม ให้การต้อนรับ
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า กรมฯ มีความยินดีที่สนับสนุนและพัฒนาศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ให้เด็กได้เตรียมความพร้อมก่อนจะไปศึกษาต่อในขั้นต่อไป และต้องการให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของ อปท. มีการจัดการเรียนการสอนและกิจกรรมที่มีมาตรฐาน มีคุณภาพ เพราะเด็กที่มีอายุระหว่าง 0-5 ปี เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาชีวิต และกรมฯ ยังมุ่งหวังให้เด็กได้รับการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และ ให้เด็กสามารถเติบโตเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าของประเทศชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเน้นในเรื่องของอาหารต้องให้เด็กได้รับสารอาหารให้ครบถ้วน โดยให้นำระบบ (Thai School Lunch : TSL) มาใช้ในสถานศึกษา ซึ่งเป็นระบบแนะนำสำรับอาหารกลางวันสำหรับโรงเรียนแบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยกำกับดูแลให้ทุกมื้ออาหารของเด็กในโรงเรียนได้รับคุณค่าทางโภชนาการที่เพียงพอตามเกณฑ์มาตรฐานที่ช่วยให้เด็กๆ ได้รับสารอาหารครบถ้วน จำเป็นต่อการเจริญเติบโต การพัฒนาทางสมองและสติปัญญา
และกรมฯ ได้นำแนวทางของ “สนามเด็กเล่น สร้างปัญญา” ที่มีลักษณะเป็นการเล่นในธรรมชาติ กิจกรรมต่างๆจะยึดธรรมชาติเป็นหลัก ใช้สวนป่าเป็นตัวสร้างคลื่นสมองให้พร้อมรับการเรียนรู้ที่สอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม ความรอบรู้ในสิ่งที่ใช้ได้จริง รวมถึงการเล่นตามรอยพระยุคลบาท มาปรับใช้กับสนามเด็กเล่นของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของ อปท. และอัญเชิญแนวการอบรมเลี้ยงดูเด็กด้วยความรักของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (เลี้ยงลูกด้วยความรักของสมเด็จย่า) ในมิติของการจัดสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการเล่น จัดอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ การฝึกทักษะชีวิตผ่านงานบ้านหรือการทำสวน จึงอยากให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมี สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา เพื่อให้เยาวชนได้รับการพัฒนาทั้งทางร่างกาย สมอง อารมณ์ จิตใจ พร้อมที่จะเรียนรู้และเติบใหญ่เป็นกำลังสำคัญที่มีคุณภาพ และยังสามารถขยายผลไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อื่นๆ ได้อีกด้วย
ในตอนท้าย ดร. วันดี ได้ฝากให้ประธานชมรมแม่บ้านท้องถิ่นภาคตะวันออกทุกจังหวัด ให้ร่วมตัวกันแล้วร่วมรณรงค์ให้สังคมไปช่วยเหลือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ตกเกณฑ์ ในแต่ละจังหวัดให้มีความเหมาะสมในการดูแลลูกๆ หลานๆ ในแต่ละท้องถิ่นด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
โครงสร้างนิยายเรื่อง "น่านรัก"
โครงสร้างนิยายเรื่อง "น่านรัก" 1. บทนำ เปิดเรื่อง : สันติสุข ชายหนุ่มนักเขียนนิยายธรรมะที่ต้องการค้นหามิติใหม่ของการเล่าเรื่องธรรม...
-
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือ “เจ้าคุณประสาร” รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(...
-
วิจารณ์สนั่นหลักสูตรบาลีป.ธ.1-2 ถึงป.ธ. 9 เรียนพระไตรปิฎก 149 หน้า "เจ้าคุณหรรษา" ยกสามเณร 2 รูป หนึ่งจบ ป.ธ. 9 อายุ 17 ปี หนึ่งจบ...
-
พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม อิสริโก จัดสร้างเพื่อหารายได้ สร้างหอฉันอุตตโม ออกแบบโดยช่างเกษม มงคลเจริญ ประกอบด้วย เนื้...