วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561

จัดอันดับมหาวิทยาลัยตอบโจทย์อุตสาหกรรมจริงหรือ?




การศึกษาถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จ แต่ปัจจุบันการศึกษาอย่างเดียวไม่เพียงพอเสียแล้ว สถาบันการศึกษาต้องติดอยู่ในอันดับสูงๆ ของโลก การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกกว่า 10 ปีที่ผ่านมาทำให้เกิดกระแสแนวทางการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการศึกษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กวิน วงศ์ลีดี ผู้อำนวยการสถาบันสร้างสรรค์และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา สะท้อนมุมมองการจัดอันดับสถาบันการศึกษามีความสำคัญแค่ไหนต่อนักศึกษายุคใหม่ และมีผลอย่างไรต่ออุตสาหกรรมยุค 4.0


ทำไมต้องมีการจัดอันดับมหาวิทยาลัย?

การจัดอันดับมหาวิทยาลัยในระดับประเทศมีมานานนับหลายทศวรรษแล้ว มหาวิทยาลัยในกลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกาเหนือมีการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในประเทศตนเองเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับอาจารย์ นักวิชาการ นักศึกษาในการตัดสินใจที่จะเลือกมหาวิทยาลัยต่างๆ และเป็นข้อมูลให้ภาครัฐและภาคเอกชนใช้ในการตัดสินใจที่จะจัดสรรทุนและสนับสนุนด้านงบประมาณ ต่อมาในปี พ.ศ. 2546  เล่ากันว่าอาจารย์หลิวจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้คิดริเริ่มการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก วัตถุประสงค์เพื่อวัดความก้าวหน้าด้านการศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยของประเทศยุโรปและอเมริกา และเพื่อผลักดันความก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยจีนอีกทั้งใช้เป็นข้อเสนอในการจัดสรรงบประมาณสู่ภาคการศึกษา หน่วยงาน และมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจีน ต่อมาปี พ.ศ. 2547 องค์กรTime Higher Education (THE) จากกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ จึงได้จัดอันดับมหาวิทยาลัยอันดับโลกขึ้นอย่างเป็นทางการจนกระทั่ง พ.ศ. 2553 องค์กร Time Higher Education มีความคิดที่แตกแยกเรื่องตัวชี้วัดและน้ำหนักตัวชี้วัดจึงแตกออกมาเป็นอีกองค์กรหนึ่งเรียกว่า QS World University Rankings จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษกระทั่งปัจจุบันนี้มีสถาบันจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกมากถึง 40 แห่ง 


วิธีการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในปัจจุบัน?

เกณฑ์การวัด ตัวชี้วัดและน้ำหนักของตัวชี้วัดของการจัดอันดับแต่ละสถาบันมักจะมีข้อดีข้อเสีย จุดอ่อนจุด แข็งที่แตกต่างกันไป แต่ก็ยังเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป และมีการปรับปรุงแก้ไขอย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้การเก็บข้อมูลมีข้อบกพร่องน้อยลง โดยธรรมชาติของการจัดอันดับโลกทั่วไปแล้วมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่มีชื่อเสียงมาช้านานมักจะได้เปรียบ เพราะเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศและทั่วโลกมีศิษย์เก่ามากมายทั่วโลก อีกทั้งมหาวิทยาลัยใหญ่ๆที่มาจากประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักในการเรียนการสอนและการทำงานวิจัย เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และออสเตรเลีย มักจะมีความได้เปรียบสูงเนื่องจากภาษาอังกฤษไม่ใช่เป็นเพียงภาษาธุรกิจที่ใช้กันทั่วโลกยังเป็นภาษาสากลของนักวิจัย และนักวิชาการทั่วโลก ดังนั้น มหาวิทยาลัยที่ใช้การเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ หรือมหาวิทยาลัยระดับประเทศที่มีสาขาวิชานานาชาติและใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการเรียนการสอนและการทำวิจัย เช่น มหาวิทยาลัยในประเทศสิงคโปร์ จึงมีความได้เปรียบกว่ามหาวิทยาลัยที่ใช้ภาษาของตนเอง ขณะที่มหาวิทยาลัยที่เน้นคณะแพทย์ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ จะมีความได้เปรียบในด้านผลงานวิจัย การอ้างอิงผลงานวิจัย และทุนวิจัย มากกว่ามหาวิทยาลัยที่เน้นด้านสังคมศาสตร์ ครุศาสตร์ และศิลปศาสตร์ เป็นต้น


โอกาสของมหาวิทยาลัยที่ได้รับจากอันดับโลก?

ปัจจุบันการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกเป็นเรื่องสำคัญและมีอิทธิพลต่อมหาวิทยาลัย นักเรียน อาจารย์ และนักการศึกษาทั่วโลกแล้วไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเราก็จะถูกจัดอันดับไปโดยอัตโนมัติ มหาวิทยาลัยที่อยู่ในอันดับสูงๆ ก็จะเป็นหน้าเป็นตาเป็นเกียรติแก่ประเทศนั้นๆ ว่ามีความก้าวหน้าด้านการศึกษาระดับโลกดังนั้นมหาวิทยาลัยในทวีปเอเซีย เช่น ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จึงมีการสนับสนุนด้านงบประมาณและผลักดันอย่างจริงจังให้มหาวิทยาลัยจากประเทศตนให้ติดอันดับ 1-100 ส่วนในประเทศอาเซียน นอกจากสิงคโปร์แล้วประเทศอินโดนีเซียและประเทศมาเลเซีย มีการตื่นตัวอย่างสูงและมีความพร้อมที่จะผลักดันการจัดอันดับเป็นอย่างสูง ส่วนประเทศไทยมีการตื่นตัวพอสมควรแต่ยังไม่มีการแข่งขันที่รุนแรงหรือนโยบายที่ชัดเจน ประเทศส่วนใหญ่ที่พัฒนาแล้วใช้การจัดอันดับโลกเป็น Benchmark หรือเป็นตัววัดในการแข่งขันพัฒนามหาวิทยาลัยตนเองให้สู่อันดับที่สูงขึ้น หรือพัฒนาคณะและสาขาที่มหาวิทยาลัยมีความโดดแด่น เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการจัดสรรงบประมาณและทุนการศึกษา อันดับมหาวิทยาลัยโลกกลายเป็นตัวเลือกในด้านการศึกษา ดังนั้นมหาวิทยาลัยที่อยู่ในอันดับสูงๆ จะถูกเลือกโดยนักศึกษาเก่งๆ ผลของการจัดอันดับจะเกิดเป็นจุดขายเป็นที่สำคัญและเป็นจุดแข็งในการแข่งขันด้านการตลาดในยุคโลกาภิวัฒน์

การจัดอันดับตอบโจทย์อุตสาหกรรมจริงหรือ?

ปัจจุบันนี้มีสถาบันจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกมากถึง 40 แห่งแต่ว่ามีเพียง 3 แห่งที่มีอิทธิพลสูงและได้รับความสนใจจากทั่วโลกซึ่งแต่ละสถาบันก็เน้นตัวชี้วัดและน้ำหนักตัวชี้วัดที่แตกต่างกันไปคือ 1. Academic Ranking of World Universities (ARWU)เป็นการจัดอันดับโลกของกลุ่มจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เก่าซึ่งจะเน้นตัวชี้วัดที่สามารถวัดได้อย่างจริงจังจากการเรียนและผลงานวิจัยไม่เน้นสำรวจความคิดเห็นแต่เน้นรางวัลระดับนานาชาติและระดับโลก2. Time Higher Education (THE)เป็นการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกซึ่งใช้ตัวชี้วัดจากการสำรวจความคิดเห็น 30%ผสมผสานกับการเรียนการสอนผลงานวิจัยและการอ้างอิงผลงานวิจัยระดับสูงและ 3. QS World University Rankings (QS)เป็นการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดยวิธีการสำรวจความคิดเห็นมหาวิทยาลัยดีเด่นและสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการหรือผู้จ้างงานจากกลุ่มตัวอย่างทั่วโลก โดยให้น้ำหนักในส่วนนี้มากถึง 50% ของตัวชี้วัดทั้งหมด ผสมกับงานวิจัยการอ้างอิงงานวิจัยสัดส่วนของอาจารย์ต่างชาติและนักเรียนต่างชาติ จึงกล่าวได้ว่าการจัดอันดับมหาวิทยาลัย ไม่เพียงแต่สร้างการยอมรับเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอบโจทย์อุตสาหกรรมยุคใหม่อย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ดร.มหานิยม" พาไปไหว้ พระวัดงามตามรอยพระอริยะ วัดป่าโสมพนัสสกลนคร

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 ดร.นิยม เวชกามา อดีต สส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย  หรือ "ดร.มหานิยม" ในฐานะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีคนที...