วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561

พระโอวาทสมเด็จพระสังฆราช "ปฏิบัติธรรมนำไปสู่ ปฏิเวธธรรม ปราศจากปริยัติธรรมมิได้"




พระโอวาทสมเด็จพระสังฆราช "การปฏิบัติธรรมซึ่งนำไปสู่การบรรลุผลเป็นปฏิเวธธรรม จะปราศจากปริยัติธรรมคือการศึกษาอบรมให้รอบรู้ในพระธรรมวินัยไปมิได้เลย"


วันพุธที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปวัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ในการประทานโล่ประกาศเกียรติคุณ และทุน แก่สำนักเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรมดีเด่น ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๐



โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระโอวาท ความตอนหนึ่งว่า “ขออนุโมทนาชื่นชมทุกท่านที่ช่วยกันดำเนินภารกิจนี้ด้วยดี อันนับเป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนา และสนองพระราโชบายของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ในฐานะพระราชูปถัมภก แห่งการศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม



พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่ง ‘ปัญญา’ ซึ่งแปลว่าความรอบรู้ หน้าที่ของบรรพชิตในพระพุทธศาสนา และพุทธศาสนิกชนจึงได้แก่การเล่าเรียน ให้บังเกิดความรู้ในทาง ‘ปริยัติธรรม’ อย่างแตกฉาน กระทั่งสามารถเข้าถึง ‘ปฏิบัติธรรม’ ที่ถูกต้อง กล่าวคือความกระจ่างในกุศลขั้นต่างๆ จนมีสติสัมปชัญญะระลึกรู้ลักษณะที่ถูกต้องตามความเป็นจริง สามารถบรรลุมรรคผลเป็น ‘ปฏิเวธธรรม’ ได้ในที่สุด



เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมซึ่งนำไปสู่การบรรลุผลเป็นปฏิเวธธรรม จะปราศจากปริยัติธรรมคือการศึกษาอบรมให้รอบรู้ในพระธรรมวินัยไปมิได้เลย



การที่ท่านได้ร่วมกันปลูกฝังอบรมให้พุทธบริษัท มีคุณสมบัติด้านพุทธศาสนศึกษา ทั้งหลักสูตรนักธรรมและหลักสูตรธรรมศึกษาอย่างพรั่งพร้อม นับว่าได้ทั้งผู้จัดการศึกษาและผู้อุตสาหะเล่าเรียน เป็นผู้ธำรงรักษาพระพุทธศาสนาด้วยการกระทำ นับเป็นบุญกิริยาที่น่าอนุโมทนายกย่องอย่างยิ่ง



ในนามคณะสงฆ์ ผมขอกล่าวต่อบรรดาสหธรรมิกทุกรูป ทั้งที่อยู่ ณ ที่นี้ และที่ได้ชื่อว่าเป็นพระสงฆ์ไทยในทุกหนทุกแห่งว่า ขอให้ท่านเล่าเรียนพระธรรมวินัยในหลักสูตรนักธรรม จนสำเร็จเป็นนักธรรมเอกทุกรูป เพื่อให้คณะสงฆ์เป็นปึกแผ่นมั่นคงด้วยสีลสามัญญตา และทิฐิสามัญญตา เพราะความคลอนแคลนที่เกิดขึ้นนั้น เพราะมีผู้บวชเล่น แต่ไม่บวชเรียน ทั้งๆ ที่หน้าที่ของบรรพชิตคือการศึกษาเล่าเรียน



พระสังฆาธิการผู้ปกครองต้องกำชับกวดขันให้บรรพชิตในปกครองของท่าน ประพฤติตนเป็น ‘สาวก’ คือเป็นผู้ฟังพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ให้ถึงพร้อมด้วยหลักไตรสิกขา อย่างสมกับการเป็นผู้ ‘บวชเรียน’



ในขณะเดียวกัน อาตมภาพขอเชิญชวนให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนนำพาสมาชิกในหน่วยงานของท่าน มาศึกษาพระธรรมตามหลักสูตรธรรมศึกษา เพื่อพลเมืองไทยจักได้ชื่อว่าเป็นผู้รู้ และสามารถปฏิบัติธรรมได้ถูกต้องตามปริยัติธรรม สมความเป็นพุทธศาสนิกชนกันทุกคน”

................
(หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊กสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ดร.นิยม เวชกามา" จับมือกรรมาธิการศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ไปช่วยแก้ปัญหาตั้งวัดในศรีสะเกษกว่า 300 แห่ง

วันที่ 24 เมษายน 2567 ดร.นิยม เวชกามา ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม  เวชยชัย ในฐานะอนุกรรมมา...