"เราต้องรู้เขารู้เรา ตามหลักการสงครามของซุนวู แต่วันนี้ไม่ใช่เรื่องของสงครามที่เป็นการสู้รบด้วยกำลังทหาร แต่เป็นสงครามทางการค้าเมื่อรู้เขารู้เรา ก็ต้องหาความต้องการที่ตรงกันให้ได้ ระหว่างเรากับเพื่อนบ้านและทุกประเทศทั่วโลก
หลายประเทศมีผู้นำรุ่นใหม่ คณะรัฐมนตรีใหม่ จึงอยากให้ทุกคนได้ติดตามศึกษาแนวคิดใหม่ๆของแต่ละประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากแนวคิดประชาธิปไตยตะวันตก รวมถึงประชาธิปไตยแบบสังคมนิยมโดยขอให้ศึกษารายละเอียดให้ดี สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่ยังอยู่ในกรอบไม่ต่างจากของเดิมมากนัก
ทุกกระทรวงต้องมี Big deta เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการทำงาน โดยต้องมีการแยกประเภทฐานข้อมูลให้มีความชัดเจน ตรงกับความต้องการของประชาชน" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ไทยประจำประเทศเพื่อนบ้าน 5 ประเทศได้แก่ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เมียนมา เวียดนาม และมาเลเซีย กับผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน 32 จังหวัด เพื่อมอบนโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนในมิติด้านการต่างประเทศ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาจังหวัดชายแดนของไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี รวมถึงรับฟังข้อเสนอของเอกอัครราชทูตไทยและผู้ว่าราชการจังหวัด วันที่ 10 ส.ค.2561
ความจริงแนวคิดของซุนวูนั้นมีอยู่ 14 บท แต่เป็นบทที่เขียนรวมอยู่ใน 13 บท คือ รบโดยไม่รบ เป็นการรบแนวสันติ สอดคล้องกับพุทธสันติวิธีหรือตำราพุทธพิชัยสงครามตามแนว “อริยสัจโมเดล” ที่บูรณาการกับหมวดธรรมคือปธาน 4 สอดประสานกับหลักสันติวิธีตะวันตก ที่มุ่งเน้นการเน้นการสร้างสันติภายในเริ่มจากการปริยัติหรือสันติศึกษาภายในด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จนกระทั้งเกิดสัมมาทิฐิ ว่า “โลกทั้งผองคือพี่น้องกัน” ก็จะทำให้เป็นนักสันติวิธีแบบวิถีชีวิต (Pacifism) สามารถยุติปัญหาความขัดแย้ง รุนแรงและสงคราม เกิดสันติภาพภายในแบบไม่มีความขัดแย้งภายใน ก็จะทำให้เกิดพลังทั้ง 5 คือศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา
การแก้ปัญหาความขัดแยง รุนแรง และสงครามไร้ตัวตนหรือหลบในของชุมชน สังคม ประเทศชาติ และโลกให้เกิดสันติภาพ ด้วยโมเดลต่างๆ โดยเริ่มจากหลัก “4ป.” ในพื้นที่ “บวร” เพื่อให้เกิด “ภาวนา4” ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือต้องมีหลักการ 4 คือความรู้คู่คุณธรรม เมื่อจะนำความรู้ไปใช้ในการสร้างสันติภาพต้องอยู่บนพื้นฐานของเงื่อนไข 3 คือ ประมาณ เหตุผล และภูมิคุ้มกันความเสี่ยง แบบเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะทำให้นักพุทธสันติวิธีสามารถยุติปัญหาความขัดแย้ง รุนแรงและสงครามได้ระดังหนึ่ง แต่การจะทำให้ “อริยสัจโมเดล” คงจะต้องมีการบูรณาการเข้ากับศาสตร์ใหม่ให้ทันกาล
เพราะ"พระพุทธเจ้าตรัสว่า สิ่งใดมีค่ามากกว่ากันระหว่างน้ำกับชีวิตของคนความเกลียดหยุดได้ด้วยความรักเท่านั้น อาวุธไม่สามารถยุติความเกลียดชังได้ นอกจากความเมตตาเท่านั้นถึงสามารถยุติ ความเกลียดชัง สงครามเกิดจากใจของมนุษย์มิใช่เกิดจากอาวุธ สันติภาพที่เกิดจากอาวุธหรือสงครามจะเป็นสันติภาพที่ไม่ยั่งยืน มีคนกล่าวว่า...ถ้าเกิดสงครามครั้งที่ 3 สงครามครั้งที่ 4 ไม่รู้จะใช้อะไรเป็นอาวุธแล้ว เพราะมันทำร้ายกันตั้งแต่สงครามครั้งที่ 3 แล้ว จนไม่เหลืออะไรให้ทำร้ายกัน ศาสนาพุทธเป็นสิ่งเดียวกันกับวิทยาศาสตร์ เป็นปรัชญาของชีวิต สามารถพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี ฉะนั้น ประเทศศรีลังกาจะขอเป็นเจ้าภาพจัดวิสาขบูชาโลกครั้งต่อไป" Dr.Wijeyadasa Rajapakshe รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงพระพุทธศาสนา ประเทศศรีลังกา กล่าวในการปาฐกถาพิเศษในการประชุมชาวพุทธนานาชาติเริ่มขึ้นในวันที่ 22 พ.ค.2559 ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาวันสำคัญสากลของโลก (International Council for the Day of Vesak) ประจำปี 2559
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น