วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2561

"อธิการบดีมจร"แนะเจริญวิปัสสนาสู้ปัญญาประดิษฐ์(AI)ได้



"อธิการบดีมจร"เปิดโครงการวิปัสสนากรรมฐาน "ลมหายใจแห่งสันติภาพ" เนื่องในวันสันติภาพสากล 21 ก.ย. แนะมนุษย์กลับมาดูตัวเองเจริญปัญญาด้วยวิปัสสนากรรมฐาน จะสามารถสู้กับปัญญาประดิษฐ์หรือหุ่นยนต์ได้ เหตุสามารถควบคุมทัศนคติให้เป็นสัมมาทิฐิตลอดเวลา



วันที่ 19 ก.ย.2561 ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร)   อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา พระราชปริยัติกวี ศ.ดร. อธิการบดี มจร ในฐานะเป็นประธานเปิดโครงการวิปัสสนากรรมฐาน "ลมหายใจแห่งสันติภาพ" ระหว่างวันที่ 19-21 ก.ย.2561 ที่ มจร อ.วังน้อย เนื่องในวันสันติภาพสากลวันที่ 21 ก.ย.ของทุกปี ตามที่หลักสูตรสันติศึกษ และวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มจร ที่มีพระมหาหรรษา ธมฺมหาโส รศ.ดร. เป็ฯผู้อำนวยการ จัดขึ้น  ได้เป็นประธานเปิดโครงการและให้โอวาทแต่นิสิตทั้งพระและฆราวาสรวมถึงประชาชนทั่วไปความว่า  



หลักสูตรสันติศึกษาร่วมกับวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติจัดปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานก่อนจะมีการสัมมนาทางวิชาการในวันสันติภาพสากลวันที่ 21 ก.ย.นี้ จึงขอชื่นชมกิจกรรมที่เป็นสัมมาปฏิบัติ ทำให้เกิดความเข้มแข็งทางด้านจิตใจเป็นผลเป็นแบบอย่างที่ดีงามให้ประชาคมชาวมหาจุฬาฯ ร่วมทั้งสังคมไทย 



"การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานหรือสมถกรรมฐานถือว่าเป็นการฝึดหัดขัดเกลาตนเอง บริหารจิตเจริญปัญญาพัฒนาตนเอง เป็นวิธีการยอดเยี่ยมถือว่าเป็นหนึ่งเดียวของหลักการพัฒนาตนเอง ไมว่าจะนับถือศาสนาใด เป็นคนชาติไหน เมื่อจะฝึกหัดขัดเกลาพัฒนาตนเองให้มีความเจริญทางด้านร่างกายและจิตใจ จะใช้หลักกรรมฐานทั้งนั้น เพียงแต่รูปแบบของการปฏิบัติมีความแตกต่างออกไป" อธิการบดี มจร กล่าวและว่า  

บางศาสนาอาจจะใช้วิธีการนั่ง การเดิน การนอน สวดมนต์ นั่งดูลมหายใจ หรือมีการทำกิจกรรมร่วมกัน แต่มีเป้าหมายคือพัฒนาจิตใจ ขั้นตอนของการพัฒนาจิตใจเริ่มจาก "การทำสติให้มีความเข้มแข็ง" สติเป็นจุดเริ่มต้นของคุณงามความดี เริ่มจากสติจบด้วยอนุปาทาปรินิพพาน มีเส้นทางที่ชัดเจน บางศาสนาไม่ได้ไปถึงนิพพานแต่มีเป้าหมายให้ตนเองมีความเข้มแข็ง เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน 

พระราชปริยัติกวี กล่าวต่อว่า ในสังคมปัจจุบันการบริหารจิตเจริญปัญญา เป็นไปเพื่อเป้าหมาย  1) การทำตนเองให้จิตนิ่งมั่นคง เพื่อปัญญาความรู้จากการศึกษา เพราะเมื่อจิตนิ่งจะสามารถใช้ปัญญาได้อย่างเต็มที่ ในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา เพราะวิทยาการใหม่ๆ อยู่รูปของเครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งอำนวยความสะดวกมีเพียงพอ คนที่ได้เปรียบเป็นคนที่มีจิตนิ่งด้วยการสามารถไปรวบเอาสิ่งต่างๆ มาสร้างนวัตกรรม บุคคลที่สามารถสร้างนวัตกรรมได้ เกิดจากการมีจิตใจนิ่งมีความมั่นคง มีการครุ่นคิดใช้โยนิโสมนสิการ กรรมฐานโดยความหมายคือ กิจกรรมหรือการทำงานที่เป็นฐานแห่งการบรรลุผลที่วิเศษเรียกว่ากรรมฐาน 

2)ปัญญาประดิษฐ์(AI) เป็นหุ่นยนต์หรือเครื่องจักรจะมาทำงานแทนมนุษย์ในอนาคตนี้โดยจะมีความฉลาดกว่ามนุษย์ แต่ Ai ไม่ใช่มนุษย์ แต่จะฉลาดกว่ามนุษย์ วิธีเดียวที่มนุษย์จะฉลาดได้คือ กลับมาดูตนเองจะสามารถสู้กับปัญญาประดิษฐ์ได้ หุ่นยนต์ไม่มีมโนทัศน์ ฉลาดได้โดยอาศัยข้อมูลที่มนุษย์ป้อนเข้าไป มนุษย์เป็นผู้ควบคุม แต่การป้อนข้อมูลจะบอกเชิงบวกหรือเชิงลบ เป็นเรื่องที่น่ากลัว กรรมฐานจะช่วยควบคุมทัศนคติให้เป็นสัมมาทิฐิตลอดเวลา ฉลาดแต่สร้างประโยชน์ให้กับมนุษย์สังคมโลก กรรมฐานจะมีประโยชน์มาก หรืออาจจะมีคนใส่ข้อมูลเชิงทำลายล้างเข้าไป คนที่มีสัมมาทิฐิมีวิธีการในการบริหารควบคุมทิศทางด้วยอาศัยกรรมฐาน 3)การดำเนินชีวิตเพื่อโลกิยะวิสัย หลักกรรมฐานเท่านั้นจะช่วยให้มนุษย์มีกิเลสที่เบาบางพัฒนาต่อยอดไปเรื่อย จนบรรลุเป็นอรหันต์

................

(หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Pramote OD Pantapat พระอาจารย์ปราโมทย์ วาทโกวิโท  นิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มจร)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แนะนำหนังสือนิยายอิงธรรมะ: บาลีที่รัก

  เนื้อหาหนังสือนิยายอิงธรรมะ "บาลีที่รัก" บทนำ แนะนำตัวละครและฉากหลัง ทองสุข : ชายหนุ่มนักเขียนนิยายอิงธรรมะที่มีความรู้ด้านบาลีจ...