วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2561
ทำไมต้อง!ปรัชญาพุทธปัญญาประดิษฐ์
ทำไมต้อง!ปรัชญาพุทธปัญญาประดิษฐ์ : สำราญ สมพงษ์ นิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มจร รายงาน
วันนี้คงยังเรียบค่ายไปก่อน ขุดเอาสิ่งที่อยู่ในหัวออกมา เพราะว่าที่ผ่านมานั้นต้องย่อมรับว่า ใช้โค้ตคอนโทรล เอ ซี แล้วก็ วี เสียเป็นส่วนมาก ใช้นวัตกรรมตัดแปะ บางครั้งแทบไม่มีความรู้ใหม่เลย พอเกิดความคิดอะไรขึ้นมาหรือได้ฮิ้น ก็เรียบเรียงออกมาในลักษณะเขียนกระทู้
ความจริงแล้วการเขียนข่าว เขียนรายงาน ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการเขียนกระทู้ หาสุภาษิตหรือเรื่องที่เกี่ยวข้องมาเชื่อต่อไปเรื่อยๆ พอฝึกบ่อยๆ ทำให้เกิดทักษะ จุดที่สำคัญคือจะต้องรู้ประเด็นที่น่าสนใจแล้วพาดหัวเรื่องหรือข่าวให้น่าสนใจตื่นเต้นอย่างไรบ้างครั้งก็ต้องยอมเจ็บตัวโดยมีเป้าหมายต้องการดึงคนมาสู่ธรรม รูปแบบของการเขียนงาน การเขียนข่าวรูปแบบก็จะมีรูปแบบหนึ่งการเขียนรายงานก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง และการเขียนวิทยานิพนธ์ก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ในชั้นนี้ต้องการจะเขียนพิมพ์ไปเรื่อยๆ คิดอะไรได้ก็พิมพ์ออกมาแบบไม่ค่อยมีรูปแบบเท่านั้นนักเอาตามความคิดของ "โจน จันได" ที่ว่า "อย่าทำอะไรให้มันยาก หากยากแสดงว่ามันผิด"
เข้าเรื่อง ตามที่ตั้งหัวข้อเรื่องไว้ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญญานั้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในหลักธรรมพละ 5 หรืออินทรีย์ 5 ที่เป็นหลักธรรมที่ผลักดันให้ประสบผลสำเร็จเช่นเดียวกับอิทธิบาท 4 แต่ความจริงแล้วองค์ประกอบของหลักธรรมทั้ง 2 นี้ก็คล้ายคลึงกัน คงต้องศึกษาให้ลึกลงไปว่าหลักธรรมแต่ละเรื่องนั้นมีบริบทเป็นอย่างไร ซึ่งพละ 5 หรืออินทรีย์ 5 นั้นจะต้องปรับให้สมดุลโดยมีการจับคู่ดังนี้ ศรัทธาคู่วิริยะ สมาธิคู่ปัญญา ส่วนสติเป็นตัวควบคุมข้อธรรมทั้ง 4 ความจริงแล้วต้องปรับข้อธรรมทั้ง 4 นั้นให้สมดุล เวลาปฏิบัติธรรมพระอาจารย์ท่านจะแนะนำเสมอว่าต้องปรับอินทรีย์ให้สมดุลการปฏิบัติถึงจะก้าวหน้า ขณะเดียวกันหลักธรรมพละ 5 วงการธุรกิจออนไลน์ได้นำไปใช้กระตุ้นให้ผู้ใหม่ๆ ที่เข้ามาสนใจศึกษา ก็วิทยากรเขาก็ไม่ได้บอกนะว่าเนื้อหาที่นำมาบรรยายนั้นคือพละ 5 อาศัยคนวัดจึงทำให้เข้าใจ ก็คิดในใจว่าก็ของวัดดีๆนี่เอง และเนื้อหาที่เกี่ยวกับปัญญานั้นก็มีการรวบรวมไว้ดีแล้วในพระไตรปิฏกฉบับสากล(ภาษาไทย)
ที่มีความสนใจปัญญาเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะการปลูกฝังจากหลวงพ่อที่บอกว่า "ไม่มีอะไรจะให้ หากอยากได้อะไรก็เรียนเอา" นั้นก็คือต้องแสวงหาความรู้หรือปัญญาซึ่งก็ตรงกับหลักปรัชญา เท่ากับว่าหลวงพ่อได้สอนปรัชญาตั้งแต่เป็นเณรน้อยแล้ว โดยที่เราไม่รู้ว่านี้คือหัวใจของปรัชญา ในชั้นการเรียนปริญญาตรีส่วนใหญ่จะใช้สุตมยปัญญาที่เกิดจากการอ่านการเรียนฟัง หรือกอบปี้ เสียมากกว่าไม่ค่อยได้คิดทำความเข้าใจมากเท่าใดนัก หรือแม้แต่การเรียนนักธรรมกับบาลีก็อาศัยการท่องจำให้เกิดสัญญาคือการจำได้ไม่ได้เกิดปัญญาเท่าใดนัก จึงทำให้การเรียนบาลีไม่ก้าวหน้าแต่ก็รอดมาได้ถึงชั้นประโยค 5 พอระดับปริญญาตรีก็จำอีก แต่ดีที่เรียนเอกปรัชญาเป็นฐานในการคิดในระดับปริญญาโทแต่กว่าจะรอดมาได้ก็หนักเหมือนกันเพราะคิดหรือใช้จินตามยปัญญา คิดจินตนาการณ์ไปเรื่อยไร้กรอบความคิดที่ชัดเจน คือคิดแบบไม่มีกรอบหรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Mindset หรือ Mindmap จึงยากที่จะสรุปเป็นความคิดใหม่หรือโมเดล
ความจริงแล้วปัญญา 3 ประการนี้ก็คือเป็นพื้นฐานหรือทักษะมนุษย์ดีๆนี้เอง ปัจจุบันนี้ด้านวัตถุได้พัฒนาปัญญา 3 ประการนี้มาเทียบปัญญาของมนุษย์แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีความสนใจที่จะศึกษาด้านปัญญาเป็นพิเศษ และปัญญาที่น่าศึกษายิ่งก็คือปัญญาของพระพุทธเจ้าหรือสมองของพระพุทธเจ้ารองลงมาก็คือสมองของพระสารีบุตร โดยมีหนังสือการศึกษาเปรียบเทียบสมองของพระพุทธเจ้ากับซุนวู น่าจะเป็นฐานในการศึกษาเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
เมื่อมีความสนใจด้านปัญญาเช่นนี้ได้เห็นพัฒนาการด้านปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอหรือหุ่นยนต์พร้อมกับการการพัฒนามาเทียบกับด้านวิญญาณด้วยแล้วจึงเป็นประเด็นที่น่าศึกษายิ่ง บวกกับมีพื้นฐานความคิดอยู่เดิมก็คือจะสนใจเรื่องอะไรจะสนใจในจุดที่เป็นสุดยอดแล้วข้อปลีกย่อยในเรื่องนั้นๆก็จะรู้เอง อย่างเช่นนักการเมืองก็เช่นเดียวกันจะจับนักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญหรือหัว ส่วนลูกจ็อกๆๆหรือลูกหาบก็จะปล่อยๆไป ด้วยเหตุนี้จึงมีความสนใจที่จะศึกษาเปรียบเทียบปัญญาประดิษฐ์กับปัญญาในพระพุทธศาสนาหรือปัญญาของพระพุทธเจ้า ในชั้นนี้พระราชปริยัติกวี อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ได้ให้แนวความคิดไว้แล้วว่า "มนุษย์จะต้องพัฒนาปัญญาให้เป็นสัมมาทิฏฐิเพื่อที่จะสามารถควบคลุมปัญญาประดิษฐ์ได้ด้วยการฝึกวิปัสสนากรรมฐานถึงจะสามารถพัฒนาปัญญาเท่าทันปัญญาประดิษฐ์" และพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธีก็ศึกษาล้ำหน้าไปแล้ว
เมื่อได้กรอบความคิดที่เป็นพุทธปัญญาประดิษฐ์จนกระทั้งพัฒนาเป็นปรัชญาพุทธปัญญาประดิษฐ์แล้วก็จะมีประโยชน์หรือเป็นตัวเสริมในการทำดุษฎีนิพนธ์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อออนไลน์เพราะอะไร ก็เพราะว่าปัจจุบันนี้ปัญญาประดิษฐ์ได้ถูกนำมาใช้งานด้านการสื่อสารทั้งด้านบวกและด้านลบ ส่วนด้านลบก็คือได้นำปัญญาประดิษฐ์มาช่วยสร้างข่าวปลอมแล้วปล่อยในสื่อออนไลน์ ผู้ที่ไม่รู้เท่าทันก็จะตกเป็นเหยื่อถูกหลอกเสียเงินเสียทองแม้กระทั้งเสียตัวก็มีมาก
ด้วยเหตุนี้ทำไมจึงมีความสนใจที่จะศึกษาเรื่อง "ปรัชญาพุทธปัญญาประดิษฐ์" ด้วยประการฉะนี้แล
..........
(หมายเหตุ : ขอบคุณเจ้าของภาพ AI มา ณ โอกาสนี้)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
แนะนำหนังสือนิยายอิงธรรมะ: บาลีที่รัก
เนื้อหาหนังสือนิยายอิงธรรมะ "บาลีที่รัก" บทนำ แนะนำตัวละครและฉากหลัง ทองสุข : ชายหนุ่มนักเขียนนิยายอิงธรรมะที่มีความรู้ด้านบาลีจ...
-
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือ “เจ้าคุณประสาร” รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(...
-
วิจารณ์สนั่นหลักสูตรบาลีป.ธ.1-2 ถึงป.ธ. 9 เรียนพระไตรปิฎก 149 หน้า "เจ้าคุณหรรษา" ยกสามเณร 2 รูป หนึ่งจบ ป.ธ. 9 อายุ 17 ปี หนึ่งจบ...
-
พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม อิสริโก จัดสร้างเพื่อหารายได้ สร้างหอฉันอุตตโม ออกแบบโดยช่างเกษม มงคลเจริญ ประกอบด้วย เนื้...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น