วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2561

ย้อนรอย!หลักธรรมประจำใจ"ประเสริฐ นาสกุล"




วันที่ 7 กันยายัน 2550 เป็นวันสุดท้ายที่นายประเสริฐ นาสกุล ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เกษียณจากตำแหน่ง เพราะเป็นวันอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 260 ได้กำหนด ถึงสาเหตุของการพ้นจากตำแหน่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไว้ ที่(2) ระบุว่า มีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์  

นายประเสริฐ ได้ยกหลักของการทำหน้าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะต้องยึดหลักตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และในพระปรมาภิไทย ต้องปฏิบัตินหน้าที่ด้วยคความซื่อสัตย์ สุจริต ปราศจากอคติ 4 ประการคือ รัก โลภ โกรธ หลง และกลัว เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ประชาชน เกิดความสงบแห่งราชอาณาจักร และได้ยกหลักธรรมว่าด้วย กาลามสูตร 10 ประการมาเตือนสติสังคม นั้นก็คือให้คนไทยก่อนพูดทำคิด ต้องให้ปัญญาพิจารณาด้วยเหตุด้วยผลเสียก่อนว่า ถูกหรือผิดอย่างไร

นอกจากนี้นายประเสริฐหยิบยกหลักธรรมขึ้นมาเตือนสติสังคมแล้ว ยังได้ประพฤติให้เป็นตัวอย่าง ซึ่งปกติแล้วเป็นคนที่พูดน้อยมักจะไม่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว จนทำให้ผู้สื่อข่าวที่ไปทำข่าวที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญในช่วงพิจารณาคดีของนายกรัฐมนตรีรู้สึกอึดอัด

ยิ่งการพิจารณาคดีงวดเข้านายประเสริฐก็ยิ่งพูดน้อย จนทำให้ผู้สื่อข่าวจนปัญญาแม้ว่าจะพยายามถามคำกี่คำถาม จะได้คำตอบเพียงว่าวันนี้ไม่มีข่าว ไม่ให้สัมภาษณ์ แม้จะพูดก็มักจะมีคำพูดแปลก ๆ เช่น คำว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่พระอรหันต์

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะรู้สึกกดดันหรือไม่ต้องถามตึกสำนักงานกระแสข่าวหรือข่าวปล่อยเป็นอย่างไรต้องไปถามเกลียวคลื่น คนอื่นเข้าใจอย่างไรไม่สำคัญอยู่ที่ว่านักข่าวเข้าใจการทำ

หน้าที่ของตุลการศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร เมื่อแถลงคำวินิจฉัยออกมาแล้วนายประเสริฐก็จะพูดว่า สำหรับผมจบแล้ว คือจะไม่วิพากษ์วิจารณ์นั้นเอง
หากจะพิจารณาจากพฤติกรรมการพูดของนายประเสริฐแล้วพอจะประมาณได้ว่า นายประเสริฐได้ยึดหลักธรรมคือ วจีสุจริต 4 ประการ คือ ไม่พูดเท็จมีสัจจวาจา พูดคำใดก็ต้องปฏิบัติ

ตามนั้น ไม่พูดส่อเสียดกระแหนะกระแหนคนอื่น ไม่พูดคำหยาบกล่าวให้ร้ายคนอื่น และที่สำคัญก็คือจะไม่พูดสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์

เมื่อนายประเสริฐได้ทำหน้าที่ตัดสินคดีของพ.ต.ท.ทักษิณเสร็จแล้ว แม้ว่าจะเป็นเสียงข้างน้อย ก็ประกาศที่จะทำหน้าที่ในตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญไปจนกว่าจะเกษียณอายุใน

เดือนกันยายนนี้ กระนั้นก็ไม่วายจะมีข่าวปล่อยออกมาว่าจะลาออก นั้นแสดงให้เห็นว่า นายประเสริฐมีหลักพรหมวิหารธรรม 4 ประการ โดยเฉพาะข้อ อุเบกขา คือไม่มีความดีใจหรือ เสียใจ ไม่รู้สึกโกรธที่เป็นเสียงข้างน้อย โดยเข้าใจว่าได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว

และหลักธรรมอีกประการหนึ่งที่นายประเสริฐทำให้ปรากฎ คือไม่มีมานะ ความถือตัว คือไม่ถือศักดิ์ว่าตัวเองนั้นมีตำแหน่งใหญ่โตถึงระดับประธานศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมจะมีอภิสิทธิ์ เหนือบุคคลอื่นอยู่บ้าง หรือแสดงว่านายประเสริฐไม่มีอุปกิเลสคือโทษเครื่องเศร้าหมองอยู่ในจิตใจ หรือมีก็มีน้อยหรือระงับได้ หรือมีหลักสังคหวัตถุธรรมข้อที่ 4 คือสมานัตตตา เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย

หลักธรรมข้อนี้ปรากฏได้ จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมซึ่งเป็นวันตัดสินคดีของนายกรัฐมนตรีแล้ว ในช่วงเย็นได้ไปเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช โดยการเปิดเผยจาก อาจารย์เกษียร เตชะพีระ ซึ่งเขียนบทความลงในคอลัมน์หนังสือพิมพ์มติชนวันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม ต่อมานักเขียนนามปากกากระบี่ไม้ไผ่ นำมาประกอบในบทความคอลัมน์ทางพระเข้าข่มในหนังสือ?เสาร์สวัสดี?ที่พิมพ์แทรกในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ประจำวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม โดยให้หัวข้อว่า?สรรวค์มีตา มนุษย์มีใจ? โดยได้กล่าวถึงบุคคล 2 คนเปรียบเทียบกันระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณกับนายประเสริฐ


อาจารย์เกษียรได้เล่าถึงเหตุการณ์ในคอลัมน์ว่า ?เย็นย่ำของวันที่ศาลรัฐธรรมนูญประกาศคำพิพากษาประวัติศาสตร์นั้น ระหว่างเดินผ่านบริเวณระเบียงตึก ซึ่งคนไข้กำลังนั่งรอรับการจ่ายยา ระหว่างนั้นเองตาก็เหลือบเห็นคุณลุงสูงอายุคนหนึ่ง รูปร่างสันทัด ผอมบาง ผิวออกขาว ตัดผมรองทรงสั้นหวีเรียบ ใส่เสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวติดกระดุมข้อมือผูกเนกไทเรียบร้อย นั่งปะปนอยู่ในหมู่คนไข้

ผมสะดุดตาคุณลุงเพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าหน้าตามคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นบ่อย ๆ ที่ไหนสักแห่ง เข้าใจว่าอาจะในข่าวทีวี มองแล้วมองอีกจนเหลียวหลังแต่ยังนึกไม่ออก ก็พอดีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลประกาศรายชื่อคนไข้รายถัดไปดังสนั่นทางลำโพลง

"ประเสริฐ นาสกุล" คุณลุงคนนั้นผุดลุกขึ้นเดินตรงรี่ไปที่ช่องเก็บเงินทันทีมิน่าล่ะ????.

ใครจะไปคิดว่าผู้ที่อาจกล่าวได้ว่ากุมอำนาจสำคัญที่สุดต่อการเมืองไทยขณะนั้น เพราะเป็นประธานคณะบุคคลที่กุมชะตากรรมทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีไว้ในมือจะโผล่มา

หาหมอคลินิกตอนเย็นที่โรงพยาบาลหลวงอันค่อนข้างแออัดจอแจล่าช้า แทนที่จะเป็นโรงพยาบาลเอกชนอันรวดเร็วสะดวกสบายกว่าด้วยอากัปกิริยาท่าทีปกติธรรมดา นั่งเรียงแถวปะปน

บนระเบียงตึก เบียดชิดติดชาวบ้านสามัญอื่น ๆ ทั่งหลายโดยไม่ลัดคิว ไม่อ้างอภิสิทธิ์ เฝ้ารอเจ้าหน้าที่เรียกชื่อสกุลคนอื่นมาจนถึงตัวตามลำดับ ก่อนหลังโดยปราศจากคำนำหน้า ฯพณฯ หรือท่านประธาน 

ลองคิดดูเถิดว่าต้องอาศัยชีวทรรศน์ท่าทีประหยัดเรียบง่าย ธรรมดา สูงสุดคืนสู่สามัญเพียงใหนต้องอาศัยความไว้วางในที่มีให้กับเพื่อคนไทยธรรมดาด้วยกันสักเพียงใด ท่านจึงทำเช่นนั้นได้

ผมเห็นแล้วก็ได้รู้สึกไว้วางใจคุณประเสริฐ นาสกุล ขึ้นมาจับใจ ถึงแม้ผมอาจไม่เห็นด้วยกับความคิดความเห็นในเรื่องการตีความและปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญท่านบ้าง แต่ผมไม่เห็นเหตุผลอันใดที่ประชาชนจะไม่ไว้วางใจบุคคลเรียบง่ายธรรมดา ผู้ไม่อวดฐานะตำแหน่งอำนาจ ไม่อ้างอภิสิทธิ์ อีกทั้งสะท้อนออกซึ่งความไว้วางใจ ประชาชนในวิถีการดำเนินชีวิตประจำวันเยี่ยงท่านตลกดี เทียบกับนายกรัฐมนตรีแล้ว ทั่งที่ผมก็เห็นด้วยกับนโยบายและท่วงทีบางประการของท่านโดยเฉพาะที่ท่านพยายามฟื้นเศรษฐกิจรากหญ้าของประชาชนขั้นล่าง ให้สวัสดิการประชาชนด้านการรักษาพยาบาล และลองเสาะแสวงหาแนวทางพัฒนาทางเลือกอื่นนอกเหนือจากทุ่มเทส่งออก พึ่งตลาดภายนอกตามคำชี้แนะดังทำกันมา ฯลฯ

แต่ถามว่าผมไว้วางในท่านหรือไม่ คิดได้แค่นั้นแล้วผมก็ถึงแต่ตะลึงลานไป???????

เหล่านี้คือหลักธรรมที่นายประเสริฐมีปรากฏให้สาธารณชนได้เห็นได้ทราบ ส่วนหลักธรรมอื่นเป็นอย่างไรนั้นคงเป็นเรื่องเฉพาะตน หากนายประเสริฐไม่บอกกล่าวให้ทราบหรือ

กระทำให้เป็นตัวอย่าง ก็ยากที่จะปรากฏได้เพราะมีหลักธรรมก็การไม่โออวดตัวเอง แต่เท่าที่ปรากฏนี้น่าจะเป็นประโยชน์และอนุสติแก่ชนรุ่นหลังได้บ้างไม่มากก็นี้ และหวังว่าจะมีนัก

เขียนบางคนนำหลักธรรมประจำตัวนายประเสริฐเขียนเป็นหนังสือเผยแพร่บ้าง แต่คงไม่ใช้ชื่อว่า"ธรรมะของนายประเสริฐ นาสกุล"  อย่างหนังสือที่ฮ.นิกฮูกี้ที่ให้ชื่อว่า"ธรรมะของทักษิณ" 

เพราะแม้พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ธรรม ก็ยังไม่ทรงโอ้อวดว่าเป็นธรรมะของพระองค์ แต่เป็นธรรมะที่พระองค์ทรงค้นพบเท่านั้น ซึ่งทำให้ไม่ขัดกับหลักอนัตตธรรม ซึ่งเป็นแก่นธรรมของพระพุทธศาสนา


............

(หมายเหตุ : เป็นบทความที่เคยตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันพฤหัสบดี ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2550,ภาพจาก http://lawdrafter.blogspot.com/2012/07/blog-post.html)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

AI ช่วยอัพไซเคิล (Upcycle) ธุรกิจเปลี่ยนขยะให้เป็นเงิน

ธุรกิจอัพไซเคิลจึงมีศักยภาพในการลดปริมาณขยะ ส่งเสริมเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือใช้ ส่งผลเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมใ...