ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"เจ้าคุณ ว.วชิรเมธี" แนะนักเผยแผ่พุทธยุคเอไอ ต้องรู้จักใช้เทคโนโลยี สื่อสารธรรมผ่านสื่อออนไลน์เป็น



เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566  พระปราโมทย์ วาทโกวิโท, ดร. ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา ระดับปริญญาโท  มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร)  เปิดเผยว่า  ได้ถอดบทเรียนการสัมมนาพระนักเทศน์ พระนักเผยแผ่ ภายใต้คำว่า "เหลียวหลังแลหน้าการเผยแผ่พระพุทธศาสนา" ในงานอายุวัฒนมงคล 68 ปี พระพรหมบัณฑิต,ศ.ดร. (ป.ธ.9,ศ.,ดร.,ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์, อัคคมหาบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานกรรมการการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ ประธานสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก (ICDV) ประธานสมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนานานาชาติ (IABU) อุปนายกสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีการเสวนาโดยพระสงฆ์รุ่นใหม่ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ . ประกอบด้วย 

1)พระเมธีวชิรโดม (พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี) สะท้อนประเด็นสำคัญว่า  การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอดีตถือว่าเป็นการเหลียวหลัง คือ "สอนให้จำ ทำให้ดู อยู่ให้เห็น เย็นให้สัมผัส ปฏิบัติให้เป็นแรงบันดาลใจ"  ถือว่าเป็นการเหลียวหลัง ถือว่าเป็นรูปแบบการเผยแผ่ แต่ในปัจจุบันศตวรรษที่ 21 จะอยู่ภายใต้คำว่า "ใครครองสื่อคนนั้นครองโลก" รวมไปสื่อทางออนไลน์ จะต้องรู้ใช้เทคโนโลยี อดีตสื่อสารจำนวนคนฟังไม่เยอะแต่ปัจจุบันใช้เทคโลยีคนเข้าถึงจำนวนมาก ชนิดที่ว่า "ทำงานน้อยลงแต่ประสิทธิภาพมากขึ้น" เพราะการใช้สื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ สอดรับกับคำว่า "ทำหนึ่งได้ร้อยทำน้อยได้มาก" ถือว่าศักยภาพการสื่อสารธรรมในยุคปัจจุบัน   

@siampongnews ชุดจี้พร้อมแหนบกลัด #3พระอรหันต์ร้านต้นฉบับ ♬ Ready - Official Sound Studio

ปัจจุบันเปิดรับสมัคร CEO เพื่อมาเรียนสติสมาธิภาวนา ซึ่งคนสนใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นการทำงานน้อยลงแต่ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันคนบวชน้อยลงแต่เราต้องฝึกพระสงฆ์ให้สื่อสารกับชาวโลกไปอย่างมีความหมายมีบทบาท จึงต้องก้าวเข้ามาใช้สื่อเทคโนโลยี โดยยกพระสงฆ์ในเนปาลเป็นต้นแบบในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา มีความง่ายงามธรรมดาแต่ประสิทธิภาพสูงสุด พระนักเผยจะต้องยกระดับไปถึงชนชั้นนำต้องศึกษาพระพุทธศาสนาในลึกซึ้งและศาสตร์สมัยใหม่ให้ชัดเจนเพื่อนำมาบูรณาการในการเผยแผ่ธรรม อย่าใช้วิธีการแบบไทย Mindset จะต้องมีองค์ความรู้ที่เป็นสากล จะต้องออกแบบการนำเสนอสินค้าให้ดี ทำไมพระรุ่นใหม่สายวัชรยานถึงเวทีโลก  ซึ่ง "จิ๋วแต่เเจ๋ว" โดยมีความรู้ทางธรรมทางธรรมแม่นยำเหมือนพระไตรปิฎกเคลื่อนที่ ศาสตร์ร่วมสมัยแม่นยำ รวมถึงทักษะในการสื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างมืออาชีพ จึงเจาะกลางใจในประชาคมโลก ในสมัยปัจจุบันว่าเทคโนโลยีช่วยได้มาก จนมีผู้กล่าวว่าจงเพิ่งรีบตายเพราะเทคโนโลยีใหม่ๆ กำลังมา จงมีอายุยืน จะทำให้โลกเราง่ายขึ้น 

ถามว่าการเผยแผ่แบบเดิมยังถือว่าดี แต่ควรนำไปสู่น่านน้ำใหม่ด้วย ผ่านเทคโนโลยี จะต้องบุกน่านน้ำใหม่ จะต้อง 1)แม่นยำในพระธรรมวินัย 2)ศาสตร์ร่สมสมัยต้องชัดเจน 3)เข้าไปเล่นในโซเซียลออนไลน์ จึงสรุปว่า การเผยแผ่พระพุทธศาสนาจะต้อง "สอนให้จำ  ทำให้ดู อยู่ให้เห็น เย็นให้สัมผัส ปฏิบัติให้เป็นแรงบันดาลใจ และต้องรู้ใช้เทคโนโลยี" จึงจะเข้าไปถึงน่านน้ำใหม่

หมอจะรักษาโรคจะต้องวินิจฉัยให้ละเอียด พระสงฆ์เช่นกันจะต้องวินิจฉัยว่าคนป่วยอะไร  จะต้องเยียวยาสังคมจะต้องทำความเข้าใจสังคมฝึกตนให้เรียนรู้ตลอดชีวิต จะทำให้สามารถจับประเด็นทางสังคม เปิดรับเทคโนโลยีให้เป็น ย่อยข้อมูลให้เป็นในอดีตหาข้อมูลยาก ปัจจุบันหาข้อมูลง่ายแต่ต้องมีฉันทะต่อเนื่องแรงจูงใจใฝ่เรียนรู้ "จงหิวกระหายความรู้" ฝึกตนเป็นมหาสมุทรแห่งความรู้ เรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งพระนักเผยแผ่จะต้องเข้าใจสังคม และฝึกตนให้มียาเพื่อไปรักษาจะต้องลงทุนในตนเอง "จงลงทุนในตนเอง" ยังไม่เก่งเรื่องใด  จะต้องหายตนเองเพื่อถอยไปบ่มเพาะตนเอง จะเป็นนักเผยแผ่ระดับใด ระดับตำบล อำเภอ  จังหวัด ประเทศ โลก  "ทำตนให้มีก่อนแล้วนำความดีไปแบ่งปัน" ต้องเอาทฤษฎี 10,000 ชั่วโมง ลงมือทำซ้ำๆ จนถึง 10,000 ชั่วโมง ฝึกปฏิบัติให้เกิน 10,000 ชั่วโมง วิเคราะห์ วิจัย วิจารณ์ในตนเอง จะได้มีภูมิรู้ ภูมิธรรม และมีภูมิฐาน อย่าเป็นเรือเล็กไปในมหาสมุทร จึงเข้าใจสังคมบำเพ็ญตนแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ลงทุนในตัวเองให้เวลากับเวลา 

2)พระเมธีวัชรบัณฑิต, ศ.ดร. รสะท้อนประเด็นสำคัญว่า  การเหลียวหลังในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสมัยพระพุทธกาล ซึ่งปัจจุบันเรามีแผนบทพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งการเผยแผ่เป็นการส่งต่อจากพระพุทธเจ้าโดยตรง โดยมุ่งให้อนุเคราะห์ชาวโลก โดยมีกรอบในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาผ่านกรอบโอวาทปาติโมกข์ ประกอบด้วย หลักการอุดมการณ์ และวิธีการ เพื่อให้เข้าใจในแผนการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เมื่อเข้ามาถึงไทยจึงมีไตรภูมิพระร่วง เป็นการนำพระพุทธศาสนาเข้าไปสู่ระบบโครงสร้าง สอดรับรัฐธรรมนูญปี 2560  รัฐพึงสนับสนุนส่งเสริมอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาเถรวาท เพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาพัฒนาจิตใจ ซึ่งในมาตรา 67 ถือว่าเป็นมันสมองของหลวงพ่อพระพรหมบัณฑิตในการพัฒนาแผนแม่บทการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อกำหนดการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยเริ่มจากการพัฒนาบุคลากรที่จะออกไปเผยแผ่ 

จึงควรมีองค์ความรู้ในการเผยแผ่ที่ทุกท่านสามารถนำไปใช้งานได้ ถือว่าเป็นนวัตกรรม ซึ่งระบบการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยมีสถาบันการพัฒนาพระนักแผ่พระพุทธศาสนา จะต้องนำพระพุทธศาสนาเอาธรรมลงไปทำ เอาคำสอนลงไปปฏิบัติในวิถีชีวิต  โดยหลวงพ่อพรหมบัณฑิตนำนักวิชาการทางศาสนาสามนิกายมารวมกันเพื่อทำพระไตรปิฎกฉบับสากล รวมสามนิกายเถรวาท มหายานและวัชรยาน  จึงย้ำว่าการเผยแผ่พระพุทธศาสนาจะต้องผ่านการปฏิบัติไม่ใช่เเค่ปริยัติ เอาสิ่งที่ทำมาเทศน์ เอาสิ่งที่เทศน์มาทำ  

โดยการเผยแผ่พระพุทธศาสนาจะต้องเตรียมตัวให้ดี  ซึ่งสนองงานหลวงพ่อพระพรหมบัณฑิตตามปณิธานครูอาจารย์ ย้ำอย่าลืมดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคภัยต่างๆ  จึงไม่ควร "เป็นนักวิชาการเน่าใน" โดยมุ่งพยายามรับใช้สังคมแต่ข้างในไม่มีความชุ่มเย็น พระนักเผยแผ่จึงไม่ควรทิ้งการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน    

3) พระศรีวชิรวาที สะท้อนประเด็นสำคัญว่า หัวใจสำคัญของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาจะต้องไปทั้งการสื่อสารธรรมและการช่วยเหลือเป็นการสงเคราะห์อนุเคราะห์ชาวบ้าน ซึ่งหัวใจของการเผยแผ่ไม่ใช่ปริมาณแต่จะต้องทำแล้วเกิดความยั่งยืน ผู้เผยแผ่จะต้องเป็นต้นแบบของความสงบ ซึ่งการเผยแผ่พระพุทธศาสนาจะต้องมีพิมพ์เขียว คำถามการเผยแผ่พระพุทธศาสนากับการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน คนรุ่นใหม่กับการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เราจะมีวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนากับคนรุ่นใหม่อย่างไร ? จึงมีนโยบายในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอดีตและปัจจุบัน ประกอบด้วย "ตกปลานอกบ้าน ประสานสิบทิศ ผูกมิตรทั่วหล้า บริหารปัญญา สาริกาป้อนเหยื่อ" 

@siampongnews กาแฟดำจินดา 1 แถม 1 [กาแฟดำ 1 + โกโก้ 1] ลดราคาเหลือเพียง ฿390.00! #คนจนมีสิทธิไหมคะ ♬ Cooking Time - Lux-Inspira

จึงต้องถอดบทเรียนพระนักเผยแผ่ต้นแบบว่ามีวิธีการอย่างไร ? จะต้องส่งไม้ต่อให้คนรุ่นใหม่ต่อไป  "ชีวิตไม่ยืนยาวแต่ศิลปะยืนยาว" ซึ่งชีวิตไม่มีอะไรง่าย จะต้องบริหารตนเองเพราะผู้ที่ถูกฝึกเป็นผู้ประเสริฐสุด จึงต้องยึดขันติธรรมเป็นฐาน มีความอดทนเป็นฐาน ซึ่งการทำงานจะต้องอาศัยคนทำงานถือว่าเป็นขุนพลที่ดี ซึ่งหลวงพ่อเน้นการทำงานการพัฒนาศาสนทายาท มีการส่งต่อในการพัฒนางาน  ซึ่งการเผยแผ่มีการทำงานอย่างเป็นระบบ มีการวัดผลประเมินผล ฝึกการเขียนโครงการเป็น ติดตามผลเป็น สรุปโครงการเป็น พร้อมแสวงหาความร่วมมือ ซึ่งการเผยแผ่จะต้องมีระบบและแบบแผน  

4)พระสุธีวชิรปฏิภาณ สะท้อนประเด็นสำคัญว่า การเหลียวหลังไปดูการเผยแผ่พระพุทธศาสนาจึงต้องส่งไม้ผลัดในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา หลวงพ่อพระพรหมบัณฑิตกำลังส่งไม่ต่อ แต่เราจะรับไม้ต่ออย่างไร? จึงต้องเสียสละอย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็นจาคะที่งดงามของคณะสงฆ์ ซึ่งคนรุ่นใหม่ทราบว่าอะไรคือของจริงของไม่จริง ปัจจุบันเราอยู่ท่ามกลางความแตกต่าง แม้ต่างศาสนาแต่เป้าหมายเดียวกัน การใช้เทคโนโลยีในยุคปัจจุบันจะต้องระวังเพราะภาพอาจจะไม่ตรงปก แต่งานคณะสงฆ์ทุกโครงการถือว่าเป็นโอกาสในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นการสนองงานคณะสงฆ์ จึงย้ำว่า "ความงดงามของสังฆะคือการมอบธรรมะให้สังคม" 

การเผยแผ่เทศนาสาริกาจึงเป็นทั้งตำรา และตำตา จึงมี 5 ประการ ประกอบด้วย  "แบบ  บท  รส  เรื่อง  เครื่องปรุง" ถือว่าเป็นเสน่ห์ของวัดประยุรวงศาวาสมีความกลมกล่อมสร้างรอยยิ้มให้ผู้ฟัง ซึ่งชีวิตในปัจจุบันจงมีเงื่อนไขให้น้อยที่สุด    


           


 

 


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รากและเถาตำลึงตากแห้งสรรพคุณเพียบ

วันนี้ 17 กรกฏาคม 2562 สำหรับประโยชน์ของตำลึงด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์ได้จาก ใบตำลึง ลำต้นตำลึง และ รากตำลึง รายละเอียด ดังนี้ ใบตำลึง สรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมความเซลล์ในร่างกาย ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง บำรุงหัวใจ บำรุงกระดูกและฟัน บำรุงสายตา บำรุงเลือด บำรุงน้ำนมแม่ ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยดับพิษร้อน ลดความร้อนในร่างกาย  แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับพิษในลำไส้ แก้ท้องผูก ช่วยแก้ผดผื่นคัน รักษาพิษแมลงสัตว์กัดต่อย รักษาฝี รักษาแผลอักเสบ ป้องกันตะคริว รากตำลึง สรรพคุณช่วยลดไข้  แก้อาเจียน บำรุงสายตา เป็นยาระบาย แก้อักเสบ รักษาแผลอักเสบ ลำต้นตำลึง สรรพคุณแก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้อาการตาแดง ลดอาการตาช้ำ ดอกตำลึง สรรพคุณแก้ผดผื่นคัน เมล็ดตำลึง สรรพคุณแก้หิด โทษของตำลึง ตำลึงมีสรรพคุณเป็นยาเย็น หากนำน้ำตำลึงมาทาที่ผิวหนังแล้วไม่รู้สึกเย็น แปลว่า ไม่ถูกโรค ให้หยุดใช้ทันที เพราะ จะทำให้เกิดอาการอักเสบเพิ่มมากขึ้น ตำลึง มีทั้ง ตำลึงตัวผู้ และ ตำลึงตัวเมีย ตำลึงตัวเม

พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม เนื้อทองคำ จากรังของ นายกฯกิตติ "เจ้ากรมพระหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่"

พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม อิสริโก จัดสร้างเพื่อหารายได้ สร้างหอฉันอุตตโม ออกแบบโดยช่างเกษม มงคลเจริญ ประกอบด้วย เนื้อทองคำ ๑๙ องค์ เนื้อเงิน ๒๙๕ องค์ เนื้อนวโลหะ ๒๕๑๘ องค์ โดยสร้างตามจำนว พ.ศ. หรือปีที่สร้าง คือ ๒๕๑๘ เนื้อนวโลหะกะไหล่ทอง ไม่ระบุจำนวนสร้าง เนื้อตะกั่ว ๑๐,๐๐๐๐ องค์...... พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม เป็นพระปิดตาที่หลวงปู่ทิม ท่านปลุกเสกนานมากถึง ๗ เดือน เหตุในการสร้างพระปิดตารุ่นนี้คุณชินพร สุขสถิตย์ได้จัดสร้างพระปิดตามหาอุตตโมขึ้น มาก็เพื่อนำรายได้มาสร้างหอฉันเพื่อให้พระเณรในวัดละหารไร่ได้ใช้ประโยชน์และเป็นถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา โดยพระชุดนี้ได้นายช่างเกษม เป็นผู้ออกแบบ การสร้างพิมพ์พระปิดตายันต์ยุ่งสมัยนั้นต้องเอาเทียนมาคลึงเป็นเส้นๆ แบบเส้นขนมจีน แล้วจึงเอาขดกัน เป็นองค์พระปิดตาและอักขระเลขยันต์กว่าจะสร้างได้หรือหล่อ ได้แต่ละองค์ต้องใช้เวลามากและพระที่ได้มักไม่งดงาม ดังนั้นพระปิดตาอุตโมรุ่นนี้นี้นายช่างเกษมจึงแกะจากหินอ่อนเป็นแม่แบบ ทำให้หล่อได้ปริมาณมาก โดยครั้งแรกจัดสร้างเป็นเนื้อนวะโลหะเมื่อเปิดจองแล้วปรากฎว่าหมดอย่างรวดเร็วจนได้เ

ฮือฮา! "ครม.ฮุน มาเนต" ตั้งอดีตสมเด็จพระราชาคณะเพิ่งสึกเป็นเลขาฯก.ต่างประเทศ

วันที่ 22 สิงหาคม 2566 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานโดยอ้างแถลงการณ์ของนายเฮง สัมริน อดีตประธานสมัชชาแห่งชาติ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา ในการประชุมรัฐสภาชุดใหม่ของกัมพูชา ซึ่งมีขึ้นในวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ที่ระบุว่า พลเอก ฮุน มาเนต ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของ สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แห่งประเทศกัมพูชา อย่างเป็นเอกฉันท์ โดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา หลังการลงมติว่า วันนี้ ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของกัมพูชา @siampongnews ฮือฮา! ครม. #ฮุนมาเนต ตั้ง อดีตสมเด็จพระราชาคณะเพิ่งสึก ดำรงตำแหน่งเลขาฯ ก.ต่างประเทศ #ข่าวtiktok #tiktokshopครีเอเตอร์ ♬ เสียงต้นฉบับ - ดร.สำราญสมพงษ์นักข่าวป.ธ.5 ทั้งนี้ พรรคประชาชนกัมพูชา หรือ ซีพีพี ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้ง เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย เนื่องจากพรรคฝ่ายค้าน ถูกตัดสิทธิลงเลือกตั้งในครั้งนี้  พร้อมกันนี้นางควน สุดารี ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาแห่งชาติ วาระใหม่ 5 ปี และเป็นนักการเมืองหญิง