วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2566

"สันติศึกษา มจร" สัมภาษณ์ผู้สมัครเข้ารับอบรมหลักสูตร "เยียวยารักษาใจสู่ความสุขจากภายในที่แท้จริง"

เมื่อวันที่ ๒๗   กันยายน  ๒๕๖๖  พระปราโมทย์  วาทโกวิโท, ดร. ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา ระดับปริญญาโท  มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร)  เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๗  กันยายน ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๐๐-๑๗.๐๐ น. รวม ๑๕ ชั่วโมง คณะกรรมการหลักสูตรสันติศึกษาในระดับปริญญาโท บัณฑิตวิทยาลัย มจร สัมภาษณ์ผู้สมัครจากทั่วประเทศ ซึ่งสมัครผ่านช่องทางออนไลน์เข้ามาจำนวน ๓๐๐ คน โดยคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อเข้าสัมภาษณ์จำนวน ๑๒๕ คน และพิจารณาจากการสัมภาษณ์ต่อไป เพื่อพัฒนาและเรียนรู้ในหลักสูตร "เยียวยารักษาใจสู่ความสุขจากภายในที่แท้จริง : Heal the heart to true happiness from within"  ระยะเวลา ๔ วัน จำนวน ๔๐ ชั่วโมง  

โดยกระบวนการเรียนรู้มุ่งจัดการความทุกข์ที่อยู่ภายในใจผ่านสมุทัยคือสาเหตุใต้ภูเขาน้ำแข็ง ด้วยการปลดล๊อคเพื่อก้าวข้ามและแปรเปลี่ยนจากทุกข์เป็นสุข ในพื้นที่ปลอดภัยด้วยกระบวนการขอบคุณ ชื่นชม ขอโทษ และให้อภัย เดินตามกรอบอริยสัจโมเดล โดยมีเป้าหมายการพัฒนาตามภาวนา ๔ ประกอบด้วย ด้านกายภาพ ด้านพฤติภาพ  ด้านจิตตภาพ และด้านปัญญาภาพ ตามกรอบไตรสิกขาในทางพระพุทธศาสนา 

โดยทุกชีวิตจำเป็นต้อง มี Choose hope : จงเลือกที่จะมีความหวังจงไปให้สุดทางของชีวิต คำว่า Choose hope เราต้องเลือกที่จะหวัง จึงสามารถแบ่งออก ๒ ความหวัง ประกอบด้วย 

๑)#หวังจากคนอื่น เช่น หวังการช่วยเหลือจากคนอื่น หวังว่าคนอื่นมาให้กำลังใจ หวังว่าเคอรี่จะส่งของตรงเวลา หวังว่าจะให้ค่าเยียวยา ล้วนเป็นความหวังจากปัจจัยภายนอกมีเงื่อนไข อาจจะไม่สมหวัง ไม่มีความแน่นอน 

๒)#หวังจากตนเอง เช่น หวังว่าฉันจะมีความเข้มแข็ง หวังว่าฉันจะผ่านวิกฤตนี้ไปอย่างราบรื่น หวังว่าฉันจะมีสติทุกลมหายใจ หวังว่าฉันจะไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต หวังว่าจิตใจจะมีความเข้มแข็งมากขึ้น หวังว่าฉันจะได้เรียนรู้พร้อมที่จะเติบโต และหวังว่าฉันสามารถอยู่คนเดียวได้ ล้วนเป็นความหวังที่มาจากภายในเราสามารถพัฒนาขึ้นมาได้ ขอให้ทุกคนมีความหวังที่จะเดินต่อไป เพราะถ้าเราสิ้นหวัง อาจจะนำไปสู่การซึมเศร้าหรือบางคนอาจจะดับชีวิตตนเอง เพราะมองว่าตนเองสิ้นหวัง แท้จริงแล้วเรายังมีความหวังเสมอ เราจึงเลือกความหวังของเรา  

@siampongnews #หนังสือสวดมนต์กระแตปกแข็ง ♬ Dj Jalan Pargoy X Goyang Jaypong - DJ MIFTAH

สิ่งที่น่าห่วงมากคือ หมดยุค VUCA World เข้าสู่ยุค BANI World โลกแห่งความเปราะบาง เป็นยุคไม่สามารถคาดเดาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล VUCA หมายถึงสภาวะความผันผวน ความไม่แน่นอน ความซับซ้อน ยุ่งเหยิง และความคลุมเครือ เป็นสถานการณ์ของโลกที่นักวิทยาศาสตร์ และผู้นำโลกไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับโลกในอนาคตได้ อันประกอบด้วย 

V-Volatility คือ ความผันผวนสูง การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว สถานการณ์หรือสภาวะแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงสูง ไม่สามารถคาดเดา ทำนายได้ หรือเป็นสถานการณ์เปลียนเฉียบพลัน ตั้งตัวไม่ทัน เช่น Disruptive innovation นวัตกรรมที่พลิกผันอัตราการเปลี่ยนแปลงสูง 

U-Uncertainty คือ สภาวะที่มีความไม่แน่นอนสูง คาดการณ์ได้ยาก ขาดความชัดเจน ไม่สามารถหาข้อมูลที่ชัดเจน มายืนยันในแต่ละสถานการณ์ได้ ทำให้ยากต่อการตัดสินใจ เพราะในโลกปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงไม่แน่อนสูง (Unclear about the present)

C-Complexity คือ ความซับซ้อนเชิงระบบที่มากขึ้นเรื่อย ๆมีปัจจัยมากมาย และซับซ้อนต่อการตัดสินใจ (Multiple key decision factors)

A-Ambiguity คือ ความคลุมเครือ ไม่ชัดเจน ไ่มสามารถคาดเดาผลที่จะเกิดขึ้นได้ชัดเจน (Lack of clarity about meaning of an event) 

โลกที่เปลี่ยนผัน จาก VUCA สู่ยุค BANI แล้ว แม้การนิยามสภาวะความผันผวนของโลกด้วย  VUCA จะได้รับความนิยมในช่วงทศวรรษ ๒๐๐๐ ที่ผ่านมา ซึ่งคำนี้มีต้นกำเนิดในช่วงทศวรรษที่ ๑๙๘๐  ในช่วงหลังสงครามเย็น แต่ปัจจุบันหลังการระบาดของโควิด-๑๙ ไปทั่วโลก การอธิบายโลกด้วย VUCA อาจจะไม่ชัดเจนนัก และได้เกิดแนวทางในการการอธิบายโลกยุคใหม่หลังการระบาดของไวรัสใหญ่ไปทั่วโลกด้วยคำว่า BANI 

คำว่า BANI คือ แนวทางใหม่ในการอธิบายโลกของเรา แนวคิด VUCA ได้ถูกนำมาใช้เป็นเวลานานเพื่อเป็นแนวทางให้องค์กรได้พัฒนาตัวเองขึ้นในสถานการณ์ที่มีความผันผวน ความไม่แน่นอน ความซับซ้อน และความคลุมเครือ โดย VUCA ทำหน้าที่หลักเพื่อสร้างความหมายในการเผชิญกับความไม่แน่นอนในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีความเชื่อมโยง และเป็นดิจิทัลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การระบาดใหญ่ของโควิด-๑๙ ได้สร้างสถานการณ์ที่ทำ VUCA อาจจะป็นคำอธิบายที่ไม่เพียงพออีกต่อไป

จึงมี BANI เป็นคำใหม่เกิดขึ้น BANI ถูกสร้างขึ้นโดยนักมานุษยวิทยา นักเขียน และนักอนาคตศาสตร์ชาวอเมริกัน Jamais Cascio   สิ่งที่เคยผันผวนมาก ๆ หมดความน่าเชื่อถือ คนเราไม่ได้รู้สึกถึงความไม่แน่นอนอีกต่อไป แต่เพิ่มระดับเป็นความวิตกกังวล ระบบต่าง ๆ ไม่ได้ซับซ้อนอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นความไม่เป็นเส้นตรง สิ่งที่เคยคลุมเครือ กลายเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเข้าใจได้  BANI จึงย่อมาจาก 

B = Brittle – ความเปราะบาง คือเราอ่อนไหวต่อสิ่งต่าง ๆ ได้ทุกเมื่อ และธุรกิจทั้งหมดที่สร้างขึ้นบนรากฐานที่เปราะบางสามารถพังทลายได้ในชั่วข้ามคืน โลกเราเปราะบางมากขึ้น สิ่งที่เคยเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันในอดีตอาจไม่ใช่สำหรับวันนี้ ความต้องการสินค้าบริการต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไป องค์กร ธุรกิจไม่ใช่แค่เผชิญกับความผันผวนไม่แน่นอน แต่อาจจะแตกสลายได้เลยเมื่อเจอปัญหาที่รุมเร้าเข้ามา 

A = Anxious – ความวิตกกังวล วิตกกังวลเป็นหนึ่งในอาการที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ในชีวิตส่วนตัวของผู้คนแต่ในการทำงานด้วยเช่นกัน คนวิตกกังวลมากขึ้น ลังเลจะตัดสินใจ รวมไปถึงสุขภาพจิตของคนรุ่นใหม่ ที่เกิดภาวะวิตกกังวลกับอนาคต กับสถานะทางสังคม คนทำงาน ผู้นำมีความเครียด ทรมานจาก Burn out มากขึ้น

N = Nonlinear – ความไม่เป็นเส้นตรง ในยุคนี้ เราอยู่ในโลกที่เหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรง เหตุการณ์ในโลกเกิดขึ้นแบบไม่มีใครคาดคิด ขาดตรรกะ ไม่เป็นเหตุเป็นผล

I = Incomprehensible – ความกำกวม เข้าใจไม่ได้ ในภาวะที่ทุกอย่างไม่ได้มีความเชื่อโยงเป็นเหตุเป็นผล เมื่อเราหาคำตอบจึงเกิดภาวะที่คำตอบนั้นไม่สมเหตุสมผล ดังนั้นเราต้องเข้าใจว่าเราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งได้ ข้อมูลที่มีเยอะมากไปก็อาจไม่สามารถอธิบายได้ 

ผู้นำ และ องค์กรต่าง ๆ จะเตรียมตัวอย่างไรสำหรับโลกยุค BANI

เสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม ในบริบทของความเปราะบาง วิธีที่ดีในการปรับตัว และเติบโต คือ การเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมของคุณ การสร้างวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีม และการลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานในองค์กร เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้องค์กรของคุณมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ในโลกที่ไม่เป็นเส้นตรง การใช้แผนงานต่าง ๆ ที่ตายตัวมักจะเป็นอุปสรรคของธุรกิจ บริษัทที่ไม่คิดค้น และพึ่งพาแต่วิธีการเดิม ๆ ที่เคยทำมามักจะพบว่าตัวเองตามหลังคู่แข่ง และไม่สามารถปรับตัวได้เร็วพอกับการเปลี่ยนแปลง 

องค์กรจำเป็นต้องสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ เพื่อค้นหาคำตอบสำหรับปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้น เช่น การใช้เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ บิ๊กดาต้า เข้ามาช่วยในการทำงาน และบางครั้งการวางแผนระยะยาวอย่างละเอียดอาจไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไป 

คำถามพระพุทธศาสนาจะปรับตัวอย่างไร ? ใน ยุค BANI World เป็นยุคโลกแห่งความเปราะบางของผู้คนในสังคม โดยเฉพาะการเยียวยาด้านจิตใจ พระพุทธศาสนาจะมีเครื่องมืออะไรในการป้องกัน แก้ไข เยียวยา รักษา ไว้ซึ่งความเปราะบางของชีวิตมนุษย์เพื่อไม่นำไปสู่ความขัดแย้งและการใช้ความรุนแรงทางตรงและทางอ้อม

จึงมีการพิจารณาคุณสมบัติผู้เข้าอบรม ประกอบด้วย ๑)มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการพัฒนาตน ๒)สามารถเข้ารับการพัฒนาฝึกอบรมได้ตลอดหลักสูตร ๓)สามารถบอกเหตุผลที่ดีที่สุดที่จะเข้ารับการพัฒนาและฝึกอบรมในหลักสูตรนี้ ๔)คุณสมบัติอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการพิจารณา ซึ่งจะเข้าอบรมและเรียนรู้ระหว่าง ๙-๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ นี้ จึงขออนุโมทนาขอบคุณคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ทุกท่านในการทุ่มเทกำลังในการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"มจร"สีเขียวยุคAI! จัดกิจกรรม "รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม คืนขยะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน"

กิจกรรม “รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม” เป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานระหว่างจริยธรรมและเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน ด้วยหล...