ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"มจร" นำองค์ความรู้พุทธจิตวิทยา สร้างเครือข่ายพลังครอบครัวเป็นสุข สานวิถีวัฒนธรรมเมืองมรดกโลกอยุธยา


"มจร" นำองค์ความรู้พุทธจิตวิทยา สร้างเครือข่ายพลังครอบครัวเป็นสุข มีความเข้มแข็งทางใจ ร่วมปลูกจิตอาสาเยาวชน สานวิถีวัฒนธรรมเมืองมรดกโลกอยุธยา

เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2566  รศ.ดร.กมลาศ ภูวชนาธิพงศ์ หัวหน้าโครงการวิจัย อาจารย์ประจำหลักสูตรฯ สาขาวิชาพุทธจิตวิทยา ภาควิชาจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร)  เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้จัดสรรงบประมาณภายใต้โครงการวิจัย เรื่อง “พุทธจิตวิทยาวิถีชีวิตใหม่: กลไกการสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจของครอบครัวไทย” ร่วมกับโครงการวิจัยเรื่อง“พื้นที่สร้างสรรค์คนสามวัย: การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมพื้นที่สร้างสรรค์ทุนวัฒนธรรมทางสังคมผ่านคนสามวัย” ประจำปีงบประมาณ 2566 ร่วมดำเนินการวิจัยเชิงพื้นที่เพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม เสริมสร้างความเข้มแข็งทางใจ และส่งเสริมทุนวัฒนธรรมของคนในพื้นที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา



แผนกิจกรรมดำเนินการภายใต้โครงการ “โครงการเสริมสร้างพลังความเข้มแข็งทางใจสำหรับครอบครัว” ภายใต้กรอบแนวคิด“สานพลังใจเชื่อมสายใยสัมพันธ์ สื่อสารอย่างสร้างสรรค์ สำหรับเยาวชนและครอบครัวเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางใจ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัวและเสริมสร้างพลังความเข้มแข็งทางใจสำหรับครอบครัว โดยมีเกณฑ์รับสมัครตัวแทนครอบครัวจากชุมชนพื้นที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ พ่อ แม่ หรือผู้ปกครองที่ดูแลนักเรียนใกล้ชิด มาทำกิจกรรมร่วมกับนักเรียน ที่อโยธาราวิลเลจ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในระหว่างวันที่ 10 – 11 มิถุนายน 2566 และได้จัดโครงการต่อเนื่องได้แก่ “โครงการสื่อสารสร้างสรรค์ เสริมสร้างพลังเยาวชน” และ “โครงการสื่อสารเชิงบวก เสริมพลังใจดี ครอบครัวเป็นสุข” ในระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม 2566 – 15 กันยายน 2566  ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มทักษะการสื่อสารเชิงบวก เสริมสร้างพลังใจครอบครัว และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในชุมชน โดยได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดี จากเครือข่ายโรงเรียนขยายโอกาสในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีโรงเรียนนำร่องได้แก่ โรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสว่างอารมณ์  โรงเรียนวัดพุทไธศวรรย์ และโรงเรียนพรพินิตพิทยาคาร 



โดยกระบวนการดำเนินการโครงการมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ

@siampongnews #มจร นำองค์ความรู้ #พุทธจิตวิทยา สร้างเครือข่ายพลังครอบครัวเป็นสุข สานวิถีวัฒนธรรมเมือง #มรดกโลกอยุธยา #ข่าวtiktok #tiktokshopครีเอเตอร์ ♬ เสียงต้นฉบับ - สยามพงษ์นิวส์

1) นำองค์ความรู้ทางพุทธจิตวิทยาสู่คนทุกช่วงวัย ชุมชนพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีเยาวชนเป็นเป้าหมายหลักของการเชื่อมใจคนทุกวัย เริ่มตั้งแต่ครอบครัวสู่ชุมชน

2) กระบวนการเรียนรู้ Learning by Doing ฝึกทักษะการเรียนรู้เชิงบูรณาการให้แก่ นิสิต นักศึกษาระดับปริญญาโท และ ปริญญาเอกสาขาวิชาพุทธจิตวิทยา ลงมือปฏิบัติเรียนรู้การทำวิจัยเพื่อรับใช้สังคมสอดคล้องพันธกิจมหาวิทยาลัยและบูรณาการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาจิตและปัญญา ตลอดจนพัฒนาจิตบริการเกื้อกูลสังคม

3) สร้างเครือข่ายความรับผิดชอบสังคมร่วมมือกับองค์กรสาธารณกุศลต่างๆ เพื่อสร้างเสริมความเข็มแข็งทางใจสำหรับเด็กและเยาวชน สร้างพลังใจในครอบครัว สู่ชุมชนเป็นสุข ตลอดจนสร้างเครือข่ายทุนวัฒนธรรมทางสังคม

ทางคณะวิจัยฯได้ร่วมออกแบบกิจกรรมดี ๆ ภายใต้โครงการดังกล่าว อาทิเช่น กิจกรรมสานพลังใจ ให้ครอบครัวเข้มแข็ง กิจกรรมสานสัมพันธ์เสริมทักษะการสื่อสารทางสังคม กิจกรรมปลดล๊อคพลังภายใจ กิจกรรมสื่อสารสร้างสรรค์เชิงบวก เป็นต้น กิจกรรมดังกล่าวสามารถนำไปสู่การเชื่อมใจครอบครัวและชุมชน เรียนรู้วิถีวัฒนธรรมชุมชน สร้างชุมชนเอื้อเฟื้อ เกื้อกูล อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้






โดยเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 วันปิดโครงการฯ ที่ผ่านมา ทางคณะวิจัยฯ ได้นำเยาวชนในโครงการร่วมทำกิจกรรมที่วัดพุทไธศวรรย์ ซึ่งเป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งมีฐานะเป็นพระอารามหลวง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถือว่าเป็นวัดเก่าในอยุธยาเมืองมรดกโลก มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นพระอารามหลวงที่สร้างขึ้นในยุคสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี การทำกิจกรรมครั้งนี้ได้จัดร่วมกับผู้นำชุมชน ผู้อำนวยการโรงเรียน ครูนักเรียนในพื้นที่อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา ร่วมสืบสานมรดกวัฒนธรรมชุมชน จัดพิธีบวงสรวง และศิลปะการต่อสู้ด้วยดาบ 2 มือ เพื่อปลูกจิตสำนึกเยาวชนระลึกถึงสมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 5 พระองค์ พระราชานุสาวรีย์ 5 พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงพระคุณอันยิ่งใหญ่แก่แผ่นดินไทย ได้แก่ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทางวัดได้จัดสร้างไว้เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังได้มาสักการะ และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแต่ละพระองค์



อีกทั้งได้นำเยาวชนทำจิตอาสาเดินเก็บขยะบริเวณโบราณสถาน วัดพุทไธศวรรย์ และทางเดินริมแม่น้ำ เพื่อปลูกจิตสำนึกสาธารณะให้เยาวชนเกิดการหวงแหน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโบราณสถาน ให้มีความสะอาด ร่มรื่น รมณีย์ ตลอดจนปลูกวินัยในตัวเอง มีจิตสำนึกต่อส่วนรวม ผ่านกิจกรรมเก็บขยะร่วมกัน



ผลของการขับเคลื่อนกลไกการสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจของครอบครัวไทย ในการพัฒนาและส่งเสริมความเข้มแข็งทางด้านจิตใจตั้งแต่ระดับปัจเจกบุคคลจนนำไปสู่ระดับครอบครัวและระดับสังคม ได้ทำงานร่วมกับเครือข่ายความร่วมมือชุมชนชาวสำเภาล่ม นายก อบต.สำเภาล่ม รองนายกอบต. ผู้ใหญ่บ้าน ประธานชมรมต่าง ๆ ในชุมชน ประชาชน ครู นักเรียน เข้าร่วมทำกิจกรรมโครงการวิจัยกับทีมงานวิจัยมีพลังจิตอาสาทำดีเพื่อสังคม นำโดยนิสิต นักศึกษาระดับปริญญาโทและนิสิต นักศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิชาพุทธจิตวิทยา ร่วมแบ่งปันประสบการณ์กับคนทุกช่วงวัย เพื่อนำองค์ความรู้ทางพุทธจิตวิทยาประยุกต์ใช้เสริมสร้างพลังใจดี ครอบครัวเป็นสุข ชุมชนเข้มแข็ง

นอกจากนี้แล้วได้รับการสนับสนุนภาคีเครือข่ายความร่วมมือองค์กรการกุศลเพื่อสร้างความรับผิดชอบทางสังคมร่วมกัน ได้แก่ มูลนิธิดร.เทียม โชควัฒนา โครงการซื่อสัตย์เพื่อชาติ บริษัทในเครือสหพัฒน์ฯกรุ๊ป โดยคุณบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์แนชั่นแนลจำกัด (มหาชน) สนับสนุนนมและเครื่องใช้อุปโภค บริโภค แจกโรงเรียนและครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการ



สรุปผลดำเนินการโครงการดังกล่าว ทำให้เยาวชนเกิดพลังใจที่เข้มแข็ง มีสัมพันธ์ที่ดีในการสื่อสารเชิงบวกในครอบครัว ชุมชนเกิดการรับรู้พลังความร่วมมือในการสร้างเยาวชนให้มีพลังใจเข้มแข็ง มีจิตสำนึกดีเพื่อสาธารณะ สามารถดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข ผลลัพธ์ของการดำเนินโครงการสามารถนำความรู้จากการวิจัยไปใช้ประโยชน์ด้านสาธารณะ ด้านการนำองค์ความรู้ไปสังเคราะห์เป็นโยบายหรือทางเลือกเชิงนโยบายท้องถิ่น โดยสามารถประยุกต์ใช้กระบวนการ วิธีการการเสริมสร้างพลังความเข้มแข็งทางจิตใจของคนในชุมชน แล้วนำนโยบายนั้นไปสู่ผู้ใช้ประโยชน์ในวงกว้างเพื่อประโยชน์ด้านพัฒนาจิตใจ พัฒนาปัญญา พัฒนาสังคม และพัฒนาชุมชนต่อไป

 


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รากและเถาตำลึงตากแห้งสรรพคุณเพียบ

วันนี้ 17 กรกฏาคม 2562 สำหรับประโยชน์ของตำลึงด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์ได้จาก ใบตำลึง ลำต้นตำลึง และ รากตำลึง รายละเอียด ดังนี้ ใบตำลึง สรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมความเซลล์ในร่างกาย ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง บำรุงหัวใจ บำรุงกระดูกและฟัน บำรุงสายตา บำรุงเลือด บำรุงน้ำนมแม่ ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยดับพิษร้อน ลดความร้อนในร่างกาย  แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับพิษในลำไส้ แก้ท้องผูก ช่วยแก้ผดผื่นคัน รักษาพิษแมลงสัตว์กัดต่อย รักษาฝี รักษาแผลอักเสบ ป้องกันตะคริว รากตำลึง สรรพคุณช่วยลดไข้  แก้อาเจียน บำรุงสายตา เป็นยาระบาย แก้อักเสบ รักษาแผลอักเสบ ลำต้นตำลึง สรรพคุณแก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้อาการตาแดง ลดอาการตาช้ำ ดอกตำลึง สรรพคุณแก้ผดผื่นคัน เมล็ดตำลึง สรรพคุณแก้หิด โทษของตำลึง ตำลึงมีสรรพคุณเป็นยาเย็น หากนำน้ำตำลึงมาทาที่ผิวหนังแล้วไม่รู้สึกเย็น แปลว่า ไม่ถูกโรค ให้หยุดใช้ทันที เพราะ จะทำให้เกิดอาการอักเสบเพิ่มมากขึ้น ตำลึง มีทั้ง ตำลึงตัวผู้ และ ตำลึงตัวเมีย ตำลึงตัวเม

พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม เนื้อทองคำ จากรังของ นายกฯกิตติ "เจ้ากรมพระหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่"

พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม อิสริโก จัดสร้างเพื่อหารายได้ สร้างหอฉันอุตตโม ออกแบบโดยช่างเกษม มงคลเจริญ ประกอบด้วย เนื้อทองคำ ๑๙ องค์ เนื้อเงิน ๒๙๕ องค์ เนื้อนวโลหะ ๒๕๑๘ องค์ โดยสร้างตามจำนว พ.ศ. หรือปีที่สร้าง คือ ๒๕๑๘ เนื้อนวโลหะกะไหล่ทอง ไม่ระบุจำนวนสร้าง เนื้อตะกั่ว ๑๐,๐๐๐๐ องค์...... พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม เป็นพระปิดตาที่หลวงปู่ทิม ท่านปลุกเสกนานมากถึง ๗ เดือน เหตุในการสร้างพระปิดตารุ่นนี้คุณชินพร สุขสถิตย์ได้จัดสร้างพระปิดตามหาอุตตโมขึ้น มาก็เพื่อนำรายได้มาสร้างหอฉันเพื่อให้พระเณรในวัดละหารไร่ได้ใช้ประโยชน์และเป็นถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา โดยพระชุดนี้ได้นายช่างเกษม เป็นผู้ออกแบบ การสร้างพิมพ์พระปิดตายันต์ยุ่งสมัยนั้นต้องเอาเทียนมาคลึงเป็นเส้นๆ แบบเส้นขนมจีน แล้วจึงเอาขดกัน เป็นองค์พระปิดตาและอักขระเลขยันต์กว่าจะสร้างได้หรือหล่อ ได้แต่ละองค์ต้องใช้เวลามากและพระที่ได้มักไม่งดงาม ดังนั้นพระปิดตาอุตโมรุ่นนี้นี้นายช่างเกษมจึงแกะจากหินอ่อนเป็นแม่แบบ ทำให้หล่อได้ปริมาณมาก โดยครั้งแรกจัดสร้างเป็นเนื้อนวะโลหะเมื่อเปิดจองแล้วปรากฎว่าหมดอย่างรวดเร็วจนได้เ

ฮือฮา! "ครม.ฮุน มาเนต" ตั้งอดีตสมเด็จพระราชาคณะเพิ่งสึกเป็นเลขาฯก.ต่างประเทศ

วันที่ 22 สิงหาคม 2566 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานโดยอ้างแถลงการณ์ของนายเฮง สัมริน อดีตประธานสมัชชาแห่งชาติ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา ในการประชุมรัฐสภาชุดใหม่ของกัมพูชา ซึ่งมีขึ้นในวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ที่ระบุว่า พลเอก ฮุน มาเนต ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของ สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แห่งประเทศกัมพูชา อย่างเป็นเอกฉันท์ โดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา หลังการลงมติว่า วันนี้ ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของกัมพูชา @siampongnews ฮือฮา! ครม. #ฮุนมาเนต ตั้ง อดีตสมเด็จพระราชาคณะเพิ่งสึก ดำรงตำแหน่งเลขาฯ ก.ต่างประเทศ #ข่าวtiktok #tiktokshopครีเอเตอร์ ♬ เสียงต้นฉบับ - ดร.สำราญสมพงษ์นักข่าวป.ธ.5 ทั้งนี้ พรรคประชาชนกัมพูชา หรือ ซีพีพี ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้ง เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย เนื่องจากพรรคฝ่ายค้าน ถูกตัดสิทธิลงเลือกตั้งในครั้งนี้  พร้อมกันนี้นางควน สุดารี ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาแห่งชาติ วาระใหม่ 5 ปี และเป็นนักการเมืองหญิง