ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เปิดตัวแพลตฟอร์ม “OKMD Knowledge Portal” ศูนย์กลางการเรียนรู้ของประเทศสำหรับทุกคน



เปิดผลสำเร็จ OKMD ครบรอบ 19 ปี  จากสังคมแห่งการเรียนรู้ สู่มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจกว่า 1.7 หมื่นล้าน  พร้อมเปิดตัวแพลตฟอร์ม “OKMD Knowledge Portal”  ศูนย์กลางการเรียนรู้ของประเทศ สำหรับทุกคน

สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ okmd องค์กร ‘กระตุกต่อมคิด’ เพื่อพัฒนาความคิด เพิ่มความรู้ สร้างสรรค์ภูมิปัญญาให้คนไทย ครบรอบการดำเนินงานปีที่ 19 เปิดความสำเร็จจากการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ สู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคมกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้า ต่อยอดการเรียนรู้ จับมือพันธมิตร 25 องค์กร เปิดตัว okmd Knowledge Portal แพลตฟอร์มสําหรับการเรียนรู้ออนไลน์ของประเทศที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงได้ 

ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 19 ปี ในการดำเนินงานของ okmd เต็มไปด้วยการพัฒนาการเรียนรู้ในทุกมิติ ทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจฐานความรู้ ขับเคลื่อนนวัตกรรมทางความคิด เพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์ของคนทุกช่วงวัย ผ่านกระบวนการเรียนรู้สาธารณะที่เสริมศักยภาพคน ในรูปแบบการสร้างแหล่งบริการองค์ความรู้รูปแบบใหม่ที่สร้างสรรค์ ทันสมัย มีชีวิตชีวา เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตลอดจนคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งนี้ จากการประเมินมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคม ในปี 2566 ของผู้เชี่ยวชาญภายนอก อย่างบริษัท นิคเคอิ รีเสิร์ช แอนด์ คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด พบว่า okmd สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจสุทธิได้จำนวน 10,438.96 ล้านบาท และสร้างมูลค่าเพิ่มทางสังคมได้ถึง 6,615.19 ล้านบาท  แสดงให้เห็นว่า okmd สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมถึง 17,054.15 ล้านบาท

@siampongnews #หนังสือสวดมนต์กระแตปกแข็ง ♬ Dj Jalan Pargoy X Goyang Jaypong - DJ MIFTAH

ในวันนี้ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่โลกยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว okmd เล็งเห็นถึงความจําเป็นในการพัฒนาต่อยอดแหล่งเรียนรู้ให้มีความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต จึงร่วมมือกับอีก 26 องค์กรพันธมิตรขับเคลื่อนความรู้สู่สังคมไทย ได้แก่ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมวิชาการเกษตร กรมศิลปากร กรมอนามัย กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง บริษัท แกมมาโก้ ประเทศไทย จำกัด คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNDP) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ สถาบันวิทยาลัยชุมชน สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หอการค้าจังหวัดสกลนคร องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย และองค์การบริหารส่วนจังหวัดสิงห์บุรี ในการร่วมมือในการสนับสนุนและพัฒนาบริการองค์ความรู้ในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งใน ศูนย์กลางการเรียนรู้ออนไลน์ของประเทศ ภายใต้ชื่อ okmd Knowledge Portal okmd Knowledge Portal เป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงแหล่งเรียนรู้ออนไลน์จากทั่วประเทศ ประกอบด้วยข้อมูลความรู้และหลักสูตรออนไลน์จำนวนมาก ที่ได้รับการบริหารจัดการความรู้อย่างเป็นมืออาชีพ โดยมีการจัดหมวดหมู่ความรู้ที่ชัดเจน มีการพัฒนาเนื้อหาให้ง่ายต่อความเข้าใจ และสามารถนำไปใช้ได้ทันที มีรูปแบบการนำเสนอที่ทันสมัยและหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลงไป และเป็นการพัฒนาศักยภาพให้คนไทยสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ตลอดจนนำเอาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาตนเองและการประกอบอาชีพ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ 

ระบบการให้บริการของ Knowledge Portal มี 4 ระบบ ได้แก่  1. Library for All (ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์) ประกอบด้วยสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ในรูปแบบ E-book, E-magazine, Audiobook และ Podcast ที่เชื่อมโยงกับห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ กว่า 10 แห่ง  มีฐานข้อมูลหนังสือหลายหมื่นเล่ม  2. Online Learning Center  ประกอบด้วย หลักสูตรการเรียนการสอนออนไลน์ คลิปความรู้ในด้านต่างๆ ทั้งหลักสูตรระยะสั้นและระยะยาว ที่ผู้เรียนสามารถนำไปเทียบกับรายวิชาเดียวกันที่สอนอยู่ในสถานศึกษาต่างๆ เพื่อต่อยอดการเรียนรู้ในอนาคต  3. The Knowledge Sharing  (พื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ออนไลน์) เป็นพื้นที่ออนไลน์สาธารณะที่ประชาชนสามารถนำข้อมูลความรู้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นพื้นที่แสดงผลงานทางวิชาการเพื่อให้ความรู้แลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็น และเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ในประเด็นต่างๆ ที่ประชาชนมีความสนใจร่วมกัน รวมถึงเป็นพื้นที่อิสระที่ประชาชนสามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนมุมมองและแนวคิดเกี่ยวกับสถานการณ์และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชนและสังคม และ 4.  AI Search Engine หรือะบบค้นหาและแนะนำเว็บไซด์อัจฉริยะ เป็นระบบสืบค้นอัตโนมัติ ทั้งในรูปแบบ Chatbot และ AI Search ที่มีระบบช่วยคัดกรองเนื้อหา ช่วยให้การสืบหาข้อมูลความรู้มีความสะดวกสบายและรวดเร็ว มีการคัดเลือกเว็บไซต์ที่มีข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ มีความถูกต้อง และเชื่อถือได้ รวมถึงมีการแนะนำเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาความรู้ที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลความรู้ที่มีความครบถ้วนหลากหลายแง่มุม

ดร.ทวารัฐ กล่าวต่อว่า OKMD Knowledge Portal มีจุดเด่นที่แตกต่างจากแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์อื่นๆ คือ นอกจากจะเชื่อมโยงแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ทั่วประเทศแล้ว ยังเน้นเรื่อง กระบวนการจัดการความรู้ โดยจะมีทีมงานที่เป็น Curator ทำหน้าที่รวบรวม แบ่งหมวดหมู่ คัดสรร ประมวลความรู้ องค์ความรู้ในด้านต่างๆ และสื่อการเรียนรู้ที่เกิดจากการดำเนินกิจกรรมของของโครงการเอง  และองค์ความรู้ที่เชื่อมโยงมาจากแหล่งเรียนรู้เครือข่าย  เพื่อบริหารจัดการเนื้อหาหรือองค์ความรู้ที่มีประโยชน์  และชุดความรู้ หลักสูตรการเรียนรู้ออนไลน์ในรูปแบบต่างๆที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย จุดเด่นประการที่สองคือ KP ยังมี กระบวนการสร้าง Knowledge demand  เพื่อกระตุ้นความอยากเรียนรู้ สร้างความสนใจใฝ่รู้ให้เกิดกับประชาชน ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้การถ่ายทอดความรู้เป็นไปอย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพ

“ผลสำเร็จของการดำเนินงานตลอดระยะเวลากว่า 19 ปีที่ผ่านมา เป็นความภาคภูมิใจขององค์กรของเราที่มีส่วนสนับสนุนการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย วันนี้ โลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ okmd มุ่งมั่นที่จะเป็นหน่วยงานหลักที่จะเชื่อมโยงองค์ความรู้ในสังคมไทยเข้าด้วยกัน สร้าง Thailand Knowledge Landscape ที่เติบโตขึ้น ให้สังคมไทยสามารถก้าวสู่การเป็น “สังคมอุดมปัญญา” หรือ “Knowledge Society” พร้อมแปลงเปลี่ยนความรู้ให้เป็นโอกาส หรือ “Knowledge is Opportunity” ซึ่งจะเป็นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในโลกยุคใหม่ที่ไร้พรมแดน” ดร.ทวารัฐ กล่าวสรุป


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รากและเถาตำลึงตากแห้งสรรพคุณเพียบ

วันนี้ 17 กรกฏาคม 2562 สำหรับประโยชน์ของตำลึงด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์ได้จาก ใบตำลึง ลำต้นตำลึง และ รากตำลึง รายละเอียด ดังนี้ ใบตำลึง สรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมความเซลล์ในร่างกาย ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง บำรุงหัวใจ บำรุงกระดูกและฟัน บำรุงสายตา บำรุงเลือด บำรุงน้ำนมแม่ ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยดับพิษร้อน ลดความร้อนในร่างกาย  แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับพิษในลำไส้ แก้ท้องผูก ช่วยแก้ผดผื่นคัน รักษาพิษแมลงสัตว์กัดต่อย รักษาฝี รักษาแผลอักเสบ ป้องกันตะคริว รากตำลึง สรรพคุณช่วยลดไข้  แก้อาเจียน บำรุงสายตา เป็นยาระบาย แก้อักเสบ รักษาแผลอักเสบ ลำต้นตำลึง สรรพคุณแก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้อาการตาแดง ลดอาการตาช้ำ ดอกตำลึง สรรพคุณแก้ผดผื่นคัน เมล็ดตำลึง สรรพคุณแก้หิด โทษของตำลึง ตำลึงมีสรรพคุณเป็นยาเย็น หากนำน้ำตำลึงมาทาที่ผิวหนังแล้วไม่รู้สึกเย็น แปลว่า ไม่ถูกโรค ให้หยุดใช้ทันที เพราะ จะทำให้เกิดอาการอักเสบเพิ่มมากขึ้น ตำลึง มีทั้ง ตำลึงตัวผู้ และ ตำลึงตัวเมีย ตำลึงตัวเม

พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม เนื้อทองคำ จากรังของ นายกฯกิตติ "เจ้ากรมพระหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่"

พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม อิสริโก จัดสร้างเพื่อหารายได้ สร้างหอฉันอุตตโม ออกแบบโดยช่างเกษม มงคลเจริญ ประกอบด้วย เนื้อทองคำ ๑๙ องค์ เนื้อเงิน ๒๙๕ องค์ เนื้อนวโลหะ ๒๕๑๘ องค์ โดยสร้างตามจำนว พ.ศ. หรือปีที่สร้าง คือ ๒๕๑๘ เนื้อนวโลหะกะไหล่ทอง ไม่ระบุจำนวนสร้าง เนื้อตะกั่ว ๑๐,๐๐๐๐ องค์...... พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม เป็นพระปิดตาที่หลวงปู่ทิม ท่านปลุกเสกนานมากถึง ๗ เดือน เหตุในการสร้างพระปิดตารุ่นนี้คุณชินพร สุขสถิตย์ได้จัดสร้างพระปิดตามหาอุตตโมขึ้น มาก็เพื่อนำรายได้มาสร้างหอฉันเพื่อให้พระเณรในวัดละหารไร่ได้ใช้ประโยชน์และเป็นถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา โดยพระชุดนี้ได้นายช่างเกษม เป็นผู้ออกแบบ การสร้างพิมพ์พระปิดตายันต์ยุ่งสมัยนั้นต้องเอาเทียนมาคลึงเป็นเส้นๆ แบบเส้นขนมจีน แล้วจึงเอาขดกัน เป็นองค์พระปิดตาและอักขระเลขยันต์กว่าจะสร้างได้หรือหล่อ ได้แต่ละองค์ต้องใช้เวลามากและพระที่ได้มักไม่งดงาม ดังนั้นพระปิดตาอุตโมรุ่นนี้นี้นายช่างเกษมจึงแกะจากหินอ่อนเป็นแม่แบบ ทำให้หล่อได้ปริมาณมาก โดยครั้งแรกจัดสร้างเป็นเนื้อนวะโลหะเมื่อเปิดจองแล้วปรากฎว่าหมดอย่างรวดเร็วจนได้เ

ฮือฮา! "ครม.ฮุน มาเนต" ตั้งอดีตสมเด็จพระราชาคณะเพิ่งสึกเป็นเลขาฯก.ต่างประเทศ

วันที่ 22 สิงหาคม 2566 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานโดยอ้างแถลงการณ์ของนายเฮง สัมริน อดีตประธานสมัชชาแห่งชาติ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา ในการประชุมรัฐสภาชุดใหม่ของกัมพูชา ซึ่งมีขึ้นในวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ที่ระบุว่า พลเอก ฮุน มาเนต ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของ สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แห่งประเทศกัมพูชา อย่างเป็นเอกฉันท์ โดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา หลังการลงมติว่า วันนี้ ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของกัมพูชา @siampongnews ฮือฮา! ครม. #ฮุนมาเนต ตั้ง อดีตสมเด็จพระราชาคณะเพิ่งสึก ดำรงตำแหน่งเลขาฯ ก.ต่างประเทศ #ข่าวtiktok #tiktokshopครีเอเตอร์ ♬ เสียงต้นฉบับ - ดร.สำราญสมพงษ์นักข่าวป.ธ.5 ทั้งนี้ พรรคประชาชนกัมพูชา หรือ ซีพีพี ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้ง เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย เนื่องจากพรรคฝ่ายค้าน ถูกตัดสิทธิลงเลือกตั้งในครั้งนี้  พร้อมกันนี้นางควน สุดารี ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาแห่งชาติ วาระใหม่ 5 ปี และเป็นนักการเมืองหญิง