วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2568

วิเคราะห์ทางรอดของไทยจาก 5 โฉมหน้า Deep State ตามมุมมองของ ดร.สุวิทย์ เมฆินทรีย์



แนวคิดเรื่อง “รัฐพันลึก” (Deep State) ได้รับการหยิบยกขึ้นมาศึกษาอย่างกว้างขวางในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่การเมืองยังคงถูกครอบงำด้วยเครือข่ายอำนาจนอกระบบ แม้รัฐธรรมนูญและกลไกประชาธิปไตยจะดำรงอยู่ แต่ “Deep State” กลับแทรกซึมและกำหนดทิศทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมอยู่เบื้องหลัง

ดร.สุวิทย์ เมฆินทรีย์ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และอดีตรัฐมนตรี ได้เสนอการจัดหมวดหมู่ 5 โฉมหน้า Deep State ซึ่งสะท้อนโครงสร้างอำนาจที่พบในหลายประเทศ ได้แก่ (1) รัฐทหาร–ความมั่นคง, (2) รัฐทุนผูกขาด–พวกพ้อง, (3) รัฐศาสนา–อุดมการณ์, (4) รัฐข้าราชการ–เทคโนแครต และ (5) รัฐถูกครอบงำโดยต่างชาติ

สำหรับประเทศไทย ลักษณะเฉพาะคือการเป็น Hybrid/Networked Deep State หรือโครงสร้างพันลึกแบบผสม ที่ซ้อนหลายชั้นและเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน ทำให้ “การปฏิรูป” ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยมาตรการใดมาตรการหนึ่ง แต่ต้องใช้ยุทธศาสตร์เชิงระบบ (systemic strategy) ที่ค่อยเป็นค่อยไป


1. 5 โฉมหน้า Deep State: บริบทโลก

  1. รัฐทหาร–ความมั่นคง (Military–Security Complex)

    • ใช้อำนาจกองทัพและข่าวกรองครอบงำการเมือง

    • ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่ประสบกับวงจรนี้มาอย่างต่อเนื่อง

  2. รัฐทุนผูกขาด–พวกพ้อง (Crony–Oligarchic State)

    • เศรษฐกิจถูกผูกขาดโดยทุนใหญ่และกลุ่มการเมือง

    • ส่งผลให้ SMEs และนวัตกรรมใหม่ไม่เติบโต

  3. รัฐศาสนา–อุดมการณ์ (Theocratic–Ideological State)

    • ใช้อำนาจทางศาสนาหรืออุดมการณ์ปิดกั้นการตรวจสอบ

    • แม้ไทยจะไม่รุนแรงเท่าประเทศตะวันออกกลาง แต่แนวโน้มการใช้ศาสนา–อุดมการณ์ทางการเมืองยังคงมีอยู่

  4. รัฐข้าราชการ–เทคโนแครต (Bureaucratic–Technocrat State)

    • การรวมศูนย์อำนาจอยู่ที่ข้าราชการประจำ

    • แม้สร้างเสถียรภาพ แต่ขาดความยืดหยุ่นในการแข่งขันระดับโลก

  5. รัฐถูกครอบงำโดยต่างชาติ (Foreign-Influenced State)

    • นโยบายบางส่วนถูกกำหนดจากมหาอำนาจหรือทุนข้ามชาติ

    • ไทยแม้ไม่รุนแรง แต่ก็เผชิญแรงกดดันทั้งจากภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก


2. สถานการณ์ไทย: Hybrid Deep State

ประเทศไทยเผชิญ “Deep State แบบผสม” โดยประกอบด้วย

  • กองทัพและความมั่นคง → สืบทอดอำนาจผ่านรัฐประหาร

  • ทุนใหญ่และกลุ่มผูกขาด → ครอบงำเศรษฐกิจและนโยบายรัฐ

  • ระบบราชการรวมศูนย์ → ชะลอการปรับตัวของประเทศ

ความซับซ้อนของไทย

  • หลายขั้วอำนาจคู่ขนาน ไม่ได้รวมศูนย์ที่เดียว

  • โครงสร้างพันลึกเชื่อมโยงทั้งการเมือง ศาล สภา ทุน และราชการ

  • การเปลี่ยนแปลงจึงต้องใช้ “ระยะยาว” ไม่ใช่ “ปฏิวัติสั้น”


3. ความเสี่ยงเชิงโครงสร้างของไทย

  1. ฝ่ายต้านกระจัดกระจาย → ไม่สามารถรวมพลังได้ยาวนาน

  2. Reform Whiplash → รื้อโครงสร้างหนึ่ง แต่อีกด้านโต้กลับ

  3. สังคมเบื่อหน่าย → เพราะการเปลี่ยนแปลงใช้เวลานาน

  4. การปรับขั้วของกลุ่มอำนาจ → ทำให้การปฏิรูปสะดุด


4. บทเรียนจากต่างประเทศ

ประเทศที่สามารถรื้อ Deep State แบบผสมได้ เช่น สเปน ชิลี เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ไต้หวัน และโคลอมเบีย มีปัจจัยร่วมคือ

  • ผู้นำเชื่อมกลางที่ทั้งฝ่ายเก่า–ใหม่ไว้วางใจ

  • เส้นถอยที่ชัดเจนให้โครงสร้างเดิมลดแรงต้าน

  • เสริมสถาบันตรวจสอบ (ศาล สื่อ กลไกอิสระ)

  • พลังประชาชนและแรงกดดันนานาชาติ

  • เศรษฐกิจไม่หยุดชะงักในระหว่างการปฏิรูป


5. ทางรอดของไทย: Playbook & Roadmap

แนวทางทีละชั้น (Layered Transition)

  1. สร้างความโปร่งใสเชิงโครงสร้าง → e-Procurement, การเงินการเมืองเปิดเผย

  2. ปฏิรูประบบความมั่นคง → แยกกองทัพออกจากการเมือง ลดงบลับ

  3. กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น → งบประมาณและการตัดสินใจระดับพื้นที่

  4. ล็อกอินมาตรฐานสากล → ใช้กรอบอาเซียน–OECD เป็นกลไกกันถอย

  5. เปลี่ยนเรื่องเล่า → จาก “รัฐครอบงำ” สู่ “รัฐยึดหลักการ”

Roadmap 5–7 ปี

  • ระยะที่ 1: สร้างเสถียรภาพ + ข้อตกลงใหญ่ (Grand Bargain)

  • ระยะที่ 2: ปฏิรูประบบสถาบันและการกระจายอำนาจ

  • ระยะที่ 3: ปฏิรูปเศรษฐกิจ ลดผูกขาด เปิดเสรีแข่งขัน

  • ระยะที่ 4: เปลี่ยนตัวชี้วัดใหม่ เน้นผลลัพธ์ที่ประชาชนสัมผัสได้

  • ระยะที่ 5: ผูกพันกับมาตรฐานภูมิภาค–นานาชาติ


บทสรุป

ประเทศไทยเผชิญกับ Deep State ที่ซับซ้อนกว่าหลายประเทศ เนื่องจากมีหลายชั้นอำนาจผสมผสาน การปฏิรูปจึงต้องใช้ทั้ง Grand Bargain เพื่อสร้างแรงถอย และ Hard Constraint ผ่านมาตรฐานสากลและกลไกดิจิทัลเพื่อกันไม่ให้ถอยหลัง

“ทางรอด” ของไทยตามมุมมองของ ดร.สุวิทย์ เมฆินทรีย์ ไม่ใช่การปฏิวัติแบบรวดเร็ว แต่เป็น การเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นขั้นตอน ภายใต้แรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอก เพื่อคลี่คลายกับดักพันลึกและนำประเทศสู่เส้นทางพัฒนาอย่างยั่งยืน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...