วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2568

วิเคราะห์วิธีการสังคมไทยรับมือการเมืองยุค IO “นั่งลงครับ” กลายเป็น “นั่งลงลูก”



ในศตวรรษที่ 21 การเมืองมิได้จำกัดอยู่เพียงการต่อสู้เชิงนโยบายหรืออุดมการณ์ หากแต่ยังรวมถึง "สงครามข้อมูลข่าวสาร" (Information Operation: IO) ที่มุ่งบิดเบือน สร้างความสับสน และทำลายความน่าเชื่อถือของคู่แข่งทางการเมือง เหตุการณ์ล่าสุดในประเทศไทยที่คลิปเสียงการพิจารณาคดีในศาลรัฐธรรมนูญถูกตัดต่อจากคำว่า “นั่งลงครับ” ให้กลายเป็น “นั่งลงลูก” สะท้อนให้เห็นถึงการยกระดับของ IO ซึ่งก้าวข้ามจากการ “ตัดคลิปภาพ” ไปสู่การ “ตัดต่อเสียง” ที่มีความซับซ้อนและยากต่อการพิสูจน์ความจริง

การเมืองไทยกับประวัติศาสตร์ IO

ปรากฏการณ์ IO มิใช่สิ่งใหม่ในสังคมไทย ตัวอย่างเช่น

  • ปี 2552: มีการเผยแพร่คลิปเสียงที่ถูกตัดต่อ เพื่อให้เข้าใจผิดว่าอดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สั่งใช้กำลังกับผู้ชุมนุม ทำให้สถานการณ์การเมืองรุนแรงขึ้น

  • ปี 2568: พรรคเพื่อไทยซึ่งเคยเผชิญปฏิบัติการ IO ในอดีต กลับถูกเล่นงานด้วยเทคนิคที่ซับซ้อนกว่า โดยการบิดเบือนเสียงที่เกิดขึ้นในห้องพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ

การเปรียบเทียบนี้สะท้อนว่า เกม IO ไม่ได้ผูกขาดโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่สามารถย้อนกลับมาเป็นเครื่องมือทำลายผู้ที่เคยใช้เองได้

ความท้าทาย: ความจริงคู่ขนาน

IO สร้างสิ่งที่นักวิชาการเรียกว่า “ความจริงคู่ขนาน” (parallel reality) ซึ่งผู้คนจำนวนมากเลือกเชื่อในสิ่งที่สอดคล้องกับอคติหรือทัศนะทางการเมืองของตน มากกว่าจะพิจารณาจากหลักฐานเชิงประจักษ์ เหตุการณ์ “นั่งลงลูก” แสดงให้เห็นว่า แม้มีการยืนยันจากทุกฝ่ายที่อยู่ในห้องพิจารณา แต่สังคมออนไลน์ก็ยังคงถกเถียงและเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนต่อไป

วิธีการรับมือของสังคมไทย

  1. การตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิงสถาบัน (Institutional Fact-checking)

    • ศาลรัฐธรรมนูญและผู้เกี่ยวข้องได้รีบยืนยันข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ

    • การมีองค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริงอิสระ (fact-checking bodies) เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อสร้างมาตรฐานกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับ

  2. การสื่อสารจากภาครัฐและนักการเมือง (Crisis Communication)

    • ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและอดีตนักการเมืองรีบออกมาแก้ไขความเข้าใจผิด พร้อมเตือนประชาชนเรื่องผลทางกฎหมายหากเผยแพร่ข่าวปลอม

    • กลยุทธ์การตอบสนองที่รวดเร็ว (rapid response) มีบทบาทสำคัญในการลดการแพร่กระจายของ IO

  3. การสร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลในสังคม (Digital Literacy)

    • ประชาชนจำเป็นต้องมีทักษะการรู้เท่าทันสื่อ (media literacy) และสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ข้อมูลใดอาจถูกตัดต่อหรือบิดเบือน

    • หลักสูตรการศึกษาและโครงการของภาครัฐ/เอกชนควรมุ่งพัฒนาทักษะนี้ในทุกช่วงวัย

  4. บทบาทของประชาสังคมและสื่อมวลชน (Civil Society & Media)

    • สื่อที่มีความเป็นกลางและมีจริยธรรมต้องทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง แทนที่จะเป็นเพียงผู้ขยายผล

    • องค์กรภาคประชาชนควรร่วมมือกันสร้าง “พื้นที่สาธารณะ” ที่ยึดโยงกับข้อเท็จจริง

บทสรุป

การเมืองยุค IO คือความท้าทายที่มิได้อยู่แค่ระดับรัฐหรือพรรคการเมือง แต่เป็นโจทย์ของทั้งสังคมไทยที่ต้องรับมือร่วมกัน เหตุการณ์ “นั่งลงลูก” เป็นเพียงหนึ่งในหลายกรณีที่สะท้อนว่าข้อมูลสามารถถูกบิดเบือนจนส่งผลต่อความเชื่อมั่นในสถาบันยุติธรรม และอาจบั่นทอนเสถียรภาพทางการเมือง

ดังนั้น แนวทางการรับมือที่ยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยทั้ง การสร้างกลไกตรวจสอบที่น่าเชื่อถือ การสื่อสารที่รวดเร็ว ทักษะรู้เท่าทันสื่อของประชาชน และสื่อมวลชนที่มีคุณภาพ เมื่อทั้งหมดทำงานร่วมกัน จึงจะสามารถป้องกันไม่ให้สังคมไทยถูกครอบงำด้วยความจริงคู่ขนาน และรักษาพื้นที่การเมืองที่ยึดโยงกับข้อเท็จจริงได้อย่างมั่นคง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...