วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ย้อนรอยกลุ่มพิราบเหลืองกับหน้าที่รักษาและปกป้องคณะสงฆ์และพระธรรมวินัย



ในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาไทย มีหลายช่วงเวลาที่ “คณะสงฆ์” ต้องเผชิญกับวิกฤตศรัทธา ความท้าทายทางการเมือง และความผันผวนทางสังคม กลุ่มบุคคลบางกลุ่มจึงได้เกิดขึ้นเพื่อปกป้องคณะสงฆ์และธำรงไว้ซึ่งพระธรรมวินัย ในบรรดากลุ่มเหล่านี้ “กลุ่มพิราบเหลือง” ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ควรค่าแก่การศึกษาย้อนรอย ทั้งในเชิงสังคมการเมืองและในมิติศาสนธรรม

1. ที่มาของกลุ่มพิราบเหลือง

กลุ่มพิราบเหลืองก่อตัวขึ้นในห้วงเวลาที่พระพุทธศาสนาไทยกำลังเผชิญแรงกดดันทั้งจากภายในและภายนอก ทั้งปัญหาความแตกแยกในหมู่คณะสงฆ์ กรณีข้อกล่าวหาต่อพระผู้ใหญ่ ตลอดจนแรงกระแทกจากสังคมสมัยใหม่ที่ตั้งคำถามต่อสถาบันทางศาสนา

การเลือกใช้สัญลักษณ์ “พิราบ” สื่อถึงสันติภาพ ความอ่อนโยน และการปกป้องด้วยวิธีที่ไม่รุนแรง ขณะที่สี “เหลือง” เป็นสีแห่งพระพุทธศาสนาและจีวรพระสงฆ์ จึงสะท้อนถึงภารกิจอันชัดเจนของกลุ่มนี้ คือ การรักษาและปกป้องพระธรรมวินัย

2. บทบาทและพันธกิจของกลุ่ม

กลุ่มพิราบเหลืองมิใช่เพียงการรวมตัวเชิงสัญลักษณ์ แต่ได้แสดงออกในหลายมิติ ได้แก่

การปกป้องคณะสงฆ์จากแรงกดดันทางการเมือง

ทำหน้าที่เป็นกำแพงป้องกันไม่ให้การเมืองแทรกแซงการปกครองสงฆ์จนเกินสมควร

การรักษาพระธรรมวินัย

ส่งเสริมให้การตีความและการใช้พระวินัยสอดคล้องกับพระไตรปิฎก

ต่อต้านความพยายามบิดเบือนหรือใช้ศาสนาเพื่อผลประโยชน์ทางโลก

การฟื้นฟูศรัทธาในสังคม

จัดกิจกรรมรณรงค์ การสื่อสารสาธารณะ และการศึกษา เพื่อสร้างความเข้าใจว่า “พระพุทธศาสนายังเป็นที่พึ่งได้”

เชื่อมร้อยระหว่างสงฆ์และฆราวาส

ทำงานร่วมกับเครือข่ายชาวพุทธในท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านจริยธรรมและการพัฒนาสังคม

3. การพลิกฟื้น: “ชีวิตขึ้นมาใหม่”

ข้อความที่ว่า “กำลังพลิกฟื้นชีวิตขึ้นมาใหม่ เพื่อรักษาและปกป้องคณะสงฆ์และพระธรรมวินัยในห้วงเวลานี้” สะท้อนถึงความเป็นพลวัตของกลุ่มพิราบเหลือง

การ “พลิกฟื้น” หมายถึงการกลับมามีบทบาทใหม่ท่ามกลางวิกฤตสมัยใหม่ เช่น ปัญหาสื่อออนไลน์ ข้อมูลเท็จ และการเสื่อมศรัทธาในสถาบันสงฆ์

“ชีวิตขึ้นมาใหม่” แสดงถึงพลังการฟื้นตัวและการสร้างความหวังใหม่ในหมู่พุทธศาสนิกชน

การรักษาและปกป้องไม่ได้หมายถึงเพียงการต้านทานแรงกดดัน แต่ยังรวมถึง การปฏิรูปเชิงบวก เพื่อให้พระธรรมวินัยมีชีวิตอยู่ในสังคมสมัยใหม่ได้จริง

4. การวิเคราะห์เชิงวิชาการ

จากมุมมองทางรัฐศาสตร์และสังคมวิทยาศาสนา กลุ่มพิราบเหลืองสามารถถูกมองในฐานะ “ขบวนการศาสนาเพื่อความมั่นคงเชิงสัญลักษณ์” (Religious Symbolic Security Movement) ที่ทำงานเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันสงฆ์ ในขณะเดียวกันก็ต่อสู้กับแรงกดดันจากโครงสร้างรัฐและสังคม

ข้อสังเกตสำคัญ

กลุ่มพิราบเหลืองสะท้อน “การต่อต้านแบบอหิงสา”

บทบาทของกลุ่มช่วยสร้างดุลอำนาจระหว่าง รัฐ–สงฆ์–สังคม

หากขาดพลังเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มอาจเสี่ยงถูกจำกัดให้เป็นเพียง “สัญลักษณ์” ที่ไร้อิทธิพลเชิงโครงสร้าง

5. ทางรอดและอนาคตของคณะสงฆ์

หากมองไปข้างหน้า การที่กลุ่มพิราบเหลืองจะมีบทบาทเชิงประวัติศาสตร์ได้นั้น ต้องอาศัย 3 ปัจจัยหลัก คือ

ความชัดเจนในภารกิจ – ยืนหยัดปกป้องพระธรรมวินัยมากกว่าผูกโยงกับการเมือง

การเชื่อมโยงกับเยาวชนและสังคมดิจิทัล – สร้างเรื่องเล่าใหม่ให้พระพุทธศาสนาเข้าถึงคนรุ่นใหม่

การสนับสนุนจากเครือข่ายพุทธโลก – เชื่อมโยงกับพุทธศาสนิกชนในภูมิภาค เพื่อสร้างเกราะคุ้มกันทางสังคมและวัฒนธรรม

องค์ประกอบของ “กลุ่มพิราบเหลือง”

6. องค์ประกอบด้านบุคคล (People)

  • แกนนำ/ผู้ริเริ่ม → ผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า อาจเป็นพระสงฆ์ นักวิชาการ หรือฆราวาสผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด

  • สมาชิก → ฆราวาสที่มีความศรัทธา พร้อมอุทิศตนปกป้องพระธรรมวินัย

  • เครือข่ายสนับสนุน → กลุ่มพระสงฆ์ นักบวช องค์กรพุทธ และภาคประชาชนที่ร่วมผลักดันกิจกรรม


2. องค์ประกอบด้านอุดมการณ์ (Ideology)

  • หลักยึด: การปกป้องพระธรรมวินัยและคณะสงฆ์

  • แนวคิดสำคัญ: อหิงสา ความสันติ ความซื่อสัตย์ต่อคำสอนพระพุทธเจ้า

  • ค่านิยม: โปร่งใส ศรัทธา ความรับผิดชอบต่อสังคมพุทธ


3. องค์ประกอบด้านโครงสร้างการทำงาน (Structure)

  • แกนกลาง (Core Leadership) → วางยุทธศาสตร์และทิศทาง

  • หน่วยกิจกรรม (Action Units) → จัดกิจกรรมรณรงค์ การศึกษา และสื่อสารสาธารณะ

  • หน่วยวิชาการ/เฝ้าระวัง (Research & Monitoring) → ศึกษาข้อเท็จจริง กฎหมาย และติดตามการบิดเบือนพระธรรมวินัย

  • เครือข่ายชุมชน (Community Network) → เชื่อมโยงวัด ชุมชน และองค์กรท้องถิ่น


4. องค์ประกอบด้านสัญลักษณ์ (Symbolism)

  • พิราบ → แทนความสงบ สันติ และการต่อสู้โดยไม่ใช้ความรุนแรง

  • สีเหลือง → แทนพระพุทธศาสนาและจีวรพระสงฆ์

  • ชื่อเรียก → ใช้เป็นแบรนด์เชิงขบวนการ เพื่อสื่อสารอัตลักษณ์ร่วม


5. องค์ประกอบด้านกิจกรรม (Activities)

  • การรณรงค์เชิงสังคม → เดินขบวนเชิงสัญลักษณ์ เวทีเสวนา

  • การศึกษา–เผยแผ่ → สื่อสารสาธารณะ หนังสือ บทความ สื่อออนไลน์

  • การปกป้องทางศาสนา → ยืนหยัดต่อต้านการบิดเบือนพระธรรมวินัย

  • การเชื่อมโยงเครือข่าย → ทำงานร่วมกับพระสงฆ์ ฆราวาส และองค์กรต่างประเทศ


6. องค์ประกอบด้านพลังสนับสนุน (Support Systems)

  • พลังศรัทธามหาชน → ฐานมวลชนพุทธศาสนิกชน

  • พลังเครือข่ายดิจิทัล → ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเวทีต่อสู้ทางวาทกรรม

  • พลังสถาบันศาสนา → การสนับสนุนจากวัด พระสงฆ์ และองค์กรสงฆ์

  • พลังสากล → เครือข่ายชาวพุทธระดับภูมิภาค–โลก


สรุป: องค์ประกอบของ “กลุ่มพิราบเหลือง” ครอบคลุมทั้ง บุคคล, อุดมการณ์, โครงสร้าง, สัญลักษณ์, กิจกรรม และพลังสนับสนุน ทำให้กลุ่มนี้ไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์เชิงวัฒนธรรม แต่ยังมีศักยภาพเป็นขบวนการทางสังคมเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา

ดังนั้น “กลุ่มพิราบเหลือง” จึงมิใช่เพียงการรวมตัวของผู้ศรัทธา แต่คือสัญลักษณ์ของความพยายาม ฟื้นฟูศรัทธาและปกป้องพระธรรมวินัย ในยุคที่คณะสงฆ์ต้องเผชิญความท้าทายหลากมิติ การย้อนรอยศึกษากลุ่มนี้ไม่เพียงเป็นการทำความเข้าใจอดีต แต่ยังเป็นการชี้ทางรอดของพระพุทธศาสนาไทยในอนาคตว่า การรักษาคณะสงฆ์จะสำเร็จได้ ต้องมีทั้ง การปกป้องอย่างอหิงสา การปฏิรูปเชิงสร้างสรรค์ และการสื่อสารให้สังคมเข้าใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พลวัตการทำหน้าที่สส.ของดร.นิยม เวชกามา มิติศาสนจักรและการเมือง

รายงานฉบับนี้มุ่งศึกษาวิเคราะห์บทบาท หน้าที่ และพฤติกรรมทางการเมืองของ ดร.นิยม เวชกามา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร และอดีตแกนนำพรรคเพื...