วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2568

"ทองย้อย" ราชบัณฑิตฯ เตือน! เอไอแปลพระไตรปิฎกได้ในพริบตา แต่เสี่ยงบิดเบือนคำสอน


 

ราชบัณฑิตฯ ตั้งข้อสังเกต หากวันหนึ่งมี "พระไตรปิฎกฉบับเอไอ" ต่างจากฉบับดั้งเดิม จะเกิดอะไรขึ้นกับความน่าเชื่อถือของพุทธศาสนา พร้อมทิ้งท้ายให้สังคมหันมาปกป้องศาสนาด้วยความจริงใจ

 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2568  พลเรือตรีทองย้อย แสงสินชัย ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสภา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวความว่า พระไตรปิฎกฉบับเอไอ

ได้ยินว่า เดียวนี้เขาใช้สิ่งที่เรียกกันว่า เอไอ (Artificial Intelligence = AI) แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย เอไอสามารถแปลหนังสือได้เป็นเล่ม ๆ โดยไม่ต้องใช้คนแปล

ผมนึกเป็นห่วงคนที่ประกอบอาชีพเป็น “นักแปล” ต่อไปนี้คงลำบาก

ผมนึกต่อไปถึงพระไตรปิฎก 

คงจะมีใครเอาพระไตรปิฎกบาลีฉบับสยามรัฐมาให้เอไอแปลเป็นภาษาไทย 

ผู้คนคงจะศึกษาพระไตรปิฎกกันง่ายขึ้น

นึกถึงแนวคิดของท่านผู้รู้ที่ออกมาบอกว่า ต่อไป เอไอจะมีอิทธิพลหรือมีผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาอย่างหนัก 

ท่านไม่ได้บอกว่า มีผลกระทบแบบไหน บอกแต่ว่ามีแน่ ๆ

เอไอช่วยทำให้คนบรรลุนิพพานได้ง่ายขึ้น - แบบนี้หรือเปล่า 

หรือว่า เอไอช่วยให้พระเณรเรียนพระธรรมวินัยได้ง่ายขึ้น

จากเดิมที่ไม่เคยมีฉันทะที่จะศึกษาพระไตรปิฎก กลายเป็นว่า เอไอช่วยให้สามารถเรียนพระไตรปิฎกจบภายในวันเดียว

เอไอช่วยให้พระเณรกลายเป็นผู้แตกฉานในพระไตรปิฎกภายในวันเดียว - แบบนี้หรือเปล่า

ความคิดผมมาจบลงตรงที่-เอไอสามารถแปลภาษาอื่นเป็นภาษาไทยอย่างช่ำชอง 

เอไอสามารถแปลพระไตรปิฎกภาษาบาลีเป็นภาษาต่าง ๆ ในโลกได้ทุกภาษาภายในพริบตาเดียว 

คณะทำงานแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาอังกฤษที่คณะสงฆ์วัดอะไร-หรือคณะสงฆ์ไทยจัดตั้งขึ้น ก็คงไม่ต้องทำงานต่อไปอีกแล้ว 

ให้เอไอแปลให้พริบตาเดียวจบเสร็จ

แต่ที่ผมเป็นห่วงมาก ๆ ก็คือ ถ้าเกิดเอไอเอาพระไตรปิฎกบาลีฉบับสยามรัฐมาปรับปรุงใหม่ 

เกิดเป็นพระไตรปิฎกบาลีฉบับเอไอ

มีเนื้อหาสาระแตกต่างไปจากพระไตรปิฎกบาลีฉบับเดิม

เช่น-

พระไตรปิฎกบาลีฉบับเดิมบอกว่า ภิกษุเสพเมถุนต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุทันที

แต่พระไตรปิฎกบาลีฉบับเอไอปรับปรุงใหม่บอกว่า ภิกษุเสพเมถุนมีผลเท่ากับได้บรรลุธรรมเป็นโสดาบันทันที

แล้วประกาศว่า พระไตรปิฎกบาลีฉบับเอไอปรับปรุงใหม่นี้เป็นฉบับที่ถูกต้องตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่สุดในโลก 

ถ้าเอไอทำได้อย่างที่ว่านี้ เราจะว่าอย่างไรกันครับ

แบบนี้ใช่ไหมที่บอกว่า เอไอจะมีอิทธิพลหรือมีผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาอย่างหนัก?

คิดเล่น ๆ 

แต่อยากให้เป็นจริง ๆ

อยากจะดูว่า จะมีคนรักและห่วงพระศาสนาลุกออกมาทำอะไรกันบ้างหรือเปล่า 

กลัวจะมีแต่คนห่วงผลประโยชน์ของตัวเอง

พระพุทธศาสนาจะเป็นอย่างไร ไม่สน

สนแต่เพียงว่า-ผลประโยชน์ของตัวเองที่ซ่อนแฝงอยู่ในพระพุทธศาสนาจะเป็นอย่างไร

พระไตรปิฎกต้องโดนเอไอ “จัดการ” แน่ ๆ

แต่จะจัดการแบบไหน ยังบอกไม่ได้

ใครห่วงพระศาสนา 

อย่ากระพริบตานะครับ

พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย

ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสภา

๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๘

๑๖:๓๐

ทั้งนี้จากการให้เอไอวิเคราะห์แนวทางการป้องกันเอไอแปลพระไตรปิฎกเสี่ยงต่อการบิดเบือนคำสอนเชิงวิชาการพบว่า 

บทนำ

การพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ได้เข้ามามีบทบาทในแทบทุกมิติของสังคม รวมถึงวงการศาสนา โดยเฉพาะในประเด็นการแปลคัมภีร์ทางศาสนา เช่น พระไตรปิฎก ที่มีเนื้อหาลึกซึ้งและซับซ้อน พลเรือตรีทองย้อย แสงสินชัย ภาคีราชบัณฑิตยสภา ได้ตั้งข้อสังเกต (30 สิงหาคม 2568) ว่า หากมี “พระไตรปิฎกฉบับเอไอ” ซึ่งมีเนื้อหาต่างไปจากฉบับดั้งเดิม ย่อมสร้างความสั่นคลอนต่อความน่าเชื่อถือของพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง ดังนั้น การวิเคราะห์แนวทางการป้องกันและกำกับดูแล AI จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อไม่ให้เกิดการบิดเบือนคำสอน

1. ความท้าทายของเอไอในการแปลพระไตรปิฎก

  1. ความซับซ้อนของภาษาบาลี – ภาษาบาลีมีโครงสร้าง ไวยากรณ์ และศัพท์เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับปรัชญาและธรรมะ หาก AI ขาดฐานข้อมูลทางวิชาการที่เพียงพอ อาจทำให้การตีความผิดพลาด

  2. ความแตกต่างระหว่าง “การแปล” และ “การตีความ” – คัมภีร์ทางศาสนามิได้เป็นเพียงข้อความธรรมดา แต่แฝงความหมายเชิงปรัชญาและวินัย การแปลโดย AI อาจกลายเป็นการ “ตีความ” โดยอัตโนมัติและบิดเบือนหลักคำสอน

  3. ความเสี่ยงจากการปรับปรุงเนื้อหา – กรณีสมมุติที่ทองย้อยเสนอ เช่น การเปลี่ยนหลักธรรมว่าภิกษุเสพเมถุนเป็นการบรรลุธรรม หาก AI ถูกใช้โดยไม่มีการตรวจสอบ อาจสร้าง “คัมภีร์ใหม่” ที่บิดเบือนคำสอนเดิมอย่างสิ้นเชิง

2. หลักการกำกับดูแลการใช้เอไอในงานพระไตรปิฎก

  1. การสร้างมาตรฐานการใช้ AI ในงานทางศาสนา – ต้องมีเกณฑ์กำหนดว่าการใช้ AI เพื่อช่วยแปลหรือถอดความ ต้องอยู่ภายใต้การกำกับของคณะสงฆ์และนักวิชาการบาลี

  2. การตรวจสอบแบบ “มนุษย์กำกับ” (Human-in-the-loop) – ทุกการแปลโดย AI ต้องผ่านการตรวจสอบของพระนักวิชาการ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านพระไตรปิฎก เพื่อรับรองความถูกต้อง

  3. การระบุความเป็นต้นฉบับและสำเนา – ต้องประกาศชัดว่า “พระไตรปิฎกฉบับ AI” มิใช่ต้นฉบับ แต่เป็นเพียงเครื่องมือช่วยศึกษา เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดว่าเป็นพระธรรมคำสอนดั้งเดิม

3. แนวทางป้องกันการบิดเบือนคำสอน

  1. การพัฒนา AI เชิงศีลธรรม – นักพัฒนา AI ต้องทำงานร่วมกับนักปราชญ์และคณะสงฆ์ เพื่อสร้างระบบที่ยึดมั่นในหลักธรรมและไม่สามารถปรับแก้เนื้อหาสำคัญได้

  2. การให้ความรู้สาธารณะ – สังคมต้องตระหนักว่า พระไตรปิฎกฉบับ AI เป็นเพียง “สื่อการเรียนรู้” ไม่ใช่คำสอนที่มีสถานะเสมอพระไตรปิฎกฉบับดั้งเดิม

  3. การจัดตั้งสถาบันกำกับดูแล – คณะสงฆ์ ราชบัณฑิตยสภา และมหาวิทยาลัยควรร่วมกันวางกรอบการใช้ AI กับคัมภีร์ศาสนา และกำหนดมาตรการทางกฎหมายหรือจริยธรรมในการป้องกันการบิดเบือน

4. มิติทางศาสนาและสังคม

การใช้ AI แปลพระไตรปิฎกมิได้เป็นปัญหาด้านเทคนิคเพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาทางศาสนาและสังคม หากเกิดการบิดเบือนคำสอน อาจทำให้ความศรัทธาของชาวพุทธถูกสั่นคลอน และนำไปสู่การใช้ศาสนาเพื่อประโยชน์อื่น เช่น การเมืองหรือเศรษฐกิจ จึงจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันรักษาความถูกต้องของพระธรรมคำสอนให้คงอยู่

บทสรุป

เอไอเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง สามารถแปลพระไตรปิฎกได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็เสี่ยงต่อการสร้าง “พระไตรปิฎกฉบับใหม่” ที่บิดเบือนคำสอนดั้งเดิม ดังที่ พลเรือตรีทองย้อย แสงสินชัย ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ การป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ จำเป็นต้องมีมาตรการควบคุม กำกับดูแล และความตระหนักร่วมกันของสังคม เพื่อรักษาความถูกต้องและความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนาให้คงอยู่กับประชาชนอย่างแท้จริง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พลวัตการทำหน้าที่สส.ของดร.นิยม เวชกามา มิติศาสนจักรและการเมือง

รายงานฉบับนี้มุ่งศึกษาวิเคราะห์บทบาท หน้าที่ และพฤติกรรมทางการเมืองของ ดร.นิยม เวชกามา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร และอดีตแกนนำพรรคเพื...