วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ไทยเจ้าภาพครั้งแรกประชุมรัฐมนตรีอาเซียน! แนวทางการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนในภูมิภาคอาเซียนตามแนวของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง



การพัฒนาชนบทและการขจัดความยากจนเป็นหนึ่งในวาระสำคัญของประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะภายใต้กรอบความร่วมมือด้าน Rural Development and Poverty Eradication (RDPE) ซึ่งถือกำเนิดขึ้นภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี พ.ศ. 2540 อันส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชากรในภูมิภาคอาเซียน การสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบทจึงกลายเป็นวาระร่วมที่ทุกประเทศต้องร่วมมือกันขับเคลื่อน

การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 14 (14th AMRDPE) ระหว่างวันที่ 8–12 ธันวาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร จัดขึ้นโดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพครั้งแรก ภายใต้การนำของกระทรวงมหาดไทย นับเป็นเวทีสำคัญในการแสดงบทบาทนำด้านนโยบายและการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงประเทศคู่เจรจา (จีน เกาหลี และญี่ปุ่น)

"ประเทศไทยในฐานะประเทศแกนนำผู้ร่วมก่อตั้งประชาคมอาเซียนและในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียนจะได้รับประโยชน์จากการประชุมฯ ในครั้งนี้หลากหลายมิติโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความร่วมมือของประเทศสมาชิกในการกำหนดนโยบายและสร้างกลไกการปฏิบัติในการส่งเสริมให้ประชาชนของประเทศไทยและประเทศสมาชิกมีความอยู่ดี กินดี มีงาน มีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง สภาพสังคมมีความปลอดภัย ประชาชนพึ่งพาตนเองได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน 

ทั้งยังเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่บรรดารัฐมนตรี ปลัดกระทรวง เลขาธิการ กระทรวงที่เกี่ยวข้องในด้านการพัฒนาชนบทและความยากจนจากประเทศสมาชิกอาเซียนรวมถึงจีน เกาหลี และญี่ปุ่น จะได้เรียนรู้แลกเปลี่ยน Best Practice ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้รับการสืบสาน รักษา และต่อยอด โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สู่ "หลักอารยเกษตร" ที่ทำให้ประชาชนคนไทยได้รับการพัฒนาให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข" นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย   ระบุ

ในบริบทดังกล่าว “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” (SEP) ซึ่งเป็นแนวคิดเชิงพัฒนาอันทรงคุณค่าของประเทศไทย จึงถูกหยิบยกขึ้นเป็นกรอบคิดสำคัญในการพิจารณาแนวทางการพัฒนาชนบทและการขจัดความยากจนอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค


แนวทางการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนในอาเซียน

  1. การสร้างกลไกความร่วมมือระดับภูมิภาค
    ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมกันกำหนดกลไกการดำเนินงาน เช่น การประชุมรัฐมนตรี (AMRDPE) การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส (SOMRDPE) และการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อกำหนดกรอบนโยบายและติดตามการขับเคลื่อน

  2. การมีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วน
    มีการจัดเวทีเสวนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน (Public–Private–People Partnership: PPPP) ซึ่งสะท้อนการพัฒนาชนบทที่ไม่ได้จำกัดอยู่ในบทบาทของภาครัฐเท่านั้น แต่ยังอาศัยพลังของทุกภาคส่วน

  3. การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และ Best Practice
    ผ่านกิจกรรมศึกษาดูงาน การประชุมเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียน (ASEAN Village Network: AVN) และการมอบรางวัลผู้นำด้านการพัฒนาชนบทและการแก้ไขความยากจน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและต้นแบบ

  4. การเชื่อมโยงกับประเทศคู่เจรจา (+3)
    การมีส่วนร่วมของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ช่วยขยายขอบเขตความร่วมมือให้กว้างขึ้น ทั้งด้านเทคโนโลยีการเกษตร การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการเสริมสร้างศักยภาพชุมชน


การประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (SEP) ประกอบด้วยแนวทาง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ได้แก่

  • ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี

  • เงื่อนไขด้านความรู้ และเงื่อนไขด้านคุณธรรม

เมื่อนำมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาชนบทและการขจัดความยากจน สามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้:

  1. ความพอประมาณ
    ส่งเสริมการผลิตและการบริโภคอย่างสมดุล ชุมชนเกษตรในอาเซียนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดโลกมากเกินไป

  2. ความมีเหตุผล
    การกำหนดนโยบายพัฒนาชนบทควรอิงข้อมูลจริงและความต้องการของชุมชน สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น ไม่ลอกเลียนแบบโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางสังคมและวัฒนธรรม

  3. การมีภูมิคุ้มกัน
    การสร้างกลไกรองรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติ เช่น การส่งเสริมเกษตรยั่งยืน การพัฒนาทักษะอาชีพหลากหลาย และระบบสวัสดิการชุมชน

  4. เงื่อนไขด้านความรู้และคุณธรรม
    การพัฒนาชนบทต้องอาศัยองค์ความรู้ที่เหมาะสม เช่น เทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ที่ผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ขณะเดียวกันต้องมีคุณธรรม เช่น ความโปร่งใสในการจัดสรรทรัพยากร และการบริหารจัดการที่เป็นธรรม


ความสำคัญต่อภูมิภาคอาเซียน

การบูรณาการ SEP เข้าสู่กรอบความร่วมมือ RDPE มีศักยภาพในการสร้างความยั่งยืนใน 3 มิติ ได้แก่:

  1. เศรษฐกิจ: ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ สร้างเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็ง

  2. สังคม: สร้างชุมชนที่มีความมั่นคงทางอาหาร การพึ่งพาตนเอง และการอยู่ร่วมอย่างสมานฉันท์

  3. สิ่งแวดล้อม: สนับสนุนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุล ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการผลิตที่เกินความจำเป็น


บทสรุป

การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 14 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ไม่เพียงเป็นเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจาเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการนำเสนอ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ในฐานะกรอบคิดเชิงพัฒนาที่สามารถปรับใช้ได้จริง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่ชุมชนชนบท ลดความยากจน และนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน

แนวทางนี้ไม่เพียงสะท้อนภูมิปัญญาไทย แต่ยังสามารถเป็น ต้นแบบการพัฒนาในระดับภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมุ่งเน้นการพึ่งพาตนเอง ความยั่งยืน และการเติบโตที่สมดุล อันเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาชนบทในศตวรรษที่ 21

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...