การพัฒนาชนบทและการขจัดความยากจนเป็นหนึ่งในวาระสำคัญของประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะภายใต้กรอบความร่วมมือด้าน Rural Development and Poverty Eradication (RDPE) ซึ่งถือกำเนิดขึ้นภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี พ.ศ. 2540 อันส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชากรในภูมิภาคอาเซียน การสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบทจึงกลายเป็นวาระร่วมที่ทุกประเทศต้องร่วมมือกันขับเคลื่อน
การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 14 (14th AMRDPE) ระหว่างวันที่ 8–12 ธันวาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร จัดขึ้นโดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพครั้งแรก ภายใต้การนำของกระทรวงมหาดไทย นับเป็นเวทีสำคัญในการแสดงบทบาทนำด้านนโยบายและการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงประเทศคู่เจรจา (จีน เกาหลี และญี่ปุ่น)
"ประเทศไทยในฐานะประเทศแกนนำผู้ร่วมก่อตั้งประชาคมอาเซียนและในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียนจะได้รับประโยชน์จากการประชุมฯ ในครั้งนี้หลากหลายมิติโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความร่วมมือของประเทศสมาชิกในการกำหนดนโยบายและสร้างกลไกการปฏิบัติในการส่งเสริมให้ประชาชนของประเทศไทยและประเทศสมาชิกมีความอยู่ดี กินดี มีงาน มีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง สภาพสังคมมีความปลอดภัย ประชาชนพึ่งพาตนเองได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
ทั้งยังเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่บรรดารัฐมนตรี ปลัดกระทรวง เลขาธิการ กระทรวงที่เกี่ยวข้องในด้านการพัฒนาชนบทและความยากจนจากประเทศสมาชิกอาเซียนรวมถึงจีน เกาหลี และญี่ปุ่น จะได้เรียนรู้แลกเปลี่ยน Best Practice ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้รับการสืบสาน รักษา และต่อยอด โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สู่ "หลักอารยเกษตร" ที่ทำให้ประชาชนคนไทยได้รับการพัฒนาให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข" นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุ
ในบริบทดังกล่าว “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” (SEP) ซึ่งเป็นแนวคิดเชิงพัฒนาอันทรงคุณค่าของประเทศไทย จึงถูกหยิบยกขึ้นเป็นกรอบคิดสำคัญในการพิจารณาแนวทางการพัฒนาชนบทและการขจัดความยากจนอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค
แนวทางการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนในอาเซียน
-
การสร้างกลไกความร่วมมือระดับภูมิภาค
ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมกันกำหนดกลไกการดำเนินงาน เช่น การประชุมรัฐมนตรี (AMRDPE) การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส (SOMRDPE) และการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อกำหนดกรอบนโยบายและติดตามการขับเคลื่อน -
การมีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วน
มีการจัดเวทีเสวนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน (Public–Private–People Partnership: PPPP) ซึ่งสะท้อนการพัฒนาชนบทที่ไม่ได้จำกัดอยู่ในบทบาทของภาครัฐเท่านั้น แต่ยังอาศัยพลังของทุกภาคส่วน -
การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และ Best Practice
ผ่านกิจกรรมศึกษาดูงาน การประชุมเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียน (ASEAN Village Network: AVN) และการมอบรางวัลผู้นำด้านการพัฒนาชนบทและการแก้ไขความยากจน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและต้นแบบ -
การเชื่อมโยงกับประเทศคู่เจรจา (+3)
การมีส่วนร่วมของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ช่วยขยายขอบเขตความร่วมมือให้กว้างขึ้น ทั้งด้านเทคโนโลยีการเกษตร การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการเสริมสร้างศักยภาพชุมชน
การประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (SEP) ประกอบด้วยแนวทาง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ได้แก่
-
ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี
-
เงื่อนไขด้านความรู้ และเงื่อนไขด้านคุณธรรม
เมื่อนำมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาชนบทและการขจัดความยากจน สามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้:
-
ความพอประมาณ
ส่งเสริมการผลิตและการบริโภคอย่างสมดุล ชุมชนเกษตรในอาเซียนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดโลกมากเกินไป -
ความมีเหตุผล
การกำหนดนโยบายพัฒนาชนบทควรอิงข้อมูลจริงและความต้องการของชุมชน สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น ไม่ลอกเลียนแบบโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางสังคมและวัฒนธรรม -
การมีภูมิคุ้มกัน
การสร้างกลไกรองรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติ เช่น การส่งเสริมเกษตรยั่งยืน การพัฒนาทักษะอาชีพหลากหลาย และระบบสวัสดิการชุมชน -
เงื่อนไขด้านความรู้และคุณธรรม
การพัฒนาชนบทต้องอาศัยองค์ความรู้ที่เหมาะสม เช่น เทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ที่ผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ขณะเดียวกันต้องมีคุณธรรม เช่น ความโปร่งใสในการจัดสรรทรัพยากร และการบริหารจัดการที่เป็นธรรม
ความสำคัญต่อภูมิภาคอาเซียน
การบูรณาการ SEP เข้าสู่กรอบความร่วมมือ RDPE มีศักยภาพในการสร้างความยั่งยืนใน 3 มิติ ได้แก่:
-
เศรษฐกิจ: ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ สร้างเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็ง
-
สังคม: สร้างชุมชนที่มีความมั่นคงทางอาหาร การพึ่งพาตนเอง และการอยู่ร่วมอย่างสมานฉันท์
-
สิ่งแวดล้อม: สนับสนุนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุล ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการผลิตที่เกินความจำเป็น
บทสรุป
การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 14 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ไม่เพียงเป็นเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจาเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการนำเสนอ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ในฐานะกรอบคิดเชิงพัฒนาที่สามารถปรับใช้ได้จริง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่ชุมชนชนบท ลดความยากจน และนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน
แนวทางนี้ไม่เพียงสะท้อนภูมิปัญญาไทย แต่ยังสามารถเป็น ต้นแบบการพัฒนาในระดับภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมุ่งเน้นการพึ่งพาตนเอง ความยั่งยืน และการเติบโตที่สมดุล อันเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาชนบทในศตวรรษที่ 21

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น