วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2568

วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่าง Deep State และ Principled State ในมุมมองของ ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรมว.อว.


 
ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ ได้เสนอกรอบแนวคิดเปรียบเทียบระหว่าง Deep State และ Principled State ผ่านถ้อยคำที่กระชับว่า “หาก Deep State คือ Power Without Principle, Principled State คือ Power After Principle” ซึ่งสะท้อนการใช้อำนาจที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญต่อทิศทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

“รัฐพันลึก” หรือ Deep State หมายถึงโครงสร้างอำนาจที่ไม่เป็นทางการ แต่สามารถครอบงำหรือกำกับการตัดสินใจของรัฐโดยไม่ผ่านกลไกตรวจสอบและไม่ยึดโยงกับประชาชน มักถูกอธิบายว่าเป็น “รัฐซ้อนรัฐ” หรือ “กลไกเงา” ซึ่งดำเนินไปคู่ขนานกับรัฐทางการ ตรงกันข้าม “รัฐคุณธรรม” หรือ Principled State คือรัฐที่ใช้อำนาจบนฐานของหลักการ (Principle) โดยยึด Rule of Law ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และคุณธรรมเป็นรากฐาน

สำหรับประเทศไทย การติดอยู่ในโครงสร้างแบบ Deep State ทำให้เกิดภาวะ “รัฐครอบงำ” ซึ่งบั่นทอนศักยภาพในการแข่งขัน การฟื้นตัว และการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างสองรูปแบบรัฐนี้ จึงมิใช่เพียงการถกเถียงเชิงทฤษฎี หากแต่เป็นการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อความอยู่รอดและอนาคตของชาติ

กรอบการเปรียบเทียบ Deep State vs Principled State

1. Ethos และโครงสร้างอำนาจ

Ethos

Deep State: ใช้ “ความกลัว–ความมั่นคง–ผลประโยชน์” เป็นหลักคิด

Principled State: ใช้ “คุณค่า–ความเสมอภาค–ผลประโยชน์สาธารณะ” เป็นหลักคิด

โครงสร้างอำนาจ

Deep State: อำนาจกระจุกในเครือข่ายไม่เป็นทางการ เช่น กองทัพ ข้าราชการ ศาล หรือกลุ่มผลประโยชน์

Principled State: อำนาจกระจายผ่าน Rule of Law, Checks and Balances, และสถาบันอิสระ

ระบบคน

Deep State: แต่งตั้งตามระบบอุปถัมภ์และสายสัมพันธ์

Principled State: คัดเลือกโดยยึด Meritocracy และความสามารถ

2. เศรษฐกิจการเมืองและนโยบาย

เศรษฐกิจการเมือง

Deep State: เศรษฐกิจผูกขาด พึ่งพา Rent-Seeking

Principled State: เศรษฐกิจเปิด โปร่งใส เน้นนวัตกรรมและการแข่งขัน

นโยบายสาธารณะ

Deep State: เน้นผลประโยชน์ระยะสั้น แบบ Deal-driven และ Project-based

Principled State: ขับเคลื่อนด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-based) และมุ่งผลประโยชน์ระยะยาว

งบประมาณและการคลัง

Deep State: ใช้เพื่อสร้างเครือข่ายและซื้อความจงรักภักดี

Principled State: ใช้เพื่อ Common Good และการพัฒนาที่ยั่งยืน

3. สมรรถนะรัฐ–สังคม–ดิจิทัล

สมรรถนะรัฐ

Deep State: อ่อนแอ ขึ้นอยู่กับการแก้ปัญหาเฉพาะกิจ

Principled State: มี Delivery Capacity และ Policy Coherence

ทุนทางสังคมและความไว้วางใจ

Deep State: ระดับทุนสังคมต่ำ ความไม่ไว้วางใจสูง

Principled State: High Trust Society ที่รัฐ–เอกชน–ประชาชนร่วมมือกัน

ดิจิทัลและข้อมูล

Deep State: ข้อมูลเป็นอาวุธ ถูกกักเก็บและปกปิด

Principled State: ข้อมูลเป็นทุน เปิดเผย และเพิ่มมูลค่า

4. ผลลัพธ์เชิงยุทธศาสตร์

สถานะระหว่างประเทศ

Deep State: สูญเสียเครดิต ความน่าเชื่อต่ำ

Principled State: ได้รับการยอมรับ เป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือ

Resilience

Deep State: เปราะบางต่อวิกฤต

Principled State: ยืดหยุ่นและปรับตัวได้

ความสามารถในการแข่งขัน

Deep State: ติดกับดักรายได้ปานกลาง นวัตกรรมต่ำ

Principled State: ดึงดูดทุนมนุษย์และการลงทุนคุณภาพ

ความเสมอภาค

Deep State: เหลื่อมล้ำสูง สังคมแตกแยก

Principled State: Mobility สูงและโอกาสที่เท่าเทียม

ความเป็นอยู่ของประชาชน

Deep State: ประชาชนรู้สึกไร้พลัง ไม่มั่นคง

Principled State: ประชาชนมี Wellbeing, Security และ Sense of Agency

กรณีศึกษา

ปากีสถาน: Deep State โดยกองทัพครอบงำนโยบายการเมือง ทำให้ประเทศเปราะบาง

อียิปต์: กองทัพควบคุมเศรษฐกิจ 60% กดทับภาคเอกชน

เอสโตเนีย: จากรัฐอ่อนแอ สร้าง Digital Principled State ผ่าน e-Government และ Open Data

สิงคโปร์: ใช้ Meritocracy และ Anti-Corruption จนเป็น Global Hub

เกาหลีใต้: จาก Authoritarian State สู่ High-Tech Democracy

ดัชนีและตัวชี้วัด (Metrics)

Governance Indicators: Rule of Law, Control of Corruption

Competitiveness: Innovation, Productivity, Infrastructure

Equality: Gini Index, Social Mobility

Digital Governance: UN e-Gov Index, Open Data Index

Resilience: IMF, Global Preparedness Monitoring Board

นัยยะสำหรับประเทศไทย

ทำไมไทยยังติดกับ Deep State

ระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึก

ขาด Meritocracy

การเมืองขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม

ความกลัวมากกว่าความไว้วางใจ

ทำไมต้องเปลี่ยนผ่านสู่ Principled State

หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ความเหลื่อมล้ำ และความขัดแย้ง

สร้าง Resilience ท่ามกลางโลกป่วน

เพิ่มเครดิตบนเวทีโลก

เส้นทางการเปลี่ยนผ่าน

Reset Power Structure: ปฏิรูปกองทัพ ตุลาการ และระบบราชการ

Rebuild Trust Infrastructure: เปิดข้อมูลและจัดตั้งสถาบันอิสระ

Revive Human Capital: การศึกษาและนวัตกรรม

Reimagine National Strategy: เศรษฐกิจเขียว–ดิจิทัล

Reconnect to World: ใช้ยุทธศาสตร์ ASEAN Hedging และ Middle Power Diplomacy

บทสรุป

การเปรียบเทียบระหว่าง Deep State และ Principled State ชี้ให้เห็นว่า

Deep State คือเส้นทางสู่ รัฐเปราะบาง–ชาติถดถอย

Principled State คือเส้นทางสู่ รัฐมั่นคง–ชาติรุ่งเรือง

สำหรับประเทศไทย การเปลี่ยนผ่านจาก Deep State ไปสู่ Principled State จึงไม่ใช่ “ความหรูหรา” หากแต่เป็น “เงื่อนไขของการอยู่รอด” และการเป็นประเทศพัฒนาแล้ว หากยังคงติดอยู่ในโครงสร้างแบบ Deep State ความเสี่ยงคือ Failed Nation แต่หากเปลี่ยนผ่านได้สำเร็จ โอกาสคือ Flourishing Nation ที่มีศักดิ์ศรีบนเวทีโลก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...