ในห้วงเวลาที่โลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี ข้อมูลข่าวสาร และการเมืองระดับโลก ศาสนาต่างๆ ล้วนต้องเผชิญความท้าทายใหม่ๆ ศาสนาพุทธในประเทศไทยเองก็ไม่เว้น ข้อถกเถียงที่น่าสนใจคือ “พุทธแบบสถาบัน” กำลังเดินไปสู่ทางตันหรือไม่
พุทธแบบสถาบัน: เมื่อศาสนากลายเป็นเครื่องมือ
ในประวัติศาสตร์โลก หลายสังคมเผชิญการล่มสลายของศาสนาในฐานะ “สถาบัน” ที่ผูกติดกับอำนาจการเมืองและเศรษฐกิจ จนค่อยๆ สูญเสียความศรัทธาเดิมที่ตั้งอยู่บนหลักธรรม คำสอน และการปฏิบัติ
ในบริบทไทย “พุทธแบบสถาบัน” หมายถึงศาสนาที่เชื่อมโยงกับโครงสร้างอำนาจรัฐ—ตั้งแต่การจัดการคณะสงฆ์อย่างรวมศูนย์ การอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาในฐานะ “ศาสนาประจำชาติ” ไปจนถึงการใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมทางการเมือง ปัญหาที่ตามมาคือความเปราะบางต่อคำถามเรื่องความโปร่งใส ความเชื่อถือ และความทันสมัย
พุทธกับโลกสมัยใหม่: การปรับตัวที่ขาดไม่ได้
วิจักขณ พานิช เสนอประเด็นสำคัญว่า ในโลกปัจจุบัน ศาสนาพุทธไม่อาจยืนอยู่ได้ด้วยความศักดิ์สิทธิ์เชิงสถาบันเพียงอย่างเดียว แต่จำเป็นต้องกลับมาเน้น “พุทธเชิงปฏิบัติ” ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริงของผู้คน เช่น การฝึกสติ การอยู่กับความทุกข์และความสุขอย่างมีสติ รวมถึงการเปิดกว้างต่อการตีความและบทสนทนากับสังคมโลก
การจะทำให้ศาสนาพุทธยังคงมีชีวิตชีวาในโลกสมัยใหม่ อาจหมายถึงการปล่อยวางความยึดติดกับโครงสร้างอำนาจแบบเดิม และหันกลับมาสู่ “พุทธเพื่อมนุษย์” มากกว่าการปกป้อง “พุทธเพื่อสถาบัน”
บทเรียนจากอดีต: พุทธที่อยู่รอดคือพุทธที่ยืดหยุ่น
ประวัติศาสตร์ย้ำชัดว่าศาสนาที่ผูกติดตายตัวกับอำนาจทางการเมืองมักไม่ยืนยาว ขณะที่ศาสนาที่ปรับตัวได้ ยอมรับความเปลี่ยนแปลง และกลับสู่แก่นแท้ของคำสอน กลับดำรงอยู่และขยายตัวต่อไปได้
สำหรับสังคมไทย นี่อาจเป็นจังหวะสำคัญที่พุทธศาสนาจะทบทวนตนเองว่า จะเลือกเดินเส้นทางใดระหว่าง “พุทธแบบสถาบัน” ที่เสี่ยงต่อการล่มสลาย หรือ “พุทธเชิงปฏิบัติ” ที่อยู่กับโลกสมัยใหม่อย่างเท่าทัน
👉 สุดท้าย คำถามสำคัญที่สังคมไทยต้องร่วมกันคิดคือ:
เราต้องการพุทธศาสนาที่เป็นสัญลักษณ์เชิงอำนาจ หรือพุทธศาสนาที่เป็นพลังทางจิตวิญญาณจริงๆ ให้กับผู้คนในชีวิตประจำวัน?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น