วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2568

วิเคราะห์ศิลปะการเปลี่ยนใจผู้ไม่อยากเปลี่ยนจากคณะสงฆ์ป่วยสู่จุดเปลี่ยนที่เลี่ยงไม่ได้ จากฐานคิดของ ดร.สุวิทย์ เมฆินทรีย์


การปฏิรูปสังคมไทยมิได้จำกัดอยู่เพียงการเมืองหรือเศรษฐกิจ หากยังรวมถึงสถาบันศาสนาซึ่งมีบทบาทเป็นเสาหลักของชาติ คณะสงฆ์ไทยในปัจจุบันกำลังเผชิญวิกฤตหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความเสื่อมศรัทธาในหมู่ประชาชน ปัญหาการบริหารจัดการ การทุจริต หรือการไม่สามารถปรับตัวต่อโลกสมัยใหม่ ปรากฏการณ์เหล่านี้สะท้อนว่า คณะสงฆ์อยู่ในสภาวะ “ป่วย” และไม่สามารถยื้อระบบเดิมได้ตลอดไป



จากฐานคิดของ ดร.สุวิทย์ เมฆินทรีย์ การเผชิญหน้ากับ “ผู้ไม่อยากเปลี่ยน” — ไม่ว่าจะเป็น Deep State หรือ Deep Structure ในทางศาสนา — ล้วนเป็นโจทย์เดียวกัน ศิลปะการเปลี่ยนใจผู้ไม่อยากเปลี่ยน จึงเป็นกุญแจสำคัญในการนำคณะสงฆ์จาก “ภาวะป่วย” สู่ “จุดเปลี่ยนที่เลี่ยงไม่ได้”


1. ตรรกะการเอาตัวรอดของโครงสร้างคณะสงฆ์

คล้ายกับรัฐพันลึก คณะสงฆ์จำนวนหนึ่งยังคงขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอด มากกว่าการมุ่งสร้างคุณค่าแก่ศาสนิกชน ได้แก่

  • ตรรกะแห่งการควบคุม : รักษาอำนาจการปกครองและกฎระเบียบสงฆ์

  • ตรรกะแห่งการป้องกัน : กันตนเองจากแรงกดดันสังคมหรือการตรวจสอบ

  • ตรรกะแห่งการดูดทรัพยากร : ใช้ทรัพย์สินและสถาบันศาสนาเลี้ยงระบบอุปถัมภ์

ดังนั้น การเปลี่ยนใจไม่อาจอธิบายด้วยอุดมคติศาสนาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องทำให้เห็นว่า ตรรกะเดิมนำไปสู่หายนะทั้งต่อคณะสงฆ์เองและต่อศาสนาในภาพรวม


2. จุดเปลี่ยนที่เลี่ยงไม่ได้ของคณะสงฆ์

ดร.สุวิทย์ ชี้ว่า จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อโครงสร้างเดิมไปต่อไม่ได้ สำหรับคณะสงฆ์ไทย จุดเปลี่ยนสำคัญประกอบด้วย:

  1. วิกฤตศรัทธา – ประชาชนลดการทำบุญ วัดร้าง ผู้คนหันไปพึ่งจิตวิญญาณรูปแบบใหม่

  2. แรงกดดันทางสังคม – สื่อและสังคมออนไลน์เปิดโปงกรณีทุจริตหรือประพฤติผิดซ้ำๆ

  3. ความท้าทายจากโลกาภิวัตน์ – แนวคิดเสรีนิยมและศาสนาอื่นเข้ามาท้าทายบทบาทพุทธศาสนา

  4. ความขัดแย้งภายใน – สายการปกครองและผลประโยชน์ในหมู่พระชั้นผู้ใหญ่แตกแยก

  5. วิกฤตเชิงสัญลักษณ์ – เหตุการณ์ที่สะเทือนศรัทธา เช่น คดีอื้อฉาวใหญ่หรือวัดสำคัญถูกวิพากษ์

ปัจจัยเหล่านี้คือสัญญาณเตือนว่า หากคณะสงฆ์ไม่ยอมเปลี่ยน โครงสร้างทั้งหมดอาจพังทลายลงมาทับผู้รักษามันเอง


3. กลยุทธ์การโน้มน้าวสามชั้น

(A) เรื่องเล่าเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง

  • หากไม่ปฏิรูป คณะสงฆ์จะสูญเสียทั้งศรัทธาและอำนาจ

  • บทเรียนจากศาสนจักรในต่างประเทศที่เสื่อมอำนาจเพราะดื้อรั้น

  • ใช้ข้อมูลจริง เช่น จำนวนพระลดลง วัดร้างเพิ่มขึ้น ศรัทธาในคนรุ่นใหม่หายไป

(B) ทางลงที่ปลอดภัยและเกียรติยศใหม่

  • การเปลี่ยนไม่ใช่ความพ่ายแพ้ แต่คือการ “ถอยเชิงกลยุทธ์”

  • เสนอภาพลักษณ์ใหม่ในฐานะ “คณะสงฆ์ผู้กล้าปฏิรูป”

  • เปลี่ยนจาก “ผู้กอดระบบเดิม” เป็น “ผู้สถาปนายุคใหม่ของศาสนาไทย”

(C) พันธะอยู่รอดร่วมกัน

  • โลกป่วน ศาสนาไม่อาจอยู่รอดโดยลำพัง

  • หากแข่งขันกันเอง จะเปิดช่องให้ศาสนาอื่นแทรกซึม

  • เสนอ “อยู่รอดร่วมกัน” ระหว่างสงฆ์และฆราวาส เพื่อรักษาศาสนาและสถานะสงฆ์ไปพร้อมกัน


4. วิธีเดินเกมในสนามจริง

  • ใช้วิกฤตศรัทธาและแรงกดดันสังคมเป็น หน้าต่างโอกาส

  • ทำให้การเปลี่ยนแปลง เจ็บแต่คุมได้ เช่น ปรับโครงสร้างการเงินวัดแต่ยังรักษาหน้าพระผู้ใหญ่

  • ผูกผลลัพธ์การเปลี่ยนกับสิ่งที่จับต้องได้ เช่น ศรัทธากลับมา การบริจาคเพิ่มขึ้น

  • ใช้ต้นแบบเชิงบวก เช่น ญี่ปุ่นสมัยเมจิที่ปฏิรูปศาสนากับการพัฒนา


5. จุดเปลี่ยนเชิงบวกสำหรับคณะสงฆ์

  • แผนปฏิรูปศาสนา : พัฒนาระบบการศึกษา ปรับโครงสร้างการเงิน และสร้างพระนักพัฒนาชุมชน

  • ข้อตกลงใหม่ระหว่างสงฆ์–รัฐ–ฆราวาส : จัดสมดุลอำนาจและบทบาทในการพัฒนาสังคม

  • เรื่องเล่ากลางเพื่ออนาคตร่วม : ศาสนาที่ผสาน “เศรษฐกิจพอเพียง + เทคโนโลยี + คุณธรรม”


6. กลยุทธ์การสื่อสาร

  • จาก “เสียอำนาจ” → “ยกระดับบทบาทสงฆ์”

  • จาก “ถูกบังคับเปลี่ยน” → “เลือกปฏิรูปก่อนถูกกดดัน”

  • จาก “แพ้ในระบบเดิม” → “ชนะในบทบาทใหม่ที่ตอบโจทย์สังคม”


บทสรุป

ศิลปะการเปลี่ยนใจคณะสงฆ์ที่ไม่อยากเปลี่ยน มิใช่การใช้เหตุผลเชิงนโยบายหรือหลักธรรมเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการ “เปลี่ยนแรงจูงใจ” ผ่าน 3 เงื่อนไขสำคัญ คือ

  1. ทำให้การยึดระบบเดิมมีต้นทุนสูงขึ้นทุกวัน

  2. ทำให้อดีตใหม่ดูน่าอยู่และปลอดภัยกว่า

  3. มีตัวกลางที่น่าเชื่อถือ รับประกันว่าการเปลี่ยนไม่ใช่กับดัก

ประโยคปิดเกมตามฐานคิด ดร.สุวิทย์:
“นี่ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่คือการเลือกอยู่รอดในโลกใหม่ — ในแบบที่คณะสงฆ์ยังรักษาศรัทธา เกียรติยศ และบทบาททางสังคมที่ยั่งยืนกว่าเดิม”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พลวัตการทำหน้าที่สส.ของดร.นิยม เวชกามา มิติศาสนจักรและการเมือง

รายงานฉบับนี้มุ่งศึกษาวิเคราะห์บทบาท หน้าที่ และพฤติกรรมทางการเมืองของ ดร.นิยม เวชกามา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร และอดีตแกนนำพรรคเพื...