เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 พระเมธีวัชรบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดใหม่ยายแป้น เขตบางขุนนนท์ กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า พระอาจารย์ดุษฎี เมธงฺกฺโร เจ้าอาวาสวัดทุ่งไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ได้สะท้อนปัญหาในวงการสงฆ์ว่า ขณะนี้มีพระจำนวนไม่น้อยที่ตั้งคำถามถึงอนาคตของพระพุทธศาสนาไทย โดยบางกลุ่มต้องการหวนกลับไปปฏิบัติตามเถรวาทดั้งเดิมและพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด โดยไม่ขึ้นตรงกับโครงสร้างการปกครองสงฆ์ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505
พระเมธีวัชรบัณฑิตระบุว่า โครงสร้างสงฆ์ไทยในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับพระวินัยดั้งเดิม ยกตัวอย่าง ภิกษุมีพรรษาเกิน 10 ปีควรเป็นอุปัชฌาย์ได้ แต่กฎหมายสงฆ์ไทยกลับไม่อนุญาต ทำให้หลายรูปหันไปปลีกวิเวก ปฏิบัติตามแนวสายป่า เช่น การถือนิสัย 4 การอยู่ป่า การธุดงค์ การปฏิเสธการถือครองเงินส่วนตัว ซึ่งสะท้อนความพยายามกลับคืนสู่หลักพระธรรมวินัยแท้จริง
นอกจากนี้ พระเมธีวัชรบัณฑิตยังยกตัวอย่างชุมชนศาสนาอื่น เช่น ชาวคริสต์ที่เมือง Bose ประเทศอิตาลี ซึ่งรวมกลุ่มกว่า 40 คน ปลีกตัวจากวิถีเมือง ใช้ชีวิตเรียบง่าย ปฏิบัติธรรมและพึ่งพาตนเองในการเกษตร ซึ่งเป็นแนวทางที่คล้ายคลึงกับพระสายป่าของไทย
พระเมธีวัชรบัณฑิตกล่าวด้วยว่า ปัญหาหลักของพระพุทธศาสนาไทยอยู่ที่ “โครงสร้าง” หากไม่ปรับแก้กฎหมายคณะสงฆ์ให้สอดรับกับพระธรรมวินัยและความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ศาสนาอาจกลายเป็นภาระแทนที่จะเป็นที่พึ่งของสังคม พร้อมทั้งเสนอว่าควรมีการจัดสัมมนาระดับชาติเพื่อกำหนดทิศทางอนาคตพระพุทธศาสนา โดยเปิดพื้นที่ให้พระนอกระบบ นักวิชาการสงฆ์ และผู้ทำงานภาคศาสนาได้ร่วมแสดงความเห็น
“เราไม่อาจฝากความหวังไว้กับโครงสร้างหรือผู้มีอำนาจได้ทั้งหมด ศาสนาจะอยู่ได้ด้วยการปฏิบัติของพุทธบริษัท 4 และการรักษาพระธรรมวินัยอย่างแท้จริง” พระเมธีวัชรบัณฑิตกล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น