บทนำ
ความสัมพันธ์ระหว่างศาสนาพุทธกับสังคมไทยเป็นประเด็นที่ได้รับการถกเถียงมาโดยตลอด โดยเฉพาะบทบาทของคณะสงฆ์ไทยต่อวิกฤตสังคมและการเมืองร่วมสมัย นิธิ เอียวศรีวงศ์ หนึ่งในนักประวัติศาสตร์และนักคิดสังคมไทยที่สำคัญ ได้ชี้ให้เห็นถึงข้อจำกัดของ “พุทธไทย” ว่ามักถูกทำให้เหลือเพียงพิธีกรรมเชิงสัญลักษณ์ ไม่สามารถตอบโจทย์ต่อความขัดแย้งและปัญหาเชิงโครงสร้างได้
ในกรณีความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา แม้คณะสงฆ์ไทยส่วนใหญ่จะไม่แสดงบทบาทเชิงสาธารณะ แต่พระปัญญาวชิรโมลี (เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม) ได้สะท้อนแนวทางอีกมิติหนึ่ง ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคม เช่น การสร้างถนนในพื้นที่ชายแดนและการจัดมหาทานเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เปราะบาง กิจกรรมเหล่านี้นับเป็นการแสดงบทบาท “พุทธเชิงปฏิบัติ” ที่มีนัยสำคัญต่อการวิเคราะห์ในเชิงโครงสร้างและวัฒนธรรม
พุทธไทยกับความเงียบงันต่อวิกฤต
นิธิ เอียวศรีวงศ์ วิพากษ์ว่าคณะสงฆ์ไทยมักนิ่งเฉยต่อวิกฤตทางการเมืองและสังคม ทั้งการยึดอำนาจหรือความรุนแรงทางการเมือง ตลอดจนกรณีพิพาทชายแดนที่ควรเป็นพื้นที่ของการไกล่เกลี่ยและสร้างวัฒนธรรมสันติ แต่สงฆ์ไทยกลับไม่สามารถก้าวข้ามบทบาทเชิงพิธีกรรม
ทว่า หากพิจารณาบทบาทของพระปัญญาวชิรโมลี การลงมือสร้างถนนในพื้นที่ชายแดนถือเป็นการแสดงออกเชิงสาธารณะที่แตกต่างจาก “ความเงียบงัน” เพราะมิใช่เพียงพิธีกรรม แต่เป็นการเข้าไปแก้ไขโครงสร้างทางกายภาพที่เกี่ยวพันกับความมั่นคงและคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยตรง
บทบาทพระปัญญาวชิรโมลี: พุทธเชิงปฏิบัติ
กิจกรรมของพระปัญญาวชิรโมลี เช่น
-
การตัดถนนคอนกรีตและถนนลูกรังในแนวปะทะชายแดน — นอกจากเพื่อความสะดวกปลอดภัยในการสัญจร ยังสะท้อนการมองการณ์ไกล หากเกิดเหตุปะทะ รถทุกคันจะไม่ติดหล่ม เป็นการเชื่อมโยงบทบาทสงฆ์กับความมั่นคงของรัฐ
-
มหาทานสงเคราะห์โลก — แจกจ่ายข้าวสาร อาหาร ไข่ไก่ น้ำปลา น้ำมันพืชแก่ผู้ยากไร้ นักเรียน และผู้ป่วยติดเตียง กิจกรรมนี้ลดความเดือดร้อนของประชาชน และสร้างทุนทางสังคมที่เชื่อมโยงรัฐ–ชุมชน–ศาสนา
กิจกรรมทั้งสองมิใช่เพียงการทำบุญ แต่เป็นการปฏิบัติการเชิงโครงสร้างที่แสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนายังสามารถตอบโจทย์วิกฤตสังคมได้ หากสงฆ์ก้าวข้ามกรอบความเป็นเพียง “เฟอร์นิเจอร์ทางวัฒนธรรม”
การเชื่อมโยงกับฐานคิดของนิธิ เอียวศรีวงศ์
-
พุทธไทยที่ตอบเพียงระดับปัจเจก
นิธิชี้ว่าพุทธไทยมักสอนให้ “ทำใจ” “ขยัน” หรือ “อดออม” ซึ่งแก้ปัญหาได้เพียงปัจเจก แต่ไม่แตะปัญหาเชิงโครงสร้าง
→ กรณีพระปัญญาวชิรโมลีแตกต่าง เพราะการสร้างถนนและการจัดมหาทานเป็นการจัดการกับ “โครงสร้าง” ที่กระทบผู้คนจำนวนมาก -
คณะสงฆ์ไทยกับการถูกควบคุมโดยรัฐ
นิธิอธิบายว่าคณะสงฆ์ถูกจัดระเบียบโดยรัฐ จนไม่สามารถเคลื่อนไหวอิสระเพื่อสังคมได้
→ แต่บทบาทของพระปัญญาวชิรโมลีสะท้อนการสร้าง “พื้นที่อิสระ” ให้สงฆ์ยังสามารถแสดงบทบาททางสาธารณะนอกเหนือจากกรอบที่รัฐกำหนด -
พุทธไทยในเชิงสัญลักษณ์
นิธิระบุว่า คณะสงฆ์ทำได้เพียงพิธีกรรมหรือคำสอนเชิงนามธรรม
→ แต่กรณีนี้ พระปัญญาวชิรโมลีลงมือทำจริงในเชิงกายภาพและสังคม ซึ่งขยายบทบาทพุทธไทยจากสัญลักษณ์ไปสู่การปฏิบัติการ
การเปรียบเทียบในบริบทภูมิภาค
เมื่อเทียบกับกัมพูชา พุทธศาสนาในพื้นที่ชายแดนมีพลังเชื่อมโยงกับการเมืองและวัฒนธรรมท้องถิ่นได้มากกว่า ขณะที่พุทธไทยโดยรวมกลับไม่ถูกใช้เป็นพลังทางสันติภาพในระดับรัฐ แต่บทบาทพระปัญญาวชิรโมลีชี้ให้เห็นความเป็นไปได้ใหม่ของ “พุทธไทย” ที่อาจกลับมาเป็นพลังสาธารณะ หากได้รับการสนับสนุนและยอมรับ
บทสรุป
กรณีพระปัญญาวชิรโมลีสะท้อนว่า แม้คณะสงฆ์ไทยโดยรวมจะถูกวิพากษ์ว่าไร้บทบาทเชิงสาธารณะในวิกฤตสังคมและการเมือง แต่ยังมีพระสงฆ์บางรูปที่ก้าวข้ามข้อจำกัดนั้นได้ กิจกรรมการสร้างถนนและการจัดมหาทานมิใช่เพียงการทำบุญ แต่เป็นการแสดงบทบาทเชิงโครงสร้างที่สามารถช่วยลดความขัดแย้งและเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน
เมื่อมองผ่านฐานคิดของนิธิ เอียวศรีวงศ์ จะเห็นว่า พระปัญญาวชิรโมลีคือข้อยกเว้นที่ท้าทายภาพจำของ “พุทธไทยเชิงพิธีกรรม” และเปิดประตูไปสู่ความเป็นไปได้ใหม่ของคณะสงฆ์ไทยในฐานะพลังทางสังคมและการเมือง หากสามารถต่อยอดบทบาทเช่นนี้ พุทธศาสนาไทยก็อาจไม่เพียงเป็น “เฟอร์นิเจอร์ทางวัฒนธรรม” อย่างที่นิธิเตือน แต่จะเป็นพลังสร้างสรรค์เพื่อสันติภาพทั้งในระดับชาติและภูมิภาค

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น