วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2568

วิเคราะห์ศิลปะการเปลี่ยนใจผู้ไม่อยากเปลี่ยน: จาก “โลกป่วน–ไทยป่วย” สู่ “จุดเปลี่ยนที่เลี่ยงไม่ได้” มุมมองของ ดร.สุวิทย์ เมฆินทรีย์


การปฏิรูปการเมืองและสังคมไทยเป็นโจทย์ที่ซับซ้อนและยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน ปัญหาใหญ่ไม่ใช่เพียงการออกแบบนโยบายใหม่ แต่คือการเผชิญหน้ากับ “ผู้มีอำนาจที่ไม่อยากเปลี่ยน” หรือโครงสร้าง รัฐพันลึก (Deep State) ที่ดำรงอยู่ด้วยผลประโยชน์และกลไกการควบคุมแบบเดิมๆ อย่างไรก็ตาม โลกยุคปัจจุบันกลับเต็มไปด้วยความปั่นป่วน เศรษฐกิจ สังคม การเมือง และเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ทำให้ประเทศไทยติดอยู่ในสภาวะที่ “โลกป่วน–ไทยป่วย” และไม่สามารถยื้อเวลาไปได้ตลอดกาล

จากมุมมองของ ดร.สุวิทย์ เมฆินทรีย์ คำถามเชิงโครงสร้างจึงไม่ใช่ “จะปฏิรูปหรือไม่” แต่คือ “จะเลือกปฏิรูปก่อน หรือจะถูกบังคับให้ปฏิรูปหลังจากระบบพังครืนลงมา” ซึ่งนี่คือศิลปะการโน้มน้าวและเปลี่ยนใจผู้ที่ไม่อยากเปลี่ยน — การทำให้เห็นว่า ต้นทุนของการดื้อดึงสูงกว่าการเปลี่ยน


1. ตรรกะการเอาตัวรอด (Logic of Survival)

Deep State ขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอดมากกว่าเหตุผลเชิงนโยบาย ได้แก่

  • ตรรกะแห่งการควบคุม : การยึดอำนาจและกติกาเป็นหลักประกัน

  • ตรรกะแห่งการป้องกัน : การกันตนเองจากภัยคุกคาม

  • ตรรกะแห่งการดูดทรัพยากร : การเลี้ยงระบบอุปถัมภ์

ดังนั้น การเปลี่ยนใจไม่อาจทำได้ด้วยเหตุผลเชิงอุดมคติ หากแต่ต้องทำให้ผู้มีอำนาจตระหนักว่า ตรรกะเดิมกำลังพาไปสู่หายนะ และเส้นทางใหม่ต่างหากที่จะมอบ “ความปลอดภัย” และ “สถานะที่ยั่งยืนกว่า”


2. จุดเปลี่ยนที่เลี่ยงไม่ได้ (Trigger Point)

ดร.สุวิทย์ ชี้ว่า จุดเปลี่ยนคือช่วงเวลาที่ระบบเดิมไปต่อไม่ได้ และผู้มีอำนาจถูกบังคับให้เลือกว่าจะ “เปลี่ยน” หรือจะ “พังไปด้วยกัน” ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยเผชิญ 5 จุดเปลี่ยนสำคัญ ได้แก่:

  1. เศรษฐกิจช็อก – การลงทุนหาย แรงงานหนีออกนอก

  2. สังคมเดือด – การประท้วงและความไม่พอใจที่ควบคุมไม่ได้

  3. แรงกดดันภูมิรัฐศาสตร์ – ไทยเสี่ยงถูกบีบเป็นห่วงโซ่อ่อนที่สุด

  4. ขัดแย้งในหมู่ชนชั้นนำ – ระบบอุปถัมภ์แตกหักจากภายใน

  5. วิกฤตเชิงสัญลักษณ์ – ผลสอบตก เศรษฐกิจถดถอย หรือภัยพิบัติที่ทำให้ไทยเสียหน้าโลก

ทุกปัจจัยคือ “สัญญาณเตือน” ที่หากยังดื้อดึง ระบบจะถล่มทับผู้เกาะกุมอำนาจเอง


3. กลยุทธ์การโน้มน้าวสามชั้น (Triple Layer Persuasion)

ดร.สุวิทย์เสนอศิลปะการเปลี่ยนใจผู้ไม่อยากเปลี่ยน ผ่านการโน้มน้าว 3 ชั้น คือ:

(A) เรื่องเล่าเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง

  • ถ้าไม่ปรับวันนี้ จะสูญเสียมากกว่าที่เคยมี

  • ยกบทเรียนผู้นำต่างประเทศที่ล่มสลายเพราะดื้อรั้น (มาร์กอส, ซูฮาร์โต)

  • ใช้ข้อเท็จจริงกดดัน เช่น เศรษฐกิจทรุด โลกไม่เชื่อมั่น

(B) ทางลงที่ปลอดภัยและเกียรติยศใหม่

  • การเปลี่ยนไม่ใช่ความพ่ายแพ้ แต่คือการถอยเชิงกลยุทธ์

  • เสนอภาพลักษณ์ใหม่ในฐานะ “สถาปนิกแห่งยุคใหม่”

  • ให้เกียรติฐานะ “ผู้นำผู้กล้าปฏิรูป” แทน “ผู้กอดซากจนจม”

(C) พันธะอยู่รอดร่วมกัน

  • โลกไร้พรมแดน ไม่มีใครรอดลำพัง

  • หากแย่งชิงกันเองจะเปิดช่องให้ต่างชาติเข้ามาครอบงำ

  • จึงต้องเสนอ “อยู่รอดร่วมกัน” ที่รักษาประเทศและสถานะของชนชั้นนำไปพร้อมกัน


4. วิธีเดินเกมในสนามจริง (Tactical Moves)

ศิลปะเชิงปฏิบัติในการเปลี่ยนใจ คือการเลือก “สนามและจังหวะ” ที่ถูกต้อง เช่น

  1. ใช้วิกฤตเศรษฐกิจหรือความมั่นคงเป็น หน้าต่างโอกาส

  2. ทำให้การเปลี่ยนเป็น เจ็บแต่คุมได้

  3. ผูกผลดีระยะยาวเข้ากับผลลัพธ์จับต้องได้ เช่น นักลงทุนกลับมา

  4. ใช้ต้นแบบเพื่อนบ้านที่ถอยอย่างมีศักดิ์ศรี เช่น ชิลี หรือสเปน


5. จุดเปลี่ยนเชิงบวก (Positive Trigger)

แทนที่จะรอให้ “จุดเปลี่ยนบังคับ” มาถล่ม ประเทศไทยควรสร้าง “จุดเปลี่ยนเชิงบวก” ที่จูงใจให้ Deep State เปลี่ยนด้วยตนเอง ได้แก่

  • แผนปฏิรูปทั้งระบบ : ดึงทุน เทคโนโลยี และความเชื่อมั่นกลับมา (เช่น Doi Moi ของเวียดนาม, Meiji ของญี่ปุ่น)

  • ข้อตกลงใหญ่ระหว่างชนชั้นนำ : ดีลการเมืองแบบ CODESA ของแอฟริกาใต้

  • เรื่องเล่ากลางเพื่ออนาคตร่วม : ผสม “เศรษฐกิจพอเพียง + เทคโนโลยี + คุณธรรม”


6. กลยุทธ์การสื่อสาร (Messaging Strategy)

สารที่จะโน้มน้าวต้องสื่อสารในมิติที่กลับด้าน เช่น:

  • จาก “เสียอำนาจ” → “ยกระดับอำนาจ”

  • จาก “ถูกบังคับเปลี่ยน” → “เลือกเปลี่ยนก่อนถูกเปลี่ยน”

  • จาก “แพ้ในเกมเก่า” → “ชนะในเกมโลกใหม่”


บทสรุป

ศิลปะการเปลี่ยนใจผู้ไม่อยากเปลี่ยน ไม่ได้อยู่ที่การยกเหตุผลเชิงนโยบาย หากแต่เป็นการ “เปลี่ยนแรงจูงใจ” ผ่าน 3 เงื่อนไขสำคัญ คือ

  1. ทำให้ต้นทุนของการยึดระบบเดิมสูงขึ้นทุกวัน

  2. ทำให้อนาคตใหม่ดูน่าอยู่กว่าทางเลือกอื่น

  3. มีตัวกลางที่น่าเชื่อถือ รับประกันว่าดีลการเปลี่ยนไม่ใช่กับดัก

ประโยคปิดเกมตามแนวคิดของ ดร.สุวิทย์:
“นี่ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่คือการเลือกอยู่รอดในโลกใหม่ — ในแบบที่ยังรักษาสถานะ เกียรติยศ และอำนาจที่ยั่งยืนกว่าเดิม”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...