วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2568

คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ชงพิมพ์เขียว SMEs ไทย



ผู้ประกอบการ SMEs (Small and Medium Enterprises) ถือเป็นกลไกหลักของเศรษฐกิจไทย โดยมีสัดส่วนกว่า 99% ของวิสาหกิจทั้งหมด และสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ราวหนึ่งในสาม การดำรงอยู่ของ SMEs จึงเป็นรากฐานที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจและการจ้างงานในสังคมไทย อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน SMEs ไทยต้องเผชิญวิกฤติครั้งใหญ่จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการต่างชาติ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจดิจิทัลและตลาดโลก

จากรายงานผลการศึกษาและการแถลงของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา พบว่า SMEs ไทยอยู่ในสภาวะ “ใกล้ดับ” อันเนื่องมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า การไม่ได้รับการอุดหนุนจากภาครัฐในระดับที่เพียงพอ และการถูกแทรกซึมจากธุรกิจนอมินีและสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อกอบกู้สถานการณ์ คณะอนุกรรมาธิการฯ จึงได้จัดทำ “พิมพ์เขียว SMEs ไทย” ซึ่งถือเป็นแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ในการพลิกฟื้น SMEs ของประเทศ


1. วิกฤติ SMEs ไทยในบริบทเศรษฐกิจโลก

SMEs ไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดัน 3 ประการหลัก ได้แก่

  1. การแข่งขันจากต่างชาติ – ผู้ประกอบการต่างชาติมีต้นทุนต่ำ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของตน และเข้ามาตีตลาดไทยผ่านช่องโหว่กฎหมาย

  2. การขยายตัวของ E-commerce และสินค้านำเข้าราคาถูก – ตลาดออนไลน์กลายเป็นช่องทางหลักของการค้าขาย แต่กลับเต็มไปด้วยสินค้าราคาต่ำ ไร้มาตรฐาน ส่งผลให้ SMEs ไทยแข่งขันได้ยาก

  3. ข้อจำกัดด้านนโยบายและโครงสร้างในประเทศ – การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการสนับสนุนจากรัฐยังไม่เพียงพอ ระบบกฎหมายยังขาดความเข้มงวดในการปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทย


2. พิมพ์เขียว SMEs ไทย: กรอบยุทธศาสตร์เพื่อกอบกู้วิกฤติ

จากผลการศึกษาและการสัมมนาของคณะอนุกรรมาธิการ ได้สรุปแนวทางเชิงนโยบายไว้เป็น “พิมพ์เขียว SMEs ไทย” โดยประกอบด้วยมาตรการสำคัญดังนี้

2.1 มาตรการเยียวยาทางการค้า (Trade Remedies)

  • ผลักดันมาตรการปกป้อง (Safeguards) และการใช้ภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping)

  • สนับสนุนการใช้มาตรฐานคุณภาพสินค้า (Standards) เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน

2.2 การควบคุมการนำเข้าสินค้าออนไลน์ราคาถูก

  • สร้างระบบตรวจสอบมาตรฐานสินค้า E-commerce

  • ควบคุมสินค้านำเข้าที่ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัย

  • ปรับกฎหมายให้สอดคล้องกับการค้าในโลกดิจิทัล

2.3 การป้องกันธุรกิจนอมินี

  • ปิดช่องโหว่ทางกฎหมายที่ต่างชาติใช้ในการตั้งนอมินีแฝงเป็นผู้ประกอบการไทย

  • เสริมระบบตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้ประกอบการท้องถิ่น

2.4 การจัดระเบียบตลาด E-commerce

  • พัฒนากฎเกณฑ์การแข่งขันที่เป็นธรรมในแพลตฟอร์มออนไลน์

  • ส่งเสริมให้ SMEs ไทยเข้าถึงตลาดดิจิทัลด้วยต้นทุนที่ไม่สูงเกินไป

  • สนับสนุนการสร้างแพลตฟอร์ม E-commerce ไทยที่สามารถแข่งขันกับต่างชาติได้


3. ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์

ข้อเสนอ “พิมพ์เขียว SMEs ไทย” ไม่ได้เป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่มีเป้าหมายเชิงโครงสร้างระยะยาวในการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ SMEs ไทยใน 3 มิติ คือ

  1. เศรษฐกิจ – สร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ

  2. สังคม – รักษาการจ้างงาน ลดความเหลื่อมล้ำ และเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจฐานราก

  3. การเมืองและความมั่นคงทางการค้า – ลดการพึ่งพาต่างชาติ และป้องกันการครอบงำตลาด


4. สรุปและข้อเสนอแนะ

SMEs ไทยกำลังอยู่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ การจัดทำ “พิมพ์เขียว SMEs ไทย” จึงเป็นทั้ง “เครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์” และ “สัญญาณเตือนภัย” ที่ชี้ให้เห็นถึงความเร่งด่วนของการปฏิรูปนโยบายเพื่อปกป้องผู้ประกอบการไทยให้สามารถยืนหยัดบนเวทีเศรษฐกิจโลกได้

ดังนั้น ภาครัฐ ภาคเอกชน และสังคมไทยต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนมาตรการเหล่านี้ไปสู่การปฏิบัติจริง เพื่อให้ SMEs ไม่เพียงแค่ “อยู่รอด” แต่สามารถ “เติบโตอย่างยั่งยืน” และเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...