ผู้ประกอบการ SMEs (Small and Medium Enterprises) ถือเป็นกลไกหลักของเศรษฐกิจไทย โดยมีสัดส่วนกว่า 99% ของวิสาหกิจทั้งหมด และสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ราวหนึ่งในสาม การดำรงอยู่ของ SMEs จึงเป็นรากฐานที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจและการจ้างงานในสังคมไทย อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน SMEs ไทยต้องเผชิญวิกฤติครั้งใหญ่จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการต่างชาติ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจดิจิทัลและตลาดโลก
จากรายงานผลการศึกษาและการแถลงของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา พบว่า SMEs ไทยอยู่ในสภาวะ “ใกล้ดับ” อันเนื่องมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า การไม่ได้รับการอุดหนุนจากภาครัฐในระดับที่เพียงพอ และการถูกแทรกซึมจากธุรกิจนอมินีและสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อกอบกู้สถานการณ์ คณะอนุกรรมาธิการฯ จึงได้จัดทำ “พิมพ์เขียว SMEs ไทย” ซึ่งถือเป็นแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ในการพลิกฟื้น SMEs ของประเทศ
1. วิกฤติ SMEs ไทยในบริบทเศรษฐกิจโลก
SMEs ไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดัน 3 ประการหลัก ได้แก่
-
การแข่งขันจากต่างชาติ – ผู้ประกอบการต่างชาติมีต้นทุนต่ำ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของตน และเข้ามาตีตลาดไทยผ่านช่องโหว่กฎหมาย
-
การขยายตัวของ E-commerce และสินค้านำเข้าราคาถูก – ตลาดออนไลน์กลายเป็นช่องทางหลักของการค้าขาย แต่กลับเต็มไปด้วยสินค้าราคาต่ำ ไร้มาตรฐาน ส่งผลให้ SMEs ไทยแข่งขันได้ยาก
-
ข้อจำกัดด้านนโยบายและโครงสร้างในประเทศ – การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการสนับสนุนจากรัฐยังไม่เพียงพอ ระบบกฎหมายยังขาดความเข้มงวดในการปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทย
2. พิมพ์เขียว SMEs ไทย: กรอบยุทธศาสตร์เพื่อกอบกู้วิกฤติ
จากผลการศึกษาและการสัมมนาของคณะอนุกรรมาธิการ ได้สรุปแนวทางเชิงนโยบายไว้เป็น “พิมพ์เขียว SMEs ไทย” โดยประกอบด้วยมาตรการสำคัญดังนี้
2.1 มาตรการเยียวยาทางการค้า (Trade Remedies)
-
ผลักดันมาตรการปกป้อง (Safeguards) และการใช้ภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping)
-
สนับสนุนการใช้มาตรฐานคุณภาพสินค้า (Standards) เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน
2.2 การควบคุมการนำเข้าสินค้าออนไลน์ราคาถูก
-
สร้างระบบตรวจสอบมาตรฐานสินค้า E-commerce
-
ควบคุมสินค้านำเข้าที่ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัย
-
ปรับกฎหมายให้สอดคล้องกับการค้าในโลกดิจิทัล
2.3 การป้องกันธุรกิจนอมินี
-
ปิดช่องโหว่ทางกฎหมายที่ต่างชาติใช้ในการตั้งนอมินีแฝงเป็นผู้ประกอบการไทย
-
เสริมระบบตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้ประกอบการท้องถิ่น
2.4 การจัดระเบียบตลาด E-commerce
-
พัฒนากฎเกณฑ์การแข่งขันที่เป็นธรรมในแพลตฟอร์มออนไลน์
-
ส่งเสริมให้ SMEs ไทยเข้าถึงตลาดดิจิทัลด้วยต้นทุนที่ไม่สูงเกินไป
-
สนับสนุนการสร้างแพลตฟอร์ม E-commerce ไทยที่สามารถแข่งขันกับต่างชาติได้
3. ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์
ข้อเสนอ “พิมพ์เขียว SMEs ไทย” ไม่ได้เป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่มีเป้าหมายเชิงโครงสร้างระยะยาวในการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ SMEs ไทยใน 3 มิติ คือ
-
เศรษฐกิจ – สร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ
-
สังคม – รักษาการจ้างงาน ลดความเหลื่อมล้ำ และเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจฐานราก
-
การเมืองและความมั่นคงทางการค้า – ลดการพึ่งพาต่างชาติ และป้องกันการครอบงำตลาด
4. สรุปและข้อเสนอแนะ
SMEs ไทยกำลังอยู่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ การจัดทำ “พิมพ์เขียว SMEs ไทย” จึงเป็นทั้ง “เครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์” และ “สัญญาณเตือนภัย” ที่ชี้ให้เห็นถึงความเร่งด่วนของการปฏิรูปนโยบายเพื่อปกป้องผู้ประกอบการไทยให้สามารถยืนหยัดบนเวทีเศรษฐกิจโลกได้
ดังนั้น ภาครัฐ ภาคเอกชน และสังคมไทยต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนมาตรการเหล่านี้ไปสู่การปฏิบัติจริง เพื่อให้ SMEs ไม่เพียงแค่ “อยู่รอด” แต่สามารถ “เติบโตอย่างยั่งยืน” และเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น