วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568

วิเคราะห์ผลกระทบเหตุจากคลิป AI นักร้องดังระดับโลก แปลงบทสวดกุสลาธัมมามาร้องเป็นเพลง


ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เข้ามามีบทบาทอย่างกว้างขวางในชีวิตประจำวัน หนึ่งในประเด็นที่สร้างการถกเถียงในสังคมไทยเมื่อไม่นานมานี้ คือกรณีคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็น Mariah Carey และ Gloria Gaynor นักร้องดังระดับโลก นำบทสวดทางพุทธศาสนาที่ใช้ในพิธีศพ ได้แก่
กุสลาธัมมา และ สัพพีติโย มาขับร้องในรูปแบบเพลงป๊อป โดยแม้จะมีการตรวจสอบในภายหลังว่าเป็นผลงานที่สร้างขึ้นจาก AI มิใช่การร้องจริง แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในสังคมอย่างกว้างขวาง ทั้งในเชิงศาสนา วัฒนธรรม และการรับรู้ของคนต่างรุ่น

ประเด็นปัญหาและความแตกต่างระหว่างรุ่น

กรณีนี้สะท้อนความแตกต่างทางทัศนคติระหว่างคนรุ่นก่อนกับคนรุ่นใหม่ คนรุ่นก่อนส่วนใหญ่รับไม่ได้กับการนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาผสมกับความบันเทิง ขณะที่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z หรือผู้ที่ไม่ยึดโยงกับศาสนา มองว่าเป็นเรื่องปกติ และอาจเห็นว่าเป็นการสร้างสีสันใหม่ให้กับวัฒนธรรมดั้งเดิม สิ่งนี้จึงนำไปสู่ความขัดแย้งทางความคิดและความรู้สึกในสังคม

การวิเคราะห์เชิงทฤษฎี “ปิรามิดมนุษย์”

การทำความเข้าใจผลกระทบของปรากฏการณ์ดังกล่าวสามารถอธิบายผ่านทฤษฎี “ปิรามิดมนุษย์” ซึ่งแบ่งผู้คนออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

  1. ส่วนยอดปิรามิด – กลุ่มคนที่มีความรู้ ความสามารถสูง สามารถตีความและใช้เหตุผลได้ลึกซึ้ง

  2. ส่วนกลางของปิรามิด – กลุ่มคนที่เปิดรับการเรียนรู้ สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมได้เร็ว

  3. ส่วนฐานของปิรามิด – กลุ่มคนที่มีจำนวนมากที่สุด แต่ยังคงยึดติดกับประเพณีหรือการปฏิบัติเชิงศรัทธาแบบไม่เข้าใจแก่นแท้

เมื่อปรากฏการณ์ AI นำบทสวดมาร้องเป็นเพลงเผยแพร่ออกไป คนกลุ่มกลางจะเป็น “กลุ่มเป้าหมายหลัก” ที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะกลุ่มนี้มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติทั้งของตนเองและเป็นแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มฐาน หากกลุ่มกลางตีความและใช้ประโยชน์จากการปรับประยุกต์เช่นนี้ได้อย่างสร้างสรรค์ ศาสนาอาจได้รับการสืบสานต่อไป แต่หากกลุ่มนี้กลับมองว่าเป็นเพียง “กระแสความบันเทิง” ความศรัทธาก็อาจถูกทำให้เจือจางลง

ผลกระทบต่อพระพุทธศาสนา

  1. ด้านบวก

    • กระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สนใจศาสนา หันมาใส่ใจบทสวดหรือแหล่งที่มาของเนื้อหา

    • เปิดมิติใหม่ในการสื่อสารศาสนาให้สอดคล้องกับโลกดิจิทัลและวัฒนธรรมร่วมสมัย

    • สร้างโอกาสให้พระสงฆ์และนักการศาสนาใช้เทคโนโลยี AI เป็นเครื่องมือเผยแผ่หลักธรรม

  2. ด้านลบ

    • เสี่ยงต่อการลดทอนคุณค่าความศักดิ์สิทธิ์ของบทสวดให้กลายเป็นเพียง “ความบันเทิง”

    • อาจนำไปสู่การบิดเบือนความหมายทางศาสนา หากผู้ฟังไม่เข้าใจเนื้อหาที่แท้จริง

    • สร้างความขัดแย้งระหว่างคนต่างรุ่น และอาจทำให้บางส่วนมองว่าศาสนาเสื่อมถอย

ข้อสังเกตเพิ่มเติม

  • คนจำนวนมากในสังคมไทยที่สวดมนต์อยู่แล้ว อาจไม่ได้เข้าใจความหมายของบทสวดอย่างแท้จริง จึงไม่ต่างจากการร้องตาม AI หากขาดการตีความสาระ

  • ปรากฏการณ์นี้คล้ายกับแนวทางการเทศน์แนวใหม่ในรอบร้อยปีที่ผ่านมา ที่บางครั้งใช้มุขตลกหรือถ้อยคำที่ผู้ใหญ่เห็นว่าไม่เหมาะสม แต่กลับได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ หากสาระยังคงถูกต้องตามหลักธรรม สิ่งเหล่านี้ก็อาจเป็น “เทคนิคทางการตลาด” ที่ช่วยให้ศาสนาเข้าถึงผู้คนได้ง่ายขึ้น

บทสรุปและข้อเสนอแนะ

กรณี AI สร้างคลิปเสียงนักร้องดังระดับโลกนำบทสวด กุสลาธัมมา มาร้องเป็นเพลง สะท้อนความเปลี่ยนแปลงเชิงวัฒนธรรมที่ท้าทายพระพุทธศาสนาในโลกยุคใหม่ แม้จะมีทั้งผลเชิงบวกและเชิงลบ แต่สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนส่วนกลางของ “ปิรามิดมนุษย์” ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลต่อทิศทางสังคม

หน่วยงานศาสนา พระสงฆ์ และผู้เกี่ยวข้องควรพัฒนายุทธศาสตร์เชิงรุกในการสื่อสารธรรมะ ผ่านสื่อดิจิทัลและ AI อย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้บทสวดและคำสอนยังคงมีคุณค่า ไม่ถูกกลืนไปเป็นเพียงกระแสความบันเทิง และสามารถเชื่อมโยงให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงสาระของศาสนาได้อย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...