ประเด็นการปฏิรูปความสัมพันธ์ระหว่างรัฐและศาสนาในประเทศไทยมิใช่เรื่องใหม่ แต่กลับถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงอยู่เสมอ โดยเฉพาะในยุคที่สังคมไทยกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงด้านสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย ภาคีราชบัณฑิต ได้ตั้งคำถามเชิงวิพากษ์ว่า หากจะ “ยกเลิกสมณศักดิ์” และ “แยกรัฐออกจากศาสนา” ควรมีขั้นตอนที่ชัดเจน มิฉะนั้นการอภิปรายก็จะวนเวียนอยู่กับข้อถกเถียงเชิงนามธรรมโดยไม่เกิดผลจริง
บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อวิเคราะห์ทั้งเชิงกฎหมาย สังคม และการเมืองว่าการยกเลิกสมณศักดิ์และการแยกรัฐออกจากศาสนาสามารถทำได้อย่างไร รวมถึงผลกระทบที่จะตามมาในระดับโครงสร้างสังคมไทย
1. ความหมายและบทบาทของสมณศักดิ์
สมณศักดิ์คือ ตำแหน่งหรือบรรดาศักดิ์ทางคณะสงฆ์ที่รัฐเป็นผู้ถวายแก่พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ โดยอาศัยพระราชอำนาจและระบบราชการทางศาสนา ซึ่งถูกกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และที่แก้ไขเพิ่มเติม การมีสมณศักดิ์ผูกพันกับโครงสร้างการบริหารกิจการคณะสงฆ์ เช่น การแต่งตั้งเจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค รวมถึงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองเชิงสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาค สมณศักดิ์สะท้อนการที่รัฐยังคงแทรกแซงและกำหนดสถานะทางศาสนา จนทำให้คณะสงฆ์มิได้เป็นองค์กรศาสนาอิสระอย่างแท้จริง
2. วิธีการยกเลิกสมณศักดิ์
หากต้องการยกเลิกสมณศักดิ์ จำเป็นต้องอาศัย การแก้ไขกฎหมาย ดังนี้
-
แก้ไขพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ – ตัดมาตราที่เกี่ยวข้องกับการถวายสมณศักดิ์ การแต่งตั้งตำแหน่งทางการปกครองสงฆ์โดยอาศัยพระบรมราชโองการ และกำหนดให้คณะสงฆ์บริหารตนเองโดยใช้ธรรมวินัยเป็นหลัก
-
ออกกฎหมายใหม่รองรับ – จัดตั้ง “สังฆมณฑล” หรือองค์กรคณะสงฆ์ในฐานะนิติบุคคลที่เป็นอิสระจากรัฐ ให้มีสิทธิในการกำหนดตำแหน่งและโครงสร้างการบริหารเอง เช่นเดียวกับองค์กรศาสนาในหลายประเทศ
-
เปลี่ยนระบบงบประมาณ – จากการที่รัฐจัดสรรเงินอุดหนุนผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไปเป็นกองทุนที่จัดตั้งโดยพุทธศาสนิกชนและบริหารโดยองค์กรสงฆ์อิสระ
3. การแยกรัฐออกจากศาสนา
แนวคิดการ “แยกรัฐออกจากศาสนา” (Secular State) หมายถึงการที่รัฐไม่เข้าไปกำหนดหรือรับรองศาสนาใดศาสนาหนึ่งเป็นพิเศษ และปฏิบัติต่อทุกศาสนาอย่างเสมอภาค
ขั้นตอนที่เป็นไปได้ในบริบทไทย
-
แก้ไขรัฐธรรมนูญ – ตัดข้อความที่ให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่รัฐอุปถัมภ์ เปลี่ยนเป็นการรับรองเสรีภาพทางศาสนาอย่างเท่าเทียม
-
ยุบสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ – ปรับบทบาทเป็น “สำนักงานกิจการศาสนา” ที่ทำหน้าที่เชิงประสานงาน ไม่ใช่ผู้กำกับควบคุม
-
งดการใช้ศาสนาในกิจการรัฐ – เช่น การถวายสัตย์ปฏิญาณ การใช้ศาสนพิธีในกิจการราชการ ให้เปลี่ยนเป็นพิธีแบบฆราวาส หรือเป็นทางเลือกโดยสมัครใจ
-
ให้สิทธิขั้นพื้นฐานแก่พระสงฆ์ – เช่น สิทธิเลือกตั้ง การเข้าถึงสิทธิพลเมือง เพื่อยุติข้อวิจารณ์เรื่อง “พระเป็นพลเมืองชั้นสอง”
4. ข้อเสนอของทองย้อย แสงสินชัย: พระกับสถานะพลเมือง
ทองย้อยชี้ว่าปัญหาการเรียกร้องสิทธิของพระสงฆ์ เช่น สิทธิเลือกตั้ง สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือแม้แต่สิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องมีการกำหนดอย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นข้อเรียกร้องต่อเนื่องไม่รู้จบ ประเด็นนี้สะท้อนความจำเป็นในการวาง เกณฑ์สิทธิทางการเมืองของพระสงฆ์ อย่างชัดแจ้ง ว่าจะอยู่ในระดับใด เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่าพระเป็น “พลเมืองชั้นสอง”
5. ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
-
ด้านศาสนา – คณะสงฆ์จะเป็นอิสระมากขึ้น แต่เสี่ยงต่อความแตกแยกหากขาดกลไกกลางที่เข้มแข็ง
-
ด้านการเมือง – การแยกรัฐออกจากศาสนาอาจช่วยลดการใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่ก็อาจสร้างแรงเสียดทานจากกลุ่มอนุรักษนิยม
-
ด้านสังคม – เปิดพื้นที่เสรีภาพทางศาสนา ทำให้ศาสนาอื่น ๆ รู้สึกได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม แต่ก็อาจทำให้ความศรัทธาในพุทธศาสนาลดลงหากขาดการสนับสนุนเชิงโครงสร้าง
บทสรุป
การยกเลิกสมณศักดิ์และการแยกรัฐออกจากศาสนาไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน หากแต่ต้องอาศัยการปฏิรูปกฎหมายและโครงสร้างรัฐอย่างจริงจัง ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อทั้งคณะสงฆ์ การเมือง และสังคมไทยโดยรวม จึงต้องอาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และมีการกำหนด “เส้นแบ่งสิทธิและบทบาทของพระสงฆ์” อย่างชัดเจน เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างเสรีภาพทางศาสนา ความเป็นพลเมือง และความมั่นคงของสังคมไทยในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น