พระพุทธศาสนาเป็นสถาบันหลักของสังคมไทยที่หล่อหลอมทั้งจิตใจ ศีลธรรม และวัฒนธรรมของคนไทยมาช้านาน อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบัน พระพุทธศาสนากำลังเผชิญ “วิกฤตศรัทธา” จากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาพฤติกรรมส่วนบุคคลของพระสงฆ์ที่เบี่ยงเบนจากพระธรรมวินัย กระแสโลกาภิวัตน์และวัฒนธรรมบริโภคนิยมที่กัดเซาะคุณค่าทางศีลธรรม ตลอดจนการตีความและวิพากษ์วิจารณ์พระศาสนาอย่างรุนแรงบนโลกออนไลน์
ท่ามกลางความท้าทายนี้ การบริหารจัดการพระพุทธศาสนาจึงไม่อาจพึ่งพาเพียงมาตรการเชิงรับ แต่จำเป็นต้องดำเนินการใน “มิติการบริหารเชิงรุก” เพื่อป้องกัน แก้ไข เยียวยา และรักษาพระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่สังคมไทย
ทางออกของสังฆมณฑลไทย
สังฆมณฑลไทยในฐานะองค์กรหลักในการธำรงพระพุทธศาสนา จำเป็นต้องขับเคลื่อนด้วยวิธีการที่สอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจุบัน โดยอาศัยทั้งหลักธรรมทางพุทธศาสนาและหลักวิชาการด้านการบริหารจัดการสมัยใหม่ การกำหนด ทางออกเชิงรุก สามารถวิเคราะห์ได้ใน 4 มิติ ดังนี้
1. มิติเชิงป้องกัน
-
พัฒนาศีลธรรมและคุณธรรมของพระสงฆ์ ผ่านการอบรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านพระธรรมวินัย การสื่อสารสาธารณะ และการปรับตัวต่อสังคมดิจิทัล
-
สร้างระบบตรวจสอบภายใน ที่โปร่งใสและเข้มแข็ง เพื่อป้องกันการละเมิดวินัยหรือการกระทำที่บั่นทอนศรัทธา
-
ส่งเสริมการสื่อสารเชิงรุก ผ่านสื่อดิจิทัล โดยนำเสนอสาระทางธรรมะในรูปแบบที่เข้าถึงง่ายสำหรับคนรุ่นใหม่
2. มิติเชิงแก้ไข
-
จัดการปัญหาด้วยความจริงจังและโปร่งใส เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อพระศาสนา ต้องดำเนินการสอบสวนและแก้ไขอย่างตรงไปตรงมา
-
สร้างกลไกการสื่อสารสาธารณะ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง ลดความเข้าใจผิดและการขยายผลทางสังคมออนไลน์
-
พัฒนาความร่วมมือ ระหว่างคณะสงฆ์ หน่วยงานรัฐ และสถาบันการศึกษา เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อศรัทธาของสาธารณชน
3. มิติเชิงเยียวยา
-
เยียวยาจิตใจญาติโยม ที่ได้รับผลกระทบจากข่าวสารหรือเหตุการณ์ในเชิงลบ โดยพระสงฆ์ควรมีบทบาทในการสร้างความมั่นคงทางใจ
-
ฟื้นฟูภาพลักษณ์พระพุทธศาสนา ผ่านกิจกรรมสาธารณประโยชน์ เช่น การบรรเทาทุกข์ การเผยแผ่ธรรมะเชิงสร้างสรรค์ และการพัฒนาชุมชน
-
เสริมสร้างศรัทธาด้วยการกระทำ โดยพระสงฆ์ต้องเป็นต้นแบบทางจริยธรรมที่จับต้องได้ในชีวิตประจำวัน
4. มิติเชิงรักษา
-
ธำรงพระธรรมวินัย เป็นหลักการสำคัญที่ไม่อาจละเลย เพื่อคงไว้ซึ่งแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
-
สร้างสถาบันสนับสนุนการศึกษาพระธรรม ที่ทันสมัยและมีคุณภาพ ทั้งในระดับคณะสงฆ์และการศึกษาสาธารณะ
-
พัฒนาระบบผู้นำทางศาสนา ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถตอบสนองปัญหาสังคมร่วมสมัยได้อย่างเหมาะสม
บทสรุป
การจัดสัมมนาเรื่อง “วิกฤตศรัทธา: มิติการบริหารเชิงรุกเพื่อป้องกัน แก้ไข เยียวยาพระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบัน” ที่จัดโดยนิสิตหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ ในวันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2568 นับเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความคิดเพื่อนำเสนอทางออกของพระพุทธศาสนาไทยในสถานการณ์ที่ท้าทาย
พวกเราต่างเชื่อว่า หากพระพุทธศาสนาสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงด้วยการบริหารเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพแล้ว สถาบันอื่น ๆ ในสังคมไทยก็ย่อมสามารถดำรงอยู่ได้เช่นกัน เพราะพระพุทธศาสนาเปรียบเสมือนรากฐานทางจิตวิญญาณที่ค้ำจุนสังคมไทยมาโดยตลอด

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น