การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อทุกมิติของสังคม โดยเฉพาะ “การศึกษา” ซึ่งถือเป็นกลไกหลักในการพัฒนาคนและประเทศชาติ หากมองย้อนกลับไปจะพบว่า การเข้าถึงความรู้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย สมัยก่อนนักเรียนต้องค้นคว้าจากห้องสมุด ต่อมาเมื่อมีกูเกิล เด็ก ๆ และครูต่างหันมาใช้เพื่อหาข้อมูล จนถึงปัจจุบันที่ “ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI)” เข้ามามีบทบาทอย่างชัดเจน ทำให้รูปแบบการเรียนการสอน การคิด และพฤติกรรมของผู้เรียนเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ
AI กับพลวัตการศึกษา
ดร.ภูษิต วงศ์หล่อสายชล ได้ชี้ให้เห็นว่า ในยุคนี้นักเรียนให้ความเชื่อถือ AI มากกว่าครูอาจารย์ โดยนิยมใช้ AI ในการทำการบ้าน ทำรายงาน หรือแม้กระทั่งช่วยวิเคราะห์โจทย์ปัญหา สิ่งนี้ทำให้ “ครู” จำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน จากเดิมที่บทบาทหลักคือ “ผู้ถ่ายทอดความรู้” ไปสู่การเป็น “ผู้ออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้” และ “ผู้แนะนำทักษะการใช้ AI อย่างมีวิจารณญาณ”
ในทางปฏิบัติ AI สามารถช่วยการศึกษาได้ทั้งในมิติของผู้เรียนและผู้สอน
-
สำหรับผู้เรียน : ใช้สรุปเนื้อหา จัดทำรายงาน ติวข้อสอบ และแก้ไขโจทย์จำลอง
-
สำหรับผู้สอน : ใช้จัดเตรียมเอกสารการสอน วางแผนการสอน ออกข้อสอบ และคัดสรรเนื้อหาที่เหมาะสม
อย่างไรก็ดี การใช้ AI โดยไม่ระวังอาจส่งผลกระทบในด้านลบ เช่น ทำให้ผู้เรียน “ขาดทักษะสำคัญ” ได้แก่
-
การคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking)
-
การตั้งคำถาม (Questioning Skill)
-
การทำงานร่วมกันเป็นทีม (Collaboration)
บทบาทใหม่ของครูอาจารย์ในยุค AI
เพื่อให้การใช้ AI เกิดประโยชน์สูงสุด ดร.ภูษิต ได้เสนอ “5 บทบาทหลักของครูอาจารย์ยุค AI” ได้แก่
-
Teacher – ทำหน้าที่สอน ถ่ายทอดความรู้
-
Instructor – แนะนำวิธีการใช้เครื่องมือและทักษะเชิงปฏิบัติ
-
Designer – ออกแบบประสบการณ์และกระบวนการเรียนรู้
-
Curator – คัดเลือกแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสม
-
Facilitator – กระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในห้องเรียน
แนวทางดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ครูไม่ได้หายไปจากระบบการศึกษา แต่ต้องเปลี่ยนจาก “ผู้สั่งการ” ไปสู่ “ผู้นำทาง” ที่ช่วยให้นักเรียนสามารถออกแบบเส้นทางชีวิตของตนเองได้
รูปแบบที่เหมาะสมของการใช้ AI ในการศึกษา
จากการวิเคราะห์ สามารถสรุปรูปแบบที่เหมาะสมไว้ดังนี้
-
AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ตัวแทนการเรียนรู้
-
ใช้ AI เพื่อย่นระยะเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ผู้เรียนยังคงต้องคิด วิเคราะห์ และสังเคราะห์ด้วยตนเอง
-
-
การบูรณาการ AI กับการเรียนการสอนแบบ Active Learning
-
ส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้ AI ในการค้นคว้า แล้วนำผลลัพธ์มาถกเถียง แลกเปลี่ยน และวิเคราะห์เชิงลึกในชั้นเรียน
-
-
การสร้างทักษะ AI Literacy
-
สอนให้นักเรียนเข้าใจข้อจำกัด ความถูกต้อง และความลำเอียง (bias) ของ AI เพื่อใช้เครื่องมืออย่างมีวิจารณญาณ
-
-
การพัฒนาบทบาทครูในฐานะ Tesigner
-
ครูควรเป็นทั้งผู้ออกแบบ (Designer) และผู้กระตุ้นการเรียนรู้ (Facilitator) มากกว่าการเป็น “ผู้บอกคำตอบ”
-
-
การกำหนดแนวทางและจริยธรรมการใช้ AI
-
สถานศึกษาควรกำหนดนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้ AI เช่น ขอบเขตการใช้ในการทำรายงานหรือการสอบ
-
สรุป
AI เป็นเทคโนโลยีที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงมหาศาลต่อระบบการศึกษา หากนำมาใช้อย่างถูกต้อง จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ได้ง่ายขึ้น เรียนรู้ได้เร็วขึ้น และผู้สอนสามารถจัดการเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพมากขึ้น แต่หากพึ่งพามากเกินไปอาจทำให้ผู้เรียนสูญเสียทักษะสำคัญที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในโลกอนาคต
ดังนั้น การใช้ AI ที่ “เหมาะสม” จึงไม่ใช่การแทนที่ แต่เป็นการ บูรณาการ AI เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ภายใต้การออกแบบของครูที่มีบทบาทใหม่ เพื่อสร้างผู้เรียนที่ “คิดเป็น ทำเป็น และปรับตัวได้” ในสังคมยุคดิจิทัล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น