การเมืองเป็นกระบวนการจัดระเบียบสังคมเพื่อความสงบสุขร่วมกัน แต่ในความเป็นจริง การเมืองในหลายประเทศกลับถูกมองว่าเป็น “การเมืองสกปรก” เพราะเต็มไปด้วยการแสวงหาผลประโยชน์ การเอาเปรียบ และความขัดแย้งเชิงอำนาจ พุทธทาสภิกขุ นักปราชญ์ทางพุทธศาสนาผู้มีบทบาทสำคัญในการตีความธรรมะสู่สังคม ได้ให้ข้อคิดเชิงลึกเกี่ยวกับ การเมืองและศีลธรรม โดยเน้นว่า “การเมืองที่แท้ต้องมีศีลธรรมเป็นรากฐาน” มิฉะนั้นแล้วการเมืองจะไม่สามารถนำสังคมไปสู่ความผาสุกได้
แนวคิดของพุทธทาสภิกขุเรื่อง “ฟ้าสางทางการเมือง”
จากธรรมบรรยาย “ฟ้าสางทางการเมือง” (๒ เมษายน ๒๕๒๖) พุทธทาสภิกขุได้วิเคราะห์การเมืองไว้ดังนี้
-
การเมืองที่แท้จริงต้องมีศีลธรรม
-
การเมืองที่ดีต้องสร้างระบบให้คนอยู่ร่วมกัน “อย่างเพื่อน” บนฐานของความเมตตาและศีลธรรม ไม่ใช่การกดขี่หรือเอาเปรียบ
-
หากขาดศีลธรรม การเมืองก็จะกลายเป็นเพียง “เครื่องมือแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์”
-
-
การเมืองสกปรกคือการเมืองไร้ศีลธรรม
-
พุทธทาสวิจารณ์ว่า การเมืองทั่วโลกในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตย คอมมิวนิสต์ หรือระบบใด ๆ ล้วนแล้วแต่เป็น “ระบบเอาเปรียบผู้อื่น”
-
การเมืองแบบนี้จึงไม่อาจสร้างสันติภาพและความสุขที่แท้จริงให้แก่ประชาชน
-
-
วิกฤติปัญญาและการเลียนแบบตะวันตก
-
พุทธทาสชี้ว่า ประเทศกำลังพัฒนา เช่น ไทย มัก “ตกเป็นทาสทางปัญญา” โดยเรียนรู้การเมืองจากตำราตะวันตกโดยไม่วิพากษ์หรือปรับใช้กับบริบทของตนเอง
-
ส่งผลให้การเมืองไทยหลงทาง และไม่สามารถสร้างระบบที่สอดคล้องกับรากฐานทางวัฒนธรรมและศีลธรรมไทยได้
-
การวิเคราะห์นักการเมืองตามแนวคิดของพุทธทาสภิกขุ
1. นักการเมืองในอุดมคติ
ตามแนวคิดของพุทธทาส นักการเมืองในอุดมคติควรมีคุณลักษณะดังนี้
-
ยึดศีลธรรม : การตัดสินใจทางการเมืองต้องตั้งอยู่บนความถูกต้อง ไม่ใช่ผลประโยชน์ส่วนตนหรือพรรค
-
เป็นเพื่อนร่วมสังคม : ไม่ใช่ “ผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครอง” แต่เป็น “เพื่อนกับเพื่อน” ที่อยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม
-
สร้างสันติภาพ : การเมืองที่แท้ไม่ใช้ความรุนแรงหรือการบังคับ แต่ใช้เหตุผล ความเข้าใจ และเมตตา
2. นักการเมืองในความเป็นจริง
พุทธทาสวิจารณ์ว่า นักการเมืองส่วนใหญ่ในความเป็นจริงกลับมีลักษณะตรงข้าม ได้แก่
-
แสวงหาผลประโยชน์ : ใช้อำนาจทางการเมืองเพื่อสร้างประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
-
การเมืองแบบแบ่งขั้ว : มุ่งแข่งขันและทำลายฝ่ายตรงข้าม แทนที่จะร่วมมือสร้างความผาสุกของประชาชน
-
ขาดสติปัญญาและอุดมการณ์ : การเมืองไทยและการเมืองโลกต่าง “ลอกแบบ” ระบบจากตะวันตก โดยไม่คำนึงถึงรากฐานทางศีลธรรมและวัฒนธรรมของตนเอง
3. การเมืองไทยในกรอบคิดของพุทธทาส
หากนำแนวคิดของพุทธทาสมาวิเคราะห์การเมืองไทย จะพบว่า
-
การเมืองไทยยังคงเผชิญปัญหา การซื้อเสียง การใช้อำนาจโดยมิชอบ และระบบอุปถัมภ์ ซึ่งสะท้อนการเมืองแบบเอาเปรียบมากกว่าการเมืองเพื่อสังคม
-
การขาดศีลธรรมทำให้การเมืองไม่สามารถสร้างสันติภาพถาวรได้ แม้มีการเลือกตั้งหรือการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
บทเรียนจากแนวคิดของพุทธทาสภิกขุ
-
ฟื้นฟูศีลธรรมในการเมือง – นักการเมืองต้องมีความรับผิดชอบทางจริยธรรม ใช้หลักเมตตาและความถูกต้องมากกว่าผลประโยชน์
-
การเมืองเพื่อสันติภาพ – การเมืองที่แท้ควรสร้างระบบที่ป้องกันความรุนแรง และให้ประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก
-
การเมืองแบบเพื่อนมนุษย์ – สังคมควรเลิกมองการเมืองแบบนายกับบ่าว แต่หันมามองว่าเป็น “การอยู่ร่วมกันอย่างเสมอภาค”
-
สร้างอัตลักษณ์ทางการเมืองไทย – การเมืองไม่ควรเลียนแบบตะวันตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่ต้องผสมผสานกับวัฒนธรรมและศีลธรรมที่เป็นรากฐานของสังคมไทย
บทสรุป
แนวคิดของพุทธทาสภิกขุเรื่อง “ฟ้าสางทางการเมือง” เป็นการเตือนว่านักการเมืองที่แท้จริงต้องมี ศีลธรรมเป็นรากฐาน หากขาดศีลธรรม การเมืองจะกลายเป็นเพียงเครื่องมือแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ ไม่ว่าจะอยู่ในระบบใดก็ตาม
สำหรับประเทศไทย การวิเคราะห์ตามแนวคิดของพุทธทาสทำให้เห็นว่า การปฏิรูปการเมืองจะไม่สัมฤทธิ์ผลหากปราศจากการยกระดับจริยธรรมและคุณธรรมของนักการเมือง ฟ้าสางทางการเมืองจะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อผู้มีอำนาจและประชาชนร่วมกันสร้าง การเมืองที่โปร่งใส ยุติธรรม และมีศีลธรรมเป็นหัวใจหลัก

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น