วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ติดกัณฑ์เทศน์ด่วน!หลวงพี่AI(ปัญญาประดิษฐ์)มาแล้ว




: สำราญ สมพงษ์ นิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มจร รายงาน

วันที่ 19 ต.ค.2561 ตามที่มีการสัมมนายุทธศาสตร์เพื่ออนาคตวารสารศาสตร์ ครั้งที่ 14 ประจำปี 2561 หัวข้อ  “ทางเลือกทางรอดคนสื่อ ยุค 4.0” โดยมีนายปราเมศ เหล็กเพ็ชร์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวเปิดงาน  และ รศ.ดร.วิลาสินี พิพิธกุล ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) กล่าวต้อนรับ มีคณะวิทยากรและผู้เข้าร่วมงานสัมมนาดังกล่าว ประมาณ 200 คน ที่จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สถาบันอิศราฯ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสนั้น

แม้ว่าไม่ได้ไปร่วมแต่ก็ได้ติดตามจนจบเนื่องจากมีการถ่ายทอดทางสื่อออนไลน์ทั้งทางยูทูปและเฟซบุ๊ก ทำให้ทราบว่าทุกวงการตอนนี้ตื่นตัวกับอิทธิพลของปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพราะ AI สามารถเป็นตัวช่วยของงานด้านต่างๆรวมถึงงานด้านการสื่อสารการข่าวด้วย เพราะ AI มีความสามารถแทนกองบรรณาธิการได้เลยทีเดียว  แบบนี้นักข่าวตัวเป็นๆ ตกงานแน่นอนถ้าไม่ปรับตัว 

โดยได้รับการยืนยันจากนายชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช.กล่าวว่า ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอจะเข้ามามีส่วนช่วยในการทำข่าวอย่างมากมายในอนาคต ทั้งการเลือกข่าวจากข้อมูลมากมายมหาศาล ไม่ให้ข่าวที่ออกมาจมไปกับข้อมูลซึ่งคาดกันว่า ในปี 2024 เอไอจะสามารถเขียนบทความได้ในระดับนักเรียนมัธยม และต่อไปจะแต่งเพลงได้ในอีก 10 ปี ข้างหน้า ที่จะติดท็อปชาร์ตด้วย และปี 2049 จะเขียนข่าวหนังสือพิมพ์ได้

"อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เคยมองกันว่าAIจะทำงานศิลปไมไ่ด้ แต่หลังๆ จะเห็นเอไอทำงานศิลปะกันมากขึ้น หรือการออกแบบการเขียนข่าวตามสไตล์เฉพาะตัว ด้วยการเรียนรู้สำนวนของคนเขียน อังกฤษ ใช้ AI เปลี่ยนข่าวให้เข้ากับแต่ละพื้นที่ในการนำเสนอญีปุ่นสามารถใช้เอไอเขียนนวนิยายสั้น เกือบชนะรางวัล Literary Prize" นายชัย กล่าวและว่า 

AI ไม่ได้มีแต่เฉพาะด้านบวก เพราะอาจไม่สามารถทราบได้ว่าข่าวที่  AI เขียนมาลอกใครมาหรือไม่ หรือ AI มีการตระหนักถึงสิ่งที่เขียนหรือไม่ ดังนั้น ถึงเทคโนโลยีเปลียนแต่ นักข่าวไม่เปลี่ยน ซึ่ง AI ก็อาจตามไม่ทันศัพท์ใหม่ๆ ที่สำคัญต้องใช้จริยธรรมนำ AI ต้องใช้จริยธรรมนักข่าว ควบคุม AI ป้องกันเรื่องความเป็นส่วนตัวของมนุษย์ และเลือกบิ๊กดาต้าที่จะป้อนให้กับ AI

ขณะที่นายสุทธิชัย หยุ่น Content Creator ก็มีความเห็นเช่นเดียวกันว่าปัจจุบันนี้ AI สามารถรายงานข่าวรูทินแทนคนได้แล้ว อย่างเช่นนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ AI จะทำหน้าที่รายงานข่าวแทนนักข่าวได้ทันที  ดังนั้นนักข่าวจะต้องรับตัวเพื่อความอยู่รอดโดยต้องมี 3 ท.คือ  1. ทำด้วยตัวเองในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำและให้ดีกว่าคนอื่น ให้ตรงกับกลุ่มคนที่ต้องการหรือผู้รับสาร โดยการเรียนรู้และปรับตัวทุกวัน  สร้างเนื้อหาให้มีคุณภาพ เชิงลึก พร้อมกันนี้จะต้องมีการทดสอบและทดลองรูปแบบการนำเสนออย่างต่อเนื่อง และจะต้องเป็นนักข่าวบล็อกเชน (Blockchain Journalism)และนักข่าวสืบสวนสอบสวน (investigation Journalism) 

พร้อมกันนี้นักข่่าวจะต้องรู้จักต้องเป็น Data Journalism รู้จักบริหารจัดการข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยนำเครื่องมือต่างๆจากกูเกิลมาเป็นตัวช่วย เพราะว่ากูเกิลมีเครื่องมือมากมายในการช่วยทำข่าว ทั้งเครื่องมือแผนที่ที่สามารถวัดระยะทาง มีกูเกิลทรานสเลทรวมทั้งโปรแกรมจดโน้ตด้วยคำสั่งเสียงที่เป็นแบบเรียลไทม์ จดโน๊ตข้างนอกคนในออฟฟิศเห็นหมดพร้อมกัน  หรือ อิมเมจกูเกิลที่สามารถตรวจสอบว่าเป็นรูปจริงรูปแต่ง มีที่มาจากไหน

นอกจากนี้นักข่าวจะต้องรู้จักการเขียนโค้ตเบื้องต้นทั้งนี้ก็เพื่อสามารถสั่งให้ AIทำงานได้เพื่อให้นักข่าวทำงานอย่างสร้างสรรค์ แต่ทั้งนี้ก็จะต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้รับสารโดยนายพีระพงษ์ เตชะทัตตานนท์  Data Journalism มองว่า คนไทยในแต่ละปีทำบุญเป็นเป็นแสนล้านบาท ควรจะหันมาทำบุญส่งเสริมการศึกษาหรือส่งเสริมพัฒนานักข่าวที่ทำงานแบบสร้างสรรค์ ขณะที่นายเทพชัย หย่อง ได้กล่าวสนับสนุนว่า สังคมก็ควรที่จะสนับสนุนให้นักข่าวดีๆอยู่ได้ด้วย

ดังนั้นสื่อจะอยู่เฉยไม่ปรับตัวไม่ได้แล้วจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ค้นหาตัวตนให้พบและสิ่งสำคัญคือประเด็น มองหาตลาดหรือกลุ่มเป้าหมายให้ชัดมีเครือข่ายเชื่อมโยงทั้งภูมิภาคและส่วนกลาง พร้อมกับรักษาความน่าเชื่อถือให้คงอยู่  ซึ่งเนื้อหาหนึ่งประเด็นจะสามารถเล่าเรื่องหรือนำเสนอให้หลายรูปแบบ แบบนี้อยู่รอดแน่นอน

การศึกษาเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล Big Data (ข้อมูลขนาดใหญ่)  AI (ปัญญาประดิษฐ์)  ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์  อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ  และ IoT (อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง)  เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเรียนรู้ประกอบกับได้กำหนดในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้วย

เมื่อสถานการณ์ทางสังคมเป็นเช่นนี้ มองมาที่วงการคณะสงฆ์มีทักษะดังกล่าวมานี้มากน้อยเพียงใด เพราะปัจจุบันนี้คนใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในสังคมสื่อออนไลน์ จะรอให้ญาติโยมเข้าวัดในวันพระทำบุญตามเทศกาลต่างๆ คงไม่สามารถที่ฉีดสารธรรมเข้าไปในสายเลือดของญาติโยมได้ทันท่วงที ในที่สุดคณะสงฆ์หากไม่ปรับก็คงจะลดบทบาทลง

พราะต่อไปเชื่อแน่ว่า AI คงจะต้องมีความสามารถในการแต่งกัณฑ์เทศน์ บทความธรรมะ บทบรรยายต่างๆ แทนที่การทำงานของคณะสงฆ์อย่างแน่นอน คงจะมีโยมใจบุญสร้างโปรแกรมการใช้งานของ AI ทำหน้าที่ในการวิเคราะห์และสังเคราะห์หลักธรรมในพระพุทธศาสนาทั้งในพระไตรปิฎก คำสอนอธิบายความของพระสงฆ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันแล้วสังเคราะห์เป็นหมวดธรรมหรือสูตรให้เหมาะสมกับจริตของญาติโยมแต่ละคนได้ละเอียดและแก้ปัญหาหรือดับทุกของญาติโยมได้ดี โดยทำเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์แล้วจะเจาะฝังในพระพุทธรูปรูปหรือรูปเหมือนของพระสงฆ์ต่างๆ เมื่่อญาติโยมไปกราบสามารถที่จะป้อนข้อมูลให้หาหลักธรรมที่ตรงกับปัญหาของแต่ละคนแล้วสรุปเป็นไฟล์โหลดนำไปศึกษาต่อก็เป็นได้ 

ดังนั้น จึงเป็นประเด็นที่น่าศึกษาวิจัยอย่างยิ่งต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามที่นายชัยเป็นห่วงของการใช้ AI ว่าจะมีความสร้างสรรค์สร้างสันติภาพแก่ชาวโลกตามที่พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ตั้งข้อสังเกตไว้หรือไม่อย่างไร จึงควรที่ต้องใช้จริยธรรมนำ AI ต้องใช้จริยธรรมนักข่าวควบคุม AI และหลักธรรมที่จะสามารถควบคุม AI ได้นั้นก็คือวิปัสสนากรรมฐานตามการเสนอของพระราชปริยัติกวี อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ดังนั้น อนาคตแนวความคิดปรัชญาพุทธปัญญาประดิษฐ์จึงถือว่าเป็นแนวคิดที่สำคัญ เพราะจะทำให้ AI เป็น "สัมมา AI" คงจะมีส่วนในการสร้างสรรค์สารธรรม สารสันติธรรม สร้างสันติภาพโลก ตามทันสื่อสงครามได้

พร้อมกันนี้เชื่อว่า AI จะมีส่วนในการพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมได้ชัดเจน ตามการเสนอของพระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา ทีมธรรมะอารมณ์ดี  ที่ได้รับนิมนต์แสดงความคิดในการโฟกัสกรุ๊ปนิสิตปริญญาเอก มจร คือ 1.จุดเด่นชัดเจนของรูปแบบการอบรม 2.ความเชื่อมโยงของหลักธรรม 3.ตีประเด็นให้ชัด ไปให้ถึง ตามให้สุด 4.การบูรณาการปริยัติยอดเยี่ยม ผิดเพี้ยนไม่ได้ 5.ภาวนา 4  กับการพัฒนาการสื่อสาร(ออนไลน์) สร้างสรรค์ พัฒนาตน สามัคคี  

ขณะเดียวกันคณะสงฆ์จะต้องมีการสร้างสื่อออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาร์แกรม ยูทูป เป็นเครือข่ายทั้งแต่ระดับมหาเถรสมาคม เจ้าคณะหนใหญ่ เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด ไปจนถึงระดับสื่อออนไลน์ของวัด แล้วมีการแชร์สื่อสารธรรม สื่อสารสันติธรรมต่างๆ ให้เป็นเอกภาพ เชื่อแน่ว่าจะให้การทำงานของคณะสงฆ์มีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามรายงานเกี่ยวกับ AI มาตั้งแต่ต้นนั้นไ ม่ได้หมายความว่าจะเห็นว่า AI (วัตถุ-รูป) จะดีกว่าจิตวิญญาณ(นาม) แต่มีความเข้าใจว่า ต้องมีการปรับให้สมดุล พัฒนาปัญญา 3 ให้ครบถ้วนเพื่อรู้เท่าทัน และนำสัมมาทิฏฐินำไปกำกับ  AI ให้ตามที่พระราชปริยัติกวี  พระมหาวุฒิชัย และนายชัย ตั้งข้อสังเกตไว้ 


............

Cr.รูปจาก https://th.pngtree.com/freepng/a-little-monk-with-hand-painted-meditation_3422338.html


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วธ.ประเดิมงานใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ เปิดสารพันอาหารย่านกะดีจีน-คลองสาน”

กระทรวงวัฒนธรรมเปิด “งานวัดพัฒนาประชาคม ไหว้พระรับพรย้อนวันวาน สารพันอาหารย่านกะดีจีน-คลองสาน” ณ วัดประยุรวงศาวาส  ภายใต้งานใต้ร่มพระบารมี 2...