วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2566

"หมอพรทิพย์" กลับถึงไทยแล้ว ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอเลือกใช้ธรรมะแทนกฎหมายจัดการ



เมื่อวันที่  1 ตุลาคม 2566 เวลา 08.30น. พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สว. โพสต์ข่อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า กลับถึงไทยแล้ว ขออนุญาตเรียนตามทีบอกไว้เรื่องทริปนี้ส่วนเรื่องการถูกไล่ออกจากร้านอาหารที่ไอซ์แลนด์ ได้เป็นบททดสอบธรรมะในตน ทันทีที่ทราบว่าเขาเกลียดมากจนชี้หน้าด่า หมอกลับรู้สึกเฉยและมองไปข้างหลังและข้างหน้าของเขาที่จะเป็นเช่นไร ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคำแนะนำ แต่ขออนุญาตเลือกที่จะใช้ธรรมะจัดการมากกว่าใช้กฎหมายจัดการ ขอบคุณอีกครั้ง 

@siampongnews ชุดจี้พร้อมแหนบกลัด #3พระอรหันต์ร้านต้นฉบับ ♬ Ready - Official Sound Studio


ส่วนเรื่องการถ่ายภาพบนลาวามอสนั้น ถือเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้ศึกษากฎระเบียบให้ชัดเจน ในบริเวณที่ลงถ่ายไม่มีป้าย จึงทำไม่ถูกระเบียบ แจ้งมาเพื่อให้รู้ว่าหมอผิดพลาดเอง และแก้ไขทันทีที่ทราบ จึงลบออกตั้งแต่ยังไม่กลับมา แต่ก็ไม่ทันสำหรับคนที่เกลียดชังนำไปขยายผล ขอบคุณอีกครั้ง


สิงคโปร์เปิดเวทีนานาชาติหนุนศาสน์เสริมรัฐดันการพัฒนาที่ยั่งยืน! "พระพรหมบัณฑิต" ปาฐกถาพิเศษ "วิกฤตโลกและแนวทางแก้ไขทางจิตวิญญาณ"



เมื่อวันที่  1 ตุลาคม 2566  ที่ประเทศสิงคโปร์  พระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม อุปนายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ประธานกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เดินทางไปปาฐกถาพิเศษเรื่อง “วิกฤตโลกและแนวทางแก้ไขทางจิตวิญญาณ”  ความโดยสรุปว่า “ในนามของสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้แสดงความขอบคุณท่านพระธรรมรัตนะและท่านอาจารย์จาง ปู้เซิง ที่ได้จัดงานสัมมนานานาชาติเรื่องศรัทธาและวัฒนธรรมระดับโลก ครั้งที่ 1 ฟอรัมนี้จะจัดให้มีเวทีร่วมสำหรับการเสวนาระหว่างศาสนาซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมความอดทน การเคารพซึ่งกันและกัน และความร่วมมือระหว่างผู้คนที่มีศาสนาและความศรัทธาที่แตกต่างกัน

หัวข้อหลักของการประชุมคือ “วิกฤตโลกและแนวทางแก้ไขทางจิตวิญญาณ” มีความเหมาะสมมากในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประวัติศาสตร์นี้ เนื่องจากโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติต่างๆ คำว่า ‘วิกฤตโลก’ หมายถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่มีนัยสำคัญและแพร่หลายซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างต่อหลายประเทศหรือภูมิภาคทั่วโลก วิกฤตการณ์เหล่านี้อาจครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ มากมาย เช่น ภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อม ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ การระบาดใหญ่ สงคราม และความขัดแย้ง ตัวอย่างของวิกฤตการณ์ระดับโลกในประวัติศาสตร์เมื่อเร็วๆ นี้ ได้แก่ การระบาดใหญ่ของโควิด-19 วิกฤตการณ์ทางการเงินทั่วโลกในปี 2551 และภัยพิบัติทางธรรมชาติที่สำคัญ เช่นสึนามิหรือพายุเฮอริเคน

วิกฤตการณ์โลกมีความเชื่อมโยงกันในธรรมชาติ วิกฤตอย่างหนึ่งมักจะนำไปสู่วิกฤตอีกอย่างหนึ่ง ดังที่เราได้เห็นในกรณีของการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ซึ่งนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจในหลายประเทศ หมายความว่าประเทศใดประเทศหนึ่งหรือแม้แต่ศาสนาเดียวที่จัดตั้งขึ้นเพียงประเทศเดียวไม่สามารถให้แนวทางแก้ไขวิกฤติโลกได้อย่างเพียงพอ วิกฤตการณ์เหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความพยายามในการประสานงานเพื่อแก้ไขและบรรเทาผลกระทบ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมจึงจำเป็นที่ผู้คนจากศาสนาและความเชื่อที่แตกต่างกันจะต้องสร้างเวทีสำหรับความร่วมมือระหว่างศาสนา เช่น เวทีระหว่างประเทศแห่งศรัทธาและ วัฒนธรรมระดับโลก เพื่อทำงานร่วมกันเพื่อค้นหาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมต่อวิกฤติโลกดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “สมคฺคานํ ตโป สุโข” ความพยายามร่วมกันของคนมีใจเดียวกันนำไปสู่ความสุข” ผมจึงมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่มาจากศาสนาและความเชื่อที่แตกต่างกัน ผมขอใช้โอกาสนี้แสดงความยินดีกับคณะกรรมการจัดงานฟอรัมระดับโลกว่าด้วยศรัทธาและวัฒนธรรม ผู้จัดงาน และเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่เป็นเจ้าภาพการประชุมนานาชาติในประเทศที่สงบสุขและเจริญรุ่งเรืองชื่อสิงคโปร์ ขอให้ฟอรัมที่ยอดเยี่ยมนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก”

@siampongnews ชุดจี้พร้อมแหนบกลัด #3พระอรหันต์ร้านต้นฉบับ ♬ Ready - Official Sound Studio

พระเมธีวัชรบัณฑิต ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติและหลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่เป็นปัจฉาสมณะ เปิดเผยว่า เป้าหมายหลักของการจัดประชุมนานาชาติเกี่ยวกับประเด็นศรัทธาและวัฒนธรรม ประกอบด้วยการสนับสนุนส่งเสริมสันติภาพ การพัฒนาที่ยั่งยืน การตอบสนองความท้าทาย และปัญหาต่างๆ รวมถึงการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างกันและกัน  จึงเป็นเหตุแห่งการถอดบทเรียนมาต่อยอดวิธีคิดและการทำงานให้เกิดประโยชน์อย่างกว้างขวางต่อการยกระดับเครือข่าย และพัฒนาวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มจร ให้สามารถตอบโจทย์ชาวโลกสอดรับกับพุทธประสงค์ที่ว่า จรถะ ภิกขเว จาริกัง พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ เธอทั้งหลาย จงเที่ยวไป เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขของชนหมู่มาก และเพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก


"พิธา" ชวนสร้างสังคมอุดมขันติธรรมยุติขัดแย้ง หลังเกิดปมไล่"หมอพรทิพย์"


เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2566  ที่ จ.เชียงใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึง กรณีแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เดินทางไปต่างประเทศ และถูกเจ้าของร้านไล่ออกจากร้าน ว่าในฐานะนักการเมืองและส่วนตัวตัว อยากเชิญชวนทุกคนมาสร้างสังคมที่อดทน อดกลั้นแสดงออกอย่างอดทนอดกลั้นมีวุฒิภาวะเชิญชวนให้มาสร้างระบบพรรคการเมืองที่ตรงไปตรงมา และมีรูระบายในการกำจัดความขัดแย้ง

"ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่ได้ช่วยอะไร ตนเองเป็นนักการเมืองเข้าใจเวลาลงพื้นที่ต่างจังหวัด หรือไปกับครอบครัวก็เจอการแสดงออกของประชาชนที่คล้ายๆ กัน ตนเข้าใจ ว่าตนเป็นบุคคลสาธารณะ แต่การอนุญาตให้แสดงออกโดยไม่คำนึงถึงระบบก็น่าเสียดาย จากที่ได้ตามข่าวมา คู่กรณีที่เกิดขึ้นเป็นคนที่ชื่นชอบคุณหญิงพรทิพย์ แต่เกิดขึ้นจากระบบที่ไม่ตรงไปตรงมา และระบบทำให้เกิดความขัดแย้ง มาจากเสียงประชาชนที่มาจากเลือกตั้ง และเสียงในสภาที่มาจากการแต่งตั้งที่ไม่ตรงไปตรง และเกิดความอึดอัดที่ต้องระบายออก" นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวด้วยว่า เข้าใจพี่น้องประชาชนที่อดทนอดกลั้น และรู้สึกไม่สบายใจกับการเข้าสู่อำนาจของการเมืองไทย และระบบการเมืองไทยที่ผ่านมา ก็อยากให้ระบบมันดี ถ้าระบบมันดีเรื่องลักษณะแบบนี้ก็จะน้อยลง เพราะมีรูระบายในระบบ แต่ในส่วนของบุคคล ความมืดไล่ความมืดไม่ได้ แต่ต้องเป็นความสว่าง จึงอยากให้ช่วยกันสร้างสังคมที่อดทนอดกลั้น และมีวุฒิภาวะ ระบบที่เสถียร ทำให้ความอึดอัดส่วนตัวน้อยลง

พิธีรับ - ส่งหน้าที่ ผอ.ศูนย์สันติวิธี จชต. มุ่งมั่นสานต่อสร้างความตระหนักรู้ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ



เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2566  ศูนย์สันติวิธี ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี จัดพิธีรับ – ส่งหน้าที่และมอบการบังคับบัญชา ระหว่าง พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 /รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กับ พลตรี วรเดช เดชรักษา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5/ ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธี โดยได้กระทำพิธีลงนามในเอกสารรับ-ส่งหน้าที่ฯ ณ ห้องประชุมกองสันติวิธี ศูนย์สันติวิธี พร้อมทั้งจัดประชุมรับมอบนโยบายการขับเคลื่อนการสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีผู้บังคับบัญชากำลังพลหน่วยขึ้นตรงศูนย์สันติวิธีเข้าร่วม

พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 /รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่าการประชุมครั้งนี้ เพื่อรับทราบแนวความคิดในการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมย้ำว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงสร้างสถานการณ์ต่อเนื่อง เพื่อหล่อเลี้ยงสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาและมีพัฒนาการในการวางกรอบยุทธศาสตร์ วางแนวทางในการต่อสู้กับภาครัฐมาตามลำดับโดยเฉพาะการต่อสู้ทางด้านการเมือง ซึ่งศูนย์สันติวิธีเป็นกลไกหลักในการระงับยับยั้งและจัดการปัญหาทางด้านการเมืองและภาคประชาสังคม ยืนยันในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธีมีความมุ่งมั่นขับเคลื่อนงานของศูนย์สันติวิธี ตามกรอบยุทธศาสตร์แผนงานโครงการที่ได้ดำเนินการและขับเคลื่อนมาโดยตลอด ซึ่งในปีงบประมาณ 2567 นี้ ต้องมีการระดมแนวความคิดของกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่หลากหลาย คือ กลุ่มผู้นำทางความคิด กลุ่มอดีตผู้บังคับบัญชา กลุ่มวิชาการ กลุ่มผู้นำศาสนา กลุ่มเครือข่ายไทยพุทธ และกลุ่มผู้เห็นต่าง นำมาวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และอนาคต เพื่อกำหนดการปฏิบัติของปีนี้ พร้อมกล่าวชื่นชมกำลังพลศูนย์สันติวิธีทุกนายเป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และมีความสำคัญของกองทัพที่จะต้องเติบโตเป็นผู้นำ และพร้อมขับเคลื่อนงานกองทัพบกตามนโนบายรัฐบาล

ด้าน พลตรี วรเดช เดชรักษา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ได้กล่าวขอบคุณกำลังพลศูนย์สันติวิธีทุกนายที่ให้ความร่วมมือ ตลอดห้วงปีงบประมาณ 2566 เป็นอย่างดี รวมทั้งการบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานข้างเคียง รวมถึงพี่น้อง ประชาชนในพื้นที่อย่างดียิ่ง จนทำให้การแก้ปัญหาและการสร้างความเข้าใจมีความคืบหน้า และส่งผลให้ศูนย์สันติวิธีเป็นที่ยอมรับและมีการพัฒนาขึ้นตามลำดับ พร้อมทั้งกล่าวแสดงความยินดีกับ พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธี ท่านใหม่ ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ มีความสามารถ และเป็นผู้นำทางทหารที่ดี และพร้อมนำพากำลังพลศูนย์สันติวิธี ขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการสร้างความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วน ให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเกิดสันติสุขอย่างยั่งยืนต่อไป

อย่างไรก็ตาม ศูนย์สันติวิธีพร้อมมุ่งมั่นขับเคลื่อนงานการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ สร้างความเข้าใจกับมวลชนทุกกลุ่ม ผ่านการจัดกิจกรรม และการพบปะพูดคุยสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ นำรอยยิ้ม นำความสุขสันติสุข กลับคืนแก่พี่น้องประชาชนปลายด้ามขวานอย่างแท้จริง


ข้อมูลข่าวและที่มา https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230930160554725


@siampongnews มุ้งคอกเลี้ยง#ตั๊กแตน ♬ Tere Baad Nazar Nhi Aati Koi Manjil - Deepak Kurai

"มจร เชียงใหม่" ร่วมเชียงรายถอดบทเรียนเด็กเคลื่อนย้ายแก้ปัญหาการศึกษาเด็กไร้รัฐ



เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2566   ที่โรงแรมทีค การ์เด้น สปา รีสอร์ท อ.เมือง จ.เชียงราย โครงการคุ้มครองสิทธิ์เด็กไร้สัญชาติระยะที่ 3 ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) นำโดยนางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พชภ.และอดีต สมาชิกวุฒิสภา(สว.) จ.เชียงราย และองค์กรภาคีเครือข่าย  ได้จัดให้มีการเสวนาเรื่องเด็กเคลื่อนย้ายขากบริเวณชายแดนตะวันตก การเข้าถึงสิทธิในการศึกษาและการคุ้มครองเด็ก  โดยมีทางกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน  กลุ่มภาคีเครือข่ายมูลนิธิฯต่างๆ ภาคประชาสังคม สถาบันด้านการศึกษาและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลและถอดบทเรียนการดำเนินงานด้านเด็กเคลื่อนย้ายโดยเฉพาะเด็กไร้รับไร้

พระวิสิทธิ์ ฐิตวิสิทฺโธ,ผศ.ดร. อาจารย์ประจำ บัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ กล่าวว่าปัจจุบัน จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ มีพระภิกษุสงฆ์สามเณรกว่า 1,000 รูปที่เป็นบุคคลไร้รัฐไรัสัญชาติ ที่ทางกลุ่มเข้าดำเนินการช่วยเหลือให้มีสถานะอยู่ในสถานศึกษามีเพียง 80 รูปเท่านั้น ในขณะที่การสำรวจก็พบว่ามีสามเณรอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มที่เป็นปัญหาเนื่องจากสถานศึกษาจะไม่รับผู้ที่บวรเข้าไปเรียนในสถานศึกษา ทำให้สามเณรเหล่านี้ตกหล่นจากระบบการศึกษา ที่สำคัญยังมีผลต่อการดำรงชีวิตเนื่องจากหากไม่มีสถานที่ศึกษาก็จะไม่มีกฎหมายรองรับให้อยุ่ในประเทศได้ การเคลื่อนย้ายของแรงงานหลายคนเลือกที่จะให้ลูกมาบวช เพราะมีความสบายใจ ไม่มีความกังวลเป็นห่วง บุตรหลานมีที่อยู่ที่ปลอดถภัย โดยให้อยู่กับวัดโดยที่บุตรไม่ต้องตามพ่อแม่ไป ส่วนนี้ก็จำเป็นที่วัดจะต้องดูแลทั้งความเป็นอยู่และค่าใช้จ่ายต่างๆ  ซึ่งก็อยากให้ภาครับยื่นมือเข้ามาช่วยเหลิอทั้งด้านการศึกษาและด้านสาธารณสุขเพราะถือเป็นสิ่งจำเป็น ทุกวันนี้จำนวนนักบวชที่เป็นบุตรหลานแรงงานก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี จำนวนที่สำรวจพบยังไม่ถึงครึ่งของจำนวนที่มีอยู่จริง ซึ่งหากสำรวจครบคงมีมากกว่านี้ 

@siampongnews ชุดจี้พร้อมแหนบกลัด #3พระอรหันต์ร้านต้นฉบับ ♬ Ready - Official Sound Studio

สุดเข้มขลังสุดยอดมหาลาภสุดๆ! อรหันต์เรียกลาภสมัยพุทธกาล "พระสิวลี หลังยันย์ห้า หลวงพ่อรวย(รุ่นแรก)"



6 ตุลาคม 2566 ขอเชิญพิธีพุทธาภิเษก วาระที่ 4 พระสิวลี หลังยันย์ห้า (รุ่นแรก) หลวงพ่อรวย อคฺคสาโร วัดมาบตาพุต จ.ระยอง   ผสมมวลสารผงพรายกุมาร ลป.ทิม วัดระหารไร่

 6 ตุลาคม 2566 พุทธาภิเษกวาระสุดท้าย!!....  พระสิวลี หลังยันย์ห้า หลวงพ่อรวย(รุ่นแรก) วัดมาบตาพุต โดย หลวงพ่อสง่า ติกขวีโร วัดเขาไม้แดง  โดยได้รับรายงานข่าวจาก วัดมาบตาพุต จ.ระยอง ในพิธีพุทธาภิเษก วาระ3" พระสิวลี หลังยันต์ห้า หลวงพ่อรวย  (รุ่นแรก) ปรากฏว่าได้มีผู้สนใจเข้ามาขอเช่าบูชาเป็นจำนวนมาก แต่ต้องผิดหวังกันทุกคน เพราะได้ถูกสั่งจองหมดแล้ว ตั้งแต่พุทธาภิเษกวาระที่ 1 วันที่ 24 มิถุนายน 2566



สำหรับกระแสความนิยมขอฃ พระสิวลี หลังยันย์ห้า หลวงพ่อรวย(รุ่นแรก) นั้น น่าจะเกิดจาก 5 ปัจจัย คือ 1.นามอันเป็นมงคลของ หลวงพ่อรวย อคคฺสาโร 2.พระสีวลีเถระ ด้รับยกย่องจากพระพุทธองค์ให้เป็นเอตทัคคะผู้เลิศในทาง ผู้มีลาภมาก 3.ผสมมวลสารผงพรายกุมาร ลป.ทิม วัดระหารไร่ 4.วัตถุประสงค์การจัดสร้างที่ชัดเจน และ 5.ทีมผู้จัดสร้าง "ทีมพี่เสือ" ที่นำโดย นายนิภัทร์ สมาร์ทอิมเมจ และ ป้อมสกลนคร



นอกจากนี้แล้ว ยังเกิดจากความเชื่อที่สืบต่อกันมาว่า "การบูชาพระสิวลี หากผู้ใดหวังคำอธิฐาน ก็ต้องมีศีล มีสัจจะกำกับ หากมีศีลคุมใจ จิตจะมีโอกาสเกิดสมาธิ เมื่อจิตมีสมาธิจะเกิดพลังมหาศาล" 

พระสิวลี หลังยันย์ห้า (รุ่นแรก) หลวงพ่อรวย

เข้าพิธีพุทธาภิเษกมาแล้วถึง 3 วาระด้วยกัน ดังนี้...

วาระที่ 1 วันที่ 24 มิถุนายน 2566

วาระที่ 2 วันที่ 28 สิงหาคม 2566

วาระที่ 3 วันที่ 23 กันยายน 256 ณ วัดมาบตาพุด ระยอง 

เวาระที่ 4 วาระสุดท้าย ในวันที่ 6 ตุลาคม 2566 ณ วัดเขาไม้แดง หลวงพ่อสง่า ชลบุรี



"นายนิภัทร์ สมาร์ทอิมเมจ" ในฐานะผู้จัดสร้างในนามทีมพี่เสือ เปิดเผยว่า เหตผลที่ให้พระสิวลี หลังยันต์ห้า (รุ่นแรก) หลวงพ่อรวย รุ่นนี้ได้รับความนิยมเพราะชื่อของรุ่น วาระการออก ชื่อหลวงพ่อ รวมทั้งมวลสาร และรูปแบบ



เหตุผลที่เลือกจัดสร้างนั้น เป็นไปตามพุทธประวัติที่ว่า พระสีวลีเถระเป็นเจ้าชายในโกลิยวงศ์ ออกบวชในสำนักพระสารีบุตร บรรลุพระอรหันต์ในขณะที่ปลงเกศานั่นเอง และหลังจากผนวช ท่านเป็นผู้มีลาภสักการะมากด้วยกุศลกรรมที่ทำมาแต่อดีต ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้รับยกย่องจากพระพุทธองค์ให้เป็นเอตทัคคะผู้เลิศในทาง ผู้มีลาภมาก



"การสร้างวัตถุมงคลในนามทีมพี่เสือ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหน ออกวัดใดก็ตาม จะสร้างให้เสร็จและเข้าในพิธีทั้งหมด หลังเสร็จพิธีสนามรถรับวัตถุมงคลได้ทันที ทำให้ผู้มีพลังศรัทธามั่นใจ" นายนิภัทร์ สมาร์ทอิมเมจ กล่าวยืนยัน



ในขณะที่ ป้อม สกลนคร บอกว่า ยันต์ห้าที่นำมาใช้ลงไว้ด้านนั้นได้สร้างตามตำรับของ หลวงปู่ทิม อิสริโก ได้อันเชิญพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ ซึ่งที่มาคือในอนาคตก็ดี อดีตชาติก็ดีจะมีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์มาคุ้มครองดูแลและถ่ายทอดพระพุทธศาสนา 



วัตถุมงคลหลวงปู่ทิม  ก็ได้อาศัยบุญบารมีของพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์มากำกับยันต์ดวงนี้ไว้เผื่อที่เราบูชาติดตัวสามารถคุ้มครองอยู่ได้ทุกยุคทุกสมัย.

ยันต์ห้าประกอบด้วย 1.หัวใจ อิติปิโส 2.นะโมพุทธายะ คือ คาถา พระเจ้า 5 พระองค์ 3.มี ตัว นะ อยู่ตรงกลาง มี มะ อะ อุ อยู่ด้านข้าง และ 4.ปิดท้ายด้วย นะ มะ พะ ทะ





”ยันต์ห้า นี้จะอยู่ด้านหลังเหรียญของหลวงปู่ทิม เป็นส่วนใหญ่ซึ่งต่างให้การยอมรับในความพุทธคุณที่เข็มขลังมาช้านาน ผู้ที่นำไปใช้ต่างมีประสบการณ์ต่างๆ แคล้วคลาด โชคลาภ ค้าขายเจริญรุ่งเรือง" ป้อม สกลนคร กล่าว



พระสิวลี หลังยันย์ห้า หลวงพ่อรวย(รุ่นแรก) ปลุกเสกโดย สุดยอดพระเกจิเเห่งเมืองสยาม โดยมีพระเกจิคณาจารย์แห่งความเมตตา เสกโภคทรัพย์ นะรวยๆ รวมพุทธภิเษกทั้ง 9 รูป ดังนี้



1.พระครูสุขุมธรรมธาดา หรือ หลวงพ่อรวย อคฺคสาโร อายุ 89 พรรษา 65 วัดมาบตาพุด จ.ระยอง

2.พระครูนิวาตธรรมาทร หรือ หลวงพ่อยูร สคารโว  

อายุ 82 ปี  62 พรรษา วัดพนมเศษเหนือ ต.พนมเศษ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์

3.หลวงปู่เปลว (จรูญ กตปุญฺโญ) วัดเจ็ดลูกเนิน จ.ระยอง

4.หลวงพ่อสิงห์​ ฐิตจิตฺโต​ วัดเขาหวายจ.ระยอง

5.พระครูประโชติปัญญากร หรือ หลวงพ่อคูณวรปญฺโญ อายุ72ปี47พรรษา เจ้าอาวาสวัดบัลลังก์ ต.บัลลังก์  อ.โนนไทย  จ.นครราชสีมา

6.หลวงพ่อชำนาญ ปภสฺสโร วัดบ่อทอง

7.หลวงพ่อสง่า ติกขวีโร วัดเขาไม้แดง

8.หลวงปู่สมาน สุธมฺโม อายุ 91 ปี 28พรรษา

ที่พักสงฆ์ เขายางหัก จ.ราชบุรี

9.พระครูภาวนาภัทรคุณ (หลวงพ่ออติโชติ  ธมฺมวโร)

เจ้าอาวาส วัดพุทไธศวรรย์ พระอารามหลวง 

จ.พระนครศรีอยุธยา

ในส่วนของพลังศัรทธาของ พระครูสุขุมธรรมธาดา หรือ หลวงพ่อรวย อคคฺสาโร เจ้าอาวาสแห่งวัดมาบตาพุด เป็นที่ประจักษ์ต่อลูกศิษย์ว่า ท่านคือพระผู้ซึ่งปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบเป็นพระนักพัฒนา อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของพุทธศาสนิกชนชาวมาบตาพุด จ.ระยอง 

หลวงพ่อรวย  เป็นศิษย์สายตรงของพระครูวิจารณ์ธรรมกิติ หรือที่สาธุชนรู้จักกันในนาม หลวงปู่หิน วัดหนองสนม ยอดพระเกจิ คณาจารย์ผู้เรืองเวทย์แห่ง จ.ระยอง ซึ่งกิตติศัพท์คำร่ำลือด้านพระเวทย์นี้ เรียกได้ว่าเข้มขลังเป็นยิ่งนัก 



โดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรีถึงขนาดที่ว่าหากใครมีวัตถุมงคลของหลวงปู่หินไว้ติดตัวเชื่อกันว่า “ไม่มีวันเสียเลือดเสียเนื้อให้ใครแม้แต่แมลงวันก็ไม่มีโอกาสได้ตอมเลือด” 

ด้วยเพราะท่านได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมมาจากหลวงปู่สังข์เฒ่า วัดเก๋งจีน ปรมาจารย์ผู้เรืองเวทย์แห่ง จ.ระยอง และเป็นปู่แท้ๆ ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก อีกที 

สำหรับผู้สนใจติดตามความเคลื่อนไหวการจัดสร้างวัตถุมงคลทุกรุ่นทุกพระเกจิของ "ทีมพี่เสือ" ได้ที่...https://www.facebook.com/groups/1242269399567579/?ref=share_group_link 

ชมคลิป.. พิธีพุทธาภิเษก วัดมาบตาพุด จ.ระยอง https://youtu.be/DjaUqZ8Jzx8 

@siampongnews ชุดจี้พร้อมแหนบกลัด #3พระอรหันต์ร้านต้นฉบับ ♬ Ready - Official Sound Studio

วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2566

"ดร.หลวงพ่อแดง" ดังกระหึ่มเมียนมาร์ ร่วมพิธีประสาทปริญญาบัตร กล่าวสุนทรพจน์โชว์ผลงานเปิดป.ตรีรัฐศาสตร์ "มจร" ที่วัด รับเสียงสาธุลั่นห้องประชุม



เมื่อวันที่ 30  กันยายน พ.ศ.2566   พระเมธีวัชรประชาทร ดร.(หลวงพ่อแดง นันทิโย)  รองเจ้าคณะอำเภออัมพวา เจ้าอาวาสวัดอินทาราม  จังหวัดสมุทรสงคราม ที่ปรึกษาคณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร)  เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 28-30 กันยายน 2566 พร้อมคณะได้เดินทางไปปฎิบัตรศาสนากิจที่ประเทศ เมียนมาร์ โดยเข้าสังเกตุการณ์พิธีประสาทปริญญาบัตรของนิสิตเมียนมาร์  

พระเมธีวัชรประชาทร ระบุว่า พร้อมกันนี้ยังได้มีโอกาสกล่าวสุนทรพจน์สร้างความประทับใจให้กับบัณฑิตรวมถึงบุคคลร่วมพิธีซึ่งมีทั้งศ.ดร.รศ.ดร.ผศ.ดร.และดร. ที่ได้รับเชิญมาอีกหลายๆประเทศ รวมถึงมหาวิทยาลัยในประเทศไทยด้วย  ได้รับเสียงปรบมือดังลั่นห้องประชุม และยังมีคนไทยเข้ามาแสดงความยินดีอีกหลายคน ทำให้ผู้พูดประทับใจยิ่ง หายเหนื่อย สมกับคำที่กล่าวให้ลูกศิษย์ฟังกันบ่อยๆมากได้ประสบแก่ตัวเองแล้วชื่นใจประทับใจยิ่ง "ความรู้ทำให้ชีวิตนั้นองอาจ ความสามารถจึงจะทำให้สังคมยอมรับ"  



"วันนี้ได้มาแสดงพูดโชว์วิสัยธรรมต้องเอามานำหน้าวิสัยทัศน์ ประกาศที่มหาวิทยาลัย Myanmar Creative University (MCU ) ประเทศเนียนมาร์  เพื่อให้มหาวิทยาลัยทั่วโลกที่ได้มาในวันนี้ ได้รับทราบว่า มจร เป็นมหาวิทยาลัยที่สอนพุทธศาสนาแก่คนทั่วโลก โดยมีคณะสังคมศาสตร์ ทำงานแบบเชิงรุก ขณะนี้ได้ทำแล้วขอเป็นแกนนำ เพื่อจะเอาความรู้ไปขยายรัฐศาสตร์สู่ชาวชนบท วันนี้ขอเสนอเรื่องที่เราทำได้จริงและกำลังทำอยู่และกำลังต่อยอด จะต้องทำต่อไปถึงขั้นขออนุญาตสภา มจร  ขอเปิดระดับปริญญาตรี วันนี้ขอนำเสนอเรื่องที่ง่ายๆที่สุดในการพูดให้ผู้ฟังจะได้อิน (ครูบาอาจารย์สอนไว้)  

บัดนี้ มจร มุ่งขยายเปิดสอนความรู้คู่คุณธรรมสู่ชนบท ขณะนี้เปิดห้องเรียนประกาศนียบัตรการบริหารท้องถิ่น ที่ห้องเรียนวัดอินทาราม  โดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. สจ. สท. อสม.ปราชญ์ชาวบ้าน รวม 65 ชีวิต พากันมาเรียนแบบฟรีๆไม่มีเก็บเงิน ดร.หลวงพ่อแดง ยินดีจ่ายให้ งบประมาณใช้จ่ายเกิน 1 ล้านบาทแน่นอน  (ช่วงนี้มีผู้ฟังตบมือลั่นห้อง) มีเรียนกันกี่วัย 3 วัยมี 1 คนหนุ่มสาว 2 วัยกลางคน  3 วัยหนุ่มน้อยและสาวน้อยวัยเกิน80 เข้ามาเรียนด้วย คนทั่วโลกเขา งง (มีเฮตบมือกันดังลั่นห้องอีกแล้วหลวงพ่อแดงใส่มุข) สรุปจบด้วยหลักธรรม "5 ท." ความกล้าหาญประจำใจ ที่ผู้พูดและเราชาว คณะ ป.บท.มจร1/66ห้องเรียนวัดอินทาราม ใช้ประจำวัน  1 ต้องมีทุน 2 ต้องลงมือทำ  3 ต้องแบ่งงานกันทำและทำเป็นทีม 4 อดทน  5 สุดท้ายต้องรีบนำเสนอไอทีเทคโนโลยีทันที ทำดีต้องมีคนเห็นทั่วโลก  ระหว่างพูดมีคนปรบมือลั่นห้อง ทำให้ผู้พูดหายเหนื่อยทันที พูดจบมี ดร.คนไทยมาแสดงความยินดียิ่งมากมายยกนิ้วให้สุดยอดจริงๆๆๆ ผลงานในเชิงประจักษ์ได้จุดประกายที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศเนียนมาร์ ดังกระหึ่มไปทั่วโลกแล้ว"   พระเมธีวัชรประชาทร ระบุในเฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมโฟตส์ด้วยว่า

@siampongnews ชุดจี้พร้อมแหนบกลัด #3พระอรหันต์ร้านต้นฉบับ ♬ Ready - Official Sound Studio

พระเมธีวัชรประชาทร,ดร.หลวงพ่อแดง ที่ปรึกษาคณบดีคณะสังคมศาสตร์ มจร.รปธ.สมช,ศีล 5  หนกลาง ต้องขออนุโมทนาแก่ นสพ.เดลีนิวส์เป็นอย่างมากยิ่งทำได้ช่วยออกข่าวประสัมพันธ์งานปลูกป่าชายเลนดอนหอยหลอดไปทั่วโลก งานชิ้นนี้ที่ นักศึกษา ป.บท.มจร.รุ่น1/66 ห้องเรียนวัดอินทาราม คิดทำการเรียนปฎิบัติทำจริงๆนอกห้องเรียน ทำไปเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน งานนี้ระดับคนทั้งโลก ที่มีเกินกว่า 200 ประเทศ ในโลกใบนี้ต้องมีส่วนร่วมรีบเร่งรีบทำเพื่อแก้ปัญหา แบบเร่งด่วน ช่วยกันปลูกต้นไม้ในใจคนเสียก่อน จึงย้อนระดมจิตอาสาพากันช่วยปลูกป่า ทั้งป่าชายเลนติดทะเล และช่วยกันปลูกป่าไม้บนดิน ที่เป็นป่าสำคัญยิ่งแก่ชีวิตมนุษย์ทุกคน คือป่าที่เป็นตันน้ำและลำธาร ป่าเขาถูกทำลาย โลกก็ร้อน น้ำธรรมชาติก็ไม่มี หน้าฝนเกิดปัญหาน้ำท่วมรุนแรงซ้ำซากบ้านจมน้ำ ชีวิตอยู่ในกองทุกข์ น่าสงสารยิ่ง 

นี้คือปัญหาใหญ่ทุกคนในโลกใบนี้ต้องช่วยกันแก้คือปลูกป่า ปลูกป่าในใจคนก่อน ช่วยกันปลูกป่าในเมืองแบบ(ประเทศสิงคโปร์เป็นตัวอย่าง) ปลูกป่าต้นไม้ในที่ดินเสื่อมโทรม ป่าไม้ถูกทำลายมีเป็นจำนวนมากทั้ง4 ภาค ถ้ายังมีป่าก็มีน้ำ หมดป่า ป่าถูกทำลายล้างป่าหมดไปก็อดน้ำขาดน้ำทำการเกษตร "คำว่าน้ำบ่อน้ำเป็นรองใจ" วลีจึงมีความหมายเป็นปรัชญาที่เยี่ยมสุดยอดยิ่ง น้ำบ่อ,น้ำคลอง,น้ำในตุ่ม,หรือน้ำในห้วยหนองคลองบึง ก็ยังเป็นรองน้ำใจ น้ำไหนๆใดๆในโลกใบนี้ ก็ไม่อาจมาสู้น้ำใจได้ สาธุ


ด่วนที่สุด !! กระทรวงแรงงาน รับสมัครพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ทำงานสิงคโปร์ 120 อัตรา



กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปิดรับสมัครพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเพื่อไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ จำนวน 120 อัตรา เงินเดือน 30,126 บาท (ไม่รวมค่า OT) ฟรีค่าโดยสารเครื่องบินไป – กลับ รับสมัครตั้งแต่บัดนี้ถึง 1 ต.ค. 66

เมื่อวันที่ 30  กันยายน พ.ศ.2566  นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน เปิดรับสมัครคนไทยไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ กับนายจ้างบริษัท Scoot Pte Ltd ซึ่งประกอบธุรกิจสายการบิน จำนวน 120 อัตรา เงินเดือน 1,150 เหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ 30,126 บาท เพื่อทำงานบริการบนเครื่องบิน และดูแลความปลอดภัยของเที่ยวบิน และทำหน้าที่อื่นๆ ตามได้รับมอบหมาย โดยมีระยะเวลาจ้างงาน 2 ปี นายจ้างจัดหาที่พักให้ใน 5 วันแรก มีเงินสนับสนุนค่าอาหาร ค่าโดยสารเครื่องบินไป-กลับ เมื่อทำงานสิ้นสุดสัญญาจ้าง ค่าประกัน และฝึกอบรมระหว่างการทำงานตามกฎหมายสิงคโปร์กำหนด ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดการสมัครสอบ และยื่นใบสมัครทางเว็บไซต์ของบริษัทโดยตรง ที่เว็บไซต์ flyscoot.wd3.myworkdayjobs.com/ScootExternalCareers/ ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ไม่เว้นวันหยุดราชการ และศึกษารายละเอียดการรับสมัครได้ที่เว็บไซต์ doe.go.th/overseas หัวข้อ “ข่าวประกาศรับสมัคร"

นายไพโรจน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับคุณสมบัติเบื้องต้น รับชายไทยส่วนสูง 165 เซนติเมตรขึ้นไป และหญิงไทยส่วนสูง 158 เซนติเมตรขึ้นไป สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าชั้นปริญญาตรี มีใจรักงานบริการ และสมัครใจปฏิบัติงานที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งการรับสมัครในครั้งนี้เป็นการดำเนินการเพื่อจัดส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศโดยวิธีรัฐจัดส่ง คนหางานไม่เสียค่าสมัครหรือค่าบริการใดๆทั้งสิ้น ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้ไปทำงานจ่ายเพียงค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ได้แก่ ค่าทำหนังสือเดินทาง (กรณียังไม่มี) ค่าตรวจสุขภาพ และค่าสมัครสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ รวมค่าใช้จ่าย ประมาณ 4,000 บาท

“รัฐมนตรีพิพัฒน์ เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาทักษะแรงงานไทย เพื่อเพิ่มโอกาสมีงานทำ และยกระดับรายได้ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานไทยที่ทำงานในต่างประเทศ หากสามารถส่งเงินกลับบ้านได้เพิ่มขึ้น มากกว่าการส่งรายได้กลับประเทศของแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ย่อมส่งผลให้เกิดความสมดุลและสร้างความมั่นคงให้เศรษฐกิจของประเทศ” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

ทั้งนี้ กรมการจัดหางานจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกให้ทราบโดยทั่วกัน ที่เว็บไซต์ doe.go.th/overseas และเฟซบุ๊ก แรงงานไทยไปต่างประเทศโดยรัฐจัดส่ง ภายในวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 หรือกองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2245 1034 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน ในวันและเวลาราชการ


@siampongnews มุ้งคอกเลี้ยง#ตั๊กแตน ♬ Tere Baad Nazar Nhi Aati Koi Manjil - Deepak Kurai

"เลขาฯสถาบันโพธิคยาฯ" พบ "เศรษฐา" ควาวเยือนกัมพูชา รายงานการจัดงานธรรมยาตรามหานทีคงคา-ลุ่มน้ำโขง



วันที่ 29 กันยายน พ.ศ.2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐ (Bodhigayavijjalaya 980 Institute, India)  เลขาธิการสถาบันโพธิคยาฯ กราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรี ธรรมยาตรามหานทีคงคา_ลุ่มน้ำโขง วันที่ 28 กันยายน พ.ศ.2566 ที่โรงแรมโซฟิเทล พนมเปญ โภคีธรา กัมพูชา 

ในโอกาสเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการของ นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  ดร.สุภชัย วีระภุชงค์  เลขาธิการสถาบันโพธิคยาฯ ได้รับโอกาสกราบเรียนเรื่อง การเตรียมการจัดงานธรรมยาตรามหานทีคงคา-ลุ่มน้ำโขง: สักการะพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมพระอรหันตธาตุพระอัครสาวก พระสารีบุตร และพระมหาโมคคัลลานะ ซึ่งเป็นงานที่มาจากความร่วมมือของรัฐบาลทั้ง 3 ประเทศ คือ อินเดีย ไทย และกัมพูชา โดยมีสถาบันโพธิคยาฯ เป็นผู้ดำเนินการประสานงานอย่างใกล้ชิด 

ทั้งมีกำหนดจัดงานขึ้นราวปลายปีนี้ โดยผู้แทนรัฐบาลอินเดียจะเป็นผู้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย ณ กรุงนิวเดลี พร้อม พระอรหันตธาตุพระสารีบุตร และพระมหาโมคคัลลานะ จากสถูปสาญจี อินเดีย มาประดิษฐานให้ประชาชนได้ถวายสักการะที่ประเทศไทยเป็นลำดับแรก จากนั้นจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมพระอรหันตธาตุพระสารีบุตร และพระมหาโมคคัลลานะ ไปยังราชอาณาจักรกัมพูชา โดยรายละเอียดอยู่ระหว่างเตรียมการ เพื่อนำไปสู่แนวทางปฏิบัติการรับเสด็จอย่างสมพระบารมี

ในการนี้ เลขาธิการสถาบันฯได้เสนอแนวคิดเพิ่มเติมต่อท่านนายกรัฐมนตรีฯ ถึงเรื่องการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมพระอรหันตธาตุพระอัครสาวกฯ ครั้งนี้ จะเป็นโอกาสดีงามเป็นมงคลแด่พี่น้องชาวพุทธไทยอย่างยิ่ง ถ้าได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมพระอรหันตธาตุพระอัครสาวกฯไปทุกภาคของประเทศ ให้ประชาชนได้กราบสักการะเพื่อน้อมระลึกถึงพระธรรมคำสอน ได้เจริญจิตภาวนา ปฏิบัติบูชา อันเป็นการบูชาสูงสุดในทางพระพุทธศาสนาน้อมนำชีวิตสู่พระนิพพาน สุดท้ายเลขาธิการฯ มอบพระพุทธเมตตา และหนังสือธรรมยาตรา แด่ท่านนายกรัฐมนตรีฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล



ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2566 ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 สนทนาหารือกับ ดร.ฆี โสวัณรัตนา (H.E. Dr.KHY Sovanratana) เลขาธิการกระทรวงต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศประเทศกัมพูชา เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวด้วย


@siampongnews ชุดจี้พร้อมแหนบกลัด #3พระอรหันต์ร้านต้นฉบับ ♬ Ready - Official Sound Studio

"พวงเพ็ชร" เข้าถวายเครื่องสักการะเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ แม่กองบาลีสมามหลวง



เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566 นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เข้ากราบนมัสการและถวายเครื่องสักการะแด่พระพรหมโมลี เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ  แม่กองบาลีสมามหลวง ขอคำแนะนำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าตอบแทนรายเดือนแก่เจ้าหน้าที่การศึกษาพระปริยัติธรรม (จศป.) จำนวน 3,320 อัตรา จำนวน 346,726,400 บาท  ได้ตอบกระทู้ถามสดในสภาฯ ระบุว่า  สำหรับค่าตอบแทนรายเดือนแก่เจ้าหน้าที่การศึกษาพระปริยัติธรรม (จศป.) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ทางรัฐบาลได้กำหนดจัดสรรไว้แล้วจำนวนทั้งสิ้นกว่า 500 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ส่วนของกองธรรมสนามหลวงได้รับจัดสรรงบประมาณ ปี 2566 เพียงจำนวน 59 อัตรา  สำนักงานแม่กองบาลีสนามหลวงได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 30 อัตรา และสำนักงานพระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ได้รับจัดสรรงบประมาณ เพียง  6 อัตรา ซึ่งนายอินทพร จั่นเอี่ยม รองผู้อำนวยการรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะเลขานุการการศึกษาพระปริยัติธรรม ได้ลงนามแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาแนวทางการจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่การศึกษาพระปริยัติธรรม (จศป.) ตามสิทธิใน พ.ร.บ. การศึกษาพระปริยัติธรรมพ.ศ. 2562 ในส่วนของกองธรรมสนามหลวง กองบาลีสนามหลวง และ ศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์  โดยให้คณะทำงานชุดนี้ มีหน้าที่ในการกำหนดแนวทางการจัดสรรงบประมาณให้กับทั้ง สำนักงานแม่กองบาลีสนามหลวง สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง และศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ รวมทั้งมีหน้าที่จัดทำข้อมูลในการเสนอของบประมาณเป็นอันดับต่อไป เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา


ขอบคุณข้อมูลจาก - เฟซบุ๊กดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด


 


@siampongnews ชุดจี้พร้อมแหนบกลัด #3พระอรหันต์ร้านต้นฉบับ ♬ Ready - Official Sound Studio

คกก.รับมือเอลนีโญ ชู "ธนาคารน้ำใต้ดิน-ฝายแกนซอยซีเมนต์" หยุดโครงการใหญ่



"ภูมิธรรม-สมศักดิ์-ปลอดประสพ-วรวัจน์"ร่วมถกรับมือเอลนีโญ   เล็งหยุดโครงการขนาดใหญ่ หันมาเดินหน้าโครงการเล็ก"ธนาคารน้ำใต้ดิน-ฝายแกนซอยซีเมนต์"ให้กระจายทั่วประเทศขีดเส้น 100 วัน 

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญ และลานีญา ของประเทศไทย ครั้งที่ 1/2566 โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานกรรมการฯ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองประธานกรรมการ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย และคณะกรรมการเพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญ และลานีญาฯ เข้าร่วม ที่สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

โดย นายภูมิธรรม กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการเพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญ และลานีญาฯ วันนี้ เพราะ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงเกิดคณะกรรมการชุดนี้ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาภัยแล้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ เพราะจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ดังนั้น หากมีการเตรียมการรองรับที่ดี ปัญหาที่จะเกิดขึ้นก็จะเบาบางลง และประชาชนก็จะได้รับความทุกข์น้อยลง โดยอีก 3 ปี เราอาจจะเผชิญปัญหา ซึ่งหากไม่เกิดก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเกิดเราก็มีการเตรียมไว้ทั้งหมดแล้ว โดยท่านนายกฯ ก็ประกาศชัดเจนในวันแถลงนโยบายว่า ให้ความสำคัญกับเรื่องสภาพอากาศ เพราะอาจส่งผลกระทบไปถึงเรื่องเศรษฐกิจด้วย

"หวังว่าจากนี้ เราจะขับเคลื่อนงานร่วมกันไปข้างหน้า ซึ่งเรื่องภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น เป็นการคาดการณ์ แต่มั่นใจว่า มีโอกาสเกิดขึ้น ดังนั้น แนวทางการทำงาน ก็ต้องมีการปรับให้เข้ากัน โดยเรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะน้ำคือชีวิต ถ้าเจอภัยแล้ง 3 ปี เราจะเหนื่อยมาก จึงต้องเข้าใจว่า เป็นภารกิจสำคัญ โดยจากนี้ เราจะหลีกเลี่ยงโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้งบประมาณมาก และมุ่งไปขับเคลื่อนโครงการขนาดเล็ก เพื่อให้กระจายไปทั่วประเทศ และเมื่อเข้าสู่สถานการณ์ปกติ ก็จะกลับมาเดินหน้าโครงการใหญ่ต่อ ซึ่งอะไรทำได้ ท่านนายกฯให้ทำทันที แต่ถ้าติดขัดอะไรก็ให้รีบแก้ไข โดยผมอยากเห็นความคืบหน้า 100 วันแรก เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจ" นายภูมิธรรม กล่าว

@siampongnews

คกก.รับมือ #เอลนีโญชู " #ธนาคารน้ำใต้ดิน #ฝายแกนซอยซีเมนต์ " หยุดโครงการใหญ่ #ข่าวtiktok #tiktokshop

♬ เสียงต้นฉบับ - สยามพงษ์นิวส์

ขณะที่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราต้องเตรียมการป้องกันภัยแล้งให้ถึงที่สุด โดยต้องมีศูนย์สั่งการ หรือ บูรณาการ ซึ่งตนขอเสนอที่ตั้งศูนย์สั่งการ ที่กระทรวงพาณิชย์ เพราะอาคารสถานที่มีความเหมาะสม ส่วนเรื่องการจัดทำงบประมาณนั้น รัฐบาลเพิ่งเข้ามาใหม่ แล้วเจอภัยแล้ง จึงอาจไม่สอดคล้องกับเรื่องที่จะทำ ตนจึงมองว่า รัฐบาลอาจขับเคลื่อนงานตามที่ต้องการไม่ได้ทั้งหมด เพราะด้วยสถานการณ์เอลนีโญ เราต้องมุ่งเน้นไปทำโครงการขนาดเล็ก เพื่อให้ทั่วถึงทั้งประเทศ เช่น โครงการธนาคารน้ำใต้ดิน ฝายแกนซอยซิเมนต์ เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บน้ำ และความชุ่มชื้น ให้ปัญหาภัยแล้งเบาบางลง โดยต้องสามารถรองรับสถานการณ์ภัยแล้งได้ถึง 3 ปี นอกจากนี้ ตนมองว่า ฝ่ายวิศวะควรสรุปรายละเอียดการก่อสร้างฝายให้ชัดเจนว่ามี สัดส่วนเท่าไหร่ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นว่ามีความแข็งแรง และใช้ได้นานกว่าฝายปกติ ดังนั้น การแก้ปัญหาตนมองว่า เราควรเน้นไปทำโครงการขนาดเล็ก เพื่อรักษาความชุ่มชื้น

ด้าน นายปลอดประสพ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันโลกเราร้อนขึ้น ส่งผลให้เกิดความแปรปรวน รวมถึงประเทศเรา มีทะเลทั้ง 2 ด้าน จึงมีความแปรปรวนสูงมากขึ้น ส่งผลด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ส่วนปัญหาเอลนีโญ ก็ไม่มีใครเถียงว่าจะไม่เกิด เพียงแต่จะเกิดยาวหรือไม่ ซึ่งหากแย่สุด 3 ปีต่อเนื่อง น้ำก็จะลดลงจนขาดแคลน ดังนั้น เราต้องยอมรับความจริง และต้องเร่งเก็บน้ำ โดยวันนี้ เราต้องบริหารความเสี่ยงให้ดี ขณะเดียวกัน ตนมั่นใจว่า เอลนีโญ เกิดขึ้นแต่จะยังไม่แรงจนกว่าจะเข้าหน้าแล้ง จะทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกจำนวนมาก ทั้ง ฝุ่น PM 2.5 จะรุนแรง เกิดไฟไหม้ง่าย นกจะเข้าอาศัยบ้านคนเพราะร้อน โรคระบาดต่างๆ จะเกิดขึ้น ไม้ผลจะตาย พืชไร่ใช้น้ำมากจะเสียหาย ส่งผลให้ราคาสินค้าแพงขี้น ด้านน้ำกินน้ำใช้ ก็จะขาดแคลน โดยทั้งหมดนี้ คือ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ตนจึงขอเสนอ 3 มาตรการแก้ปัญหาคือ 1. ยุทธศาสตร์และเป้าหมาย โดยคณะกรรมการชุดนี้ จะเป็นเครื่องมือรัฐบาล ในการบรรเทาผลกระทบ ทั้งระยะสั้น-ยาว 2.ยุทธวิธีติดตามสถานการณ์เป็นรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน พร้อมสร้างคลังข้อมูลให้ลึกมากขึ้น และ 3.ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาขับเคลื่อน 10 คณะ จะทำให้รัฐบาล สามารถรับมือภัยแล้งได้เป็นระบบ


@siampongnews มุ้งคอกเลี้ยง#ตั๊กแตน ♬ Tere Baad Nazar Nhi Aati Koi Manjil - Deepak Kurai

วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2566

"อภัยภูเบศร" คว้ารางวัลดีเด่น สาขาการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ พร้อมจับมือ ททท.ขนสุดยอดผลิตภัณฑ์สมุนไพร 7 ชนิด บุกสิงคโปร์

 


"อภัยภูเบศร" คว้ารางวัลดีเด่น สาขาการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ พร้อมจับมือ ททท.ขนสุดยอดผลิตภัณฑ์สมุนไพร 7 ชนิด บุกสิงคโปร์ โปรโมทไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ สนองนโยบาย รมว.สธ.เร่งขับเคลื่อน Health Land Mark 

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566   โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เข้ารับพระราชทางรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) หรือรางวัลกินรี ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 จาก ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดขึ้น โดยโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้รับคัดเลือกให้รับรางวัลดีเด่น (Tourism Silver Award)  สาขาการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ (Learning & Doing) เป็นรางวัลที่รับรองคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ด้วยมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism) เพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าของสินค้าทางการท่องเที่ยวไทยสู่ระดับสากล 

ดร.ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าว่า อภัยภูเบศร ได้นำเสนอแนวคิดด้านการท่องเที่ยวเพื่อสร้างการเรียนรู้ได้บนแนวคิด PLEARN (เพลิน) ซึ่งมาจาก Play และ Learn โดยมีการปรับกิจกรรมให้เหมาะกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สนใจด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพ นักท่องเที่ยวนอกจากจะได้มาเที่ยวชมความงามของสถาปัตยกรรมโบราณอายุกว่า 115 ปี แล้วยังสามารถเรียนรู้แนวคิดเพื่อต่อยอดธุรกิจสปา แนวคิดการสร้างความสมดุลอย่างองค์รวม และการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากฐานทรพยากรธรรมชาติที่มีในชุมชนได้ ส่งเสริมให้เกิดการพึ่งตนเองในระดับประชาชน ครัวเรือน และสังคมได้



นอกจากนี้ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ยังได้รับเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรม Health and Wellness Product Presentation ภายใต้โครงการ Wellness-Idea for Living : Thailand Meaningful Wellness New Chapter of Wellness Journey จัดโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา ณ สถานเอกอัครทูตไทย ประเทศสิงคโปร์เพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขาย นำเสนอสินค้าและบริการด้าน Health and Wellness ให้กับ Trader สิงคโปร์ กว่า 80 ราย โดยผลิตภัณฑ์สมุนไพรอภัยภูเบศร ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ ที่เข้าเยี่ยมชมบูธและสอบถามข้อมูล กว่า 30 ราย พร้อมกันนี้ ยังได้รับเกียรติ จาก ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ สิงคโปร์ ให้เข้าพบเพื่อขอคำแนะนำแนวทางการทำตลาดและจัดจำหน่ายสมุนไพรอภัยภูเบศร ในประเทศสิงคโปร์ อีกด้วย

ดร.ภญ. สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรฯ กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีว่า รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ได้มอบนโยบาย Health Land Mark ให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนำไปขับเคลื่อน ซึ่งจะทำให้ตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จากการที่การพัฒนาสมุนไพรคุณภาพเป็นเป็นยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติ ที่สำคัญคือเรามีเรื่องราวตำนานการใช้สมุนไพรที่เป็นอัตตลักษณ์ของไทยร่วมไปกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อย่างไม่หยุดนิ่ง 



ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่า ในกิจกรรมครั้งนี้ อภัยภูเบศรได้นำเสนอผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ 7 ชนิดที่มีความแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ เป็นที่นิยมมีความโดดเด่น มีตำนาน มีเรื่องราว การใช้ของหมอยาพื้นบ้านได้แก่ 1.อภัย-บี จากกลีบบัวหลวงสีแดง บัวบก พริกไทย ซึ่งมาจากหมอยาพื้นบ้าน ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ มีส่วนช่วยในการเสริมความจำ มีงานวิจัยพบว่าเป็นกลไกเดียวกันกับยารักษาสมองเสื่อมที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ยืนยันองค์ความรู้โบราณที่สัมพันธ์กับการวิจัยสมัยใหม่ 2.น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวอินทรีย์ ผลิตจากน้ำมันรำข้าวเกษตรอินทรีย์ของชาวนาไทย ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ผลิตภัณฑ์ตัวที่ 3.และ 4. คือ อภัย เฮิร์บการ์ด ซอฟท์ & สครับ โซพ บาร์ และ อภัย เฮิร์บการ์ด ซอฟท์ & เจนเทิล ลิควิด โซพ  ผลิตภจากสารสกัดฟ้าทะลายโจรในเนื้อสบู่ที่อ่อนโยน ช่วยการอักเสบ ทำให้ผิวชุ่มชื้น 5.อภัย เมาท์ สเปรย์  สเปรย์พ่นคอที่มีส่วนผสมของสารสกัดฟ้าทะลายโจร เพื่อลมหายใจหอมสดชื่น ต้านการอักเสบในคอ และแผลในช่องปาก 6. ฟ้าทะลายยุง ยากันยุงจากสารสกัดฟ้าทะลายโจร ที่ผ่านการทดสอบการระคายเคือง ป้องกันยุงอย่างมีประสิทธิภาพ  7.ยาสีฟันสมุนไพรกระชาย  ช่วยยับยั้งการเกิดคราบพลัคสาเหตุของฟันผุและกลิ่นปาก ช่วยดูแลเหงือกและฟัน

“ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้ง 7 ชนิดทีนำไปจัดแสดง เป็นความแปลกใหม่ เป็นที่สนใจและเชื่อว่าจะมีส่วนทำให้นักท่องเที่ยวมีความสนใจในการมาท่องเที่ยงด้านสุขภาพในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น” เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าว


@siampongnews มุ้งคอกเลี้ยง#ตั๊กแตน ♬ Tere Baad Nazar Nhi Aati Koi Manjil - Deepak Kurai

"พศ." อาสนะร้อนแล้ว! ตั้งคณะทำงานจัดทำข้อมูลงบฯให้บุคลากร "บาลี-นักธรรม -ปริยัตินิเทศก์" หลังครม.จัดงบฯจ่ายค่าตอบแทนครูพระปริยัติธรรม



เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566  หลังจากที่ โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ได้รับงบประมาณ  (งบกลาง) จำนวน  3 เดือน (กรกฎาคม-กันยายน 2565) และงบประมาณปี 2566 ครบ 12 เดือน รวมเป็น 15 เดือน เป็นจำนวน  3,320 อัตราเป็นจำนวนงบประมาณ 346,726,400 ล้านบาทและกำลงเตรียมเข้าสู่ระบบการรับจัดสรรงบประมาณ ประจำปี 2567  ตามที่ทราบแล้วนั้น ในส่วนของกองธรรมสนามหลวงได้รับจัดสรรงบประมาณ ปี 2566 เพียงจำนวน 59 อัตรา  สำนักงานแม่กองบาลีสนามหลวงได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 30 อัตรา และสำนักงานพระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ได้รับจัดสรรงบประมาณ เพียง  6 อัตรา



 ล่าสุด นายอินทพร จั่นเอี่ยม รองผู้อำนวยการรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะเลขานุการการศึกษาพระปริยัติธรรม ได้ลงนามแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาแนวทางการจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่การศึกษาพระปริยัติธรรม (จศป.) ตามสิทธิใน พ.ร.บ. การศึกษาพระปริยัติธรรมพ.ศ. 2562 ในส่วนของกองธรรมสนามหลวง กองบาลีสนามหลวง และ ศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์  โดยให้คณะทำงานชุดนี้ มีหน้าที่ในการกำหนดแนวทางการจัดสรรงบประมาณให้กับทั้ง สำนักงานแม่กองบาลีสนามหลวง สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง และศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ รวมทั้งมีหน้าที่จัดทำข้อมูลในการเสนอของบประมาณเป็นอันดับต่อไป

 

 


@siampongnews #หนังสือสวดมนต์กระแตปกแข็ง ♬ Dj Jalan Pargoy X Goyang Jaypong - DJ MIFTAH

เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัยหาหรือเลขาธิการกระทรวงต่างประเทศฯกัมพูชา คาดเตรียมงานธรรมยาตราครั้งที่ 3 มหานทีคงคา-ลุ่มน้ำโขง


เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566  ดร.ฆี โสวัณรัตนา  เลขาธิการกระทรวงต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศประเทศกัมพูชาได้หารือกับดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 และคณะ คาดว่าเป็นการปรึกษาหารือเกี่ยวกับการเตรียมงานธรรมยาตราครั้งที่ 3 มหานทีคงคา-ลุ่มน้ำโขง 

ทั้งนี้เพจสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐ (Bodhigayavijjalaya 980 Institute, India) ได้โพสต์ข้อความวันนี้(29ก.ย.) ความว่า  หารือเลขาธิการกระทรวงต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศประเทศกัมพูชา  #ธรรมยาตรามหานทีคงคา_ลุ่มน้ำโขง

วันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2566 ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 สนทนาหารือกับ ดร.ฆี โสวัณรัตนา (H.E. Dr.KHY Sovanratana) เลขาธิการกระทรวงต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศประเทศกัมพูชา โดยมีประเด็นสำคัญเรื่อง การเตรียมงานธรรมยาตราครั้งที่ 3 มหานทีคงคา-ลุ่มน้ำโขง เพื่อการเตรียมความพร้อมในการถวายการต้อนรับพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมพระพระอรหันตธาตุพระอัครสาวก พระสารีบุตร และพระมหาโมคคัลลานะ ซึ่งเป็นงานที่มาจากความร่วมมือของรัฐบาลทั้ง 3 ประเทศ คือ อินเดีย ไทย และกัมพูชา โดยมีสถาบันโพธิคยาฯ เป็นผู้ดำเนินการประสานงานอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้เมื่อที่ 31 สิงหาคม 2566 ที่วัดโบตุมวดีราชวราราม กรุงพนมเปญ กัมพูชา สมเด็จพระพุทธชัยมุนีเขมสรณ์ ประธานสำนักเลขาธิการเถรสมาคมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และเจ้าชายแห่งพนมเปญ มอบโอกาสให้ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980  H.E Dr. Neak Sambo , Secretary of State, Ministry of Cults and Religions.รัฐมนตรีช่วยกระทรวงธรรมการ และศาสนา ประเทศกัมพูชา พร้อมด้วย Mr. Houng Daramony กรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 กัมพูชา เข้ากราบถวายความเคารพ และบำเพ็ญกุศลเนื่องในโอกาสวันพระ



โอกาสนี้ ดร.สุภชัย ถวายรายงานความคืบหน้าการเตรียมงานธรรมยาตราครั้งที่ 3 มหานทีคงคา-ลุ่มน้ำโขง สักการะพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมด้วยพระอรหันตธาตุพระสารีบุตร และพระมหาโมคคัลลานะจากชมพูทวีป มายัง 2 ประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ประกอบด้วยประเทศไทย และกัมพูชา ตามคำอาราธนาจากรัฐบาลไทย เพื่อให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศได้กราบสักการะ และเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญในการเสด็จฯขององค์พระศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า ประทานพรโปรดพุทธศาสนิกชนใน 2 ประเทศ หลังจากว่างเว้นไปเกือบ 1 ศตวรรษ ทีไม่เคยเสด็จมายังอนุภูมิภาคนี้

@siampongnews ชุดจี้พร้อมแหนบกลัด #3พระอรหันต์ร้านต้นฉบับ ♬ Ready - Official Sound Studio

ทั้งนี้ก่อนกราบลา เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธชัยมุนีเขมสรณ์ ดร.สุภชัย นำคณะถวายรูปปั้นพระบรมครูแพทย์ชีวกโกมารภัจจ์ หนังสือธรรมยาตรา พร้อมเครื่องสังฆทาน เพื่อสั่งสมอริยทรัพย์ และกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย

สำหรับงานธรรมยาตราฯ ครั้งนี้จะจัดขึ้นราวปลายปีนี้ โดยผู้แทนรัฐบาลอินเดียจะเป็นผู้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พร้อม พระอรหันตธาตุพระสารีบุตร และพระมหาโมคคัลลานะ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานให้ประชาชนได้ถวายสักการะทีประเทศไทยเป็นลำดับแรก จากนั้นจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมพระอรหันตธาตุพระสารีบุตร และพระมหาโมคคัลลานะ ไปยังราชอาณาจักรกัมพูชา โดยกำหนดการและรายละเอียดอยู่ระหว่างการหารือเตรียมการ เพื่อนำไปสู่แนวทางปฏิบัติการรับเสด็จอย่างสมพระบารมี 


ขอบคุณข้อมูลและภาพจากเฟซบุ๊ก DrKhy Sovanratana

 

"เศรษฐา" เผยวางโรดแมพแก้ไขรธน.ไปแล้ว วอนทุกภาคส่วนก้าวข้ามความขัดแย้ง สื่อสารด้วยหลักวาจาสุภาษิต ร่วมพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน



นายกฯ พร้อมเปิดประเทศต้อนรับการลงทุน แจงจำเป็นต้องพักหนี้ช่วยเกษตรกร ยันไม่มีการจำนำ-ประกันราคา เว้นภัยพิบัติ รับประเทศไทยมีปัญหาขัดแย้งหมักหมมนาน ทุกคนต้องมีส่วนร่วมเปลี่ยน ลั่นไม่ควรเอาสถาบันมาพูดในที่สว่าง

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษ “Next Chapter ประเทศไทย” ที่ ห้องแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 2 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ภายในงาน ถอดรหัสลงทุน ก้าวข้ามวิกฤต โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน ปัญหาสังคม ปัญหาความเหลื่อมล้ำก็เป็นปัญหาใหญ่ ปัญหาการต่างประเทศ ก็เช่นกัน ซึ่งประเด็นที่จะพูดในวันนี้ก่อนเป็นประเด็นแรก คือปัญหาความเหลื่อมล้ำปัญหาสังคม เป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลที่หมักหมมมายาวนาน ไม่อยากจะบอกว่าถูกไปปะละเลยการแก้ปัญหา

แต่เป็นปัญหาที่ยากและใหญ่มีหลายมิติ ทำให้การแก้ปัญหาได้ไม่ตรง จึงต้องเริ่มด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้มีการวางโรดแมพไปแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์ เรามีส่วนทุกคนในการร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่การแก้ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง ประเทศไทยเป็นประเทศ ที่มีความเหลื่อมล้ำตามทางเศรษฐกิจสูงที่สุดประเทศหนึ่ง คนรวยก็รวยมาก คนจนก็จนมาก ถ้าให้รัฐบาลออกมาตรการ เป็นคำสั่งแก้ปัญหา คิดว่าปัญหาไม่ถูก เพราะตัองแก้ปัญหาด้วยจิตใต้สำนึกของทุกคน

ขอวิงวอนให้ทุกคนเข้าใจ และเชื่อว่า ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำความไม่เสมอภาค ความไม่เท่าเทียมในทุกมิติ ไม่ว่าจะสิทธิเสรีภาพในการเลือกเพศสภาพ เลือกการประกอบอาชีพ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ขอให้ช่วยกันซัพพอร์ตแสดงความเห็น ในเชิงบวก ในส่วนของตนเองขอบคุณในฐานะคนไทย แต่ปัจจุบันนี้ การให้ความสำคัญกับ Social Media เยอะคนพูดเยอะ มีการใช้คำพูดที่บาดหัวใจ ฟังแล้วสะอื้นได้พอสมควร

@siampongnews มุ้งคอกเลี้ยง#ตั๊กแตน ♬ Tere Baad Nazar Nhi Aati Koi Manjil - Deepak Kurai

ถึงแม้ว่าจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันเล็กน้อย แต่บางครั้งก็เป็นเรื่องอ่อนไหวจริงๆ ทำให้เปลี่ยนตัวเอง แต่ผลกระทบในเชิงลึกมีมาก สังคมมีความแตกแยกมีการแบ่งพรรคพวกที่ชัดเจน เรามีวิธีการที่สื่อสารกันได้หลายวิธี ซึ่งแต่ละคนมีวิธีการสื่อสารที่แตกต่างกันไป คำพูดคำจาแต่ละคำมีความหมายลึกซึ้ง ปัญหาไม่ได้เพิ่งเกิด 2-3 ปี แต่เกิดมานานแล้ว หลายคนอาจจะบอกว่าการใช้ภาษารุนแรงนั้นชัดเจน

แต่อาจจะมีวิธีอื่นแก้ปัญหา อยากให้มองอีกมุมหนึ่ง ถ้าทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา แล้วหันเข้าหากัน ผมเป็นคนที่ชัดเจนมาตลอด หากรู้จัก ผมเป็นพูดน้อย ได้ใจความ แต่มายืนอยู่ตรงนี้ตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่เราเอง ต้องมีการปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้ลดความขัดแย้งลงไปในการพูดจา ผมไม่ได้ต้องการว่าใครหรือตอบโต้ใครทั้งสิ้น การใช้คำว่าปฏิรูปสังคายนา ล้างบาง ผมขอยกตัวอย่างคำพูดเหล่านี้ ผมว่าทุกๆคนก็มีความภูมิใจในองค์กรของตัวเอง ทุกคนเข้าใจในความหวังดี ขององค์กรตัวเอง และทุกองค์กรมีทั้งคนดีและไม่ดี

แต่เราใช้คำพูดที่รุนแรง วิธีการที่ก่อให้เกิดการแบ่งพรรคพวกที่ชัดเจน เป็นวิธีการที่แก้ไขปัญหาหรือเปล่า หรือการแก้ไขปัญหาอยู่ที่การกระทำ และการพูด การที่เอาสถาบันต่างๆ มาพูดในที่สว่าง มีคำพูดที่รุนแรง เชื่อว่าไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่การแก้ไขปัญหาคือพูดคุยกัน ในภาษาที่ทุกคนยอมรับได้ เน้นหนักที่การกระทำ และกระบวนการแก้ไขปัญหาที่จะทำให้ สังคมนั้นดีขึ้น การกระทำตัวของทุกคนในสังคม มีส่วนช่วยให้สังคมลดความเหลื่อมล้ำ

เชื่อว่าทุกคนในที่นี้ อาจจะรวมถึงผมเองไม่สายเกินไป ในการช่วยเยียวยาสังคมให้ดีขึ้นจากการกระทำของพวกเราเองทุกคน เราต้องรับผิดชอบต่อสังคม ถือเป็นส่วนหนึ่ง ที่เราจะนำประเทศเดินไปข้างหน้าควบคู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น

นายเศรษฐา ยังกล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจทุกคนเข้าใจดี GDP เพื่อนบ้านที่โตกว่าเราถึงสองเท่า ปัญหาเศรษฐกิจประชาชนเดือดร้อนถ้าไม่มีการเยียวยาหรือบริหารจัดการจะเรียกว่าประชานิยมหรือนโยบายหาเสียงอะไรก็ได้แต่มีอีกหลายสิบล้านคน ที่เดือดร้อนอยู่กับปัญหาปัจจุบัน รัฐบาลนี้มาเพื่อประชาชนอะไรที่ทำได้เราทำก่อน เช่นการลดค่าไฟ หลายคนเข้าใจว่าพยายามทำอยู่อย่างการพักหนี้เกษตรกร หลายคนคงไม่เข้าใจถึงความเดือดร้อนของเกษตรกร พักหนี้มาแล้ว 13 ครั้งภายใน 9 ปีแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก แต่ความจำเป็นที่ต้องพักตอนนี้ เพราะเกษตรกรเดือดร้อนมาก ทำให้มีขวัญและกำลังใจในการทำงานต่อ มีหลายตลาดที่เรายังด้อยกว่าประเทศอื่น อาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพที่ต้องพึ่งดินฟ้าอากาศเยอะ เราไม่มีความประสงค์เรื่องการจำนำข้าวหรือประกันราคาข้าว โดยรัฐบาลจะใช้ตลาดนำนวัตกรรมเสริม ยกเว้นจะมีภัยพิบัติร้ายแรงที่เราต้องช่วยจุนเจือเกษตรกร ไม่ขอพูดเรื่องรัฐบาลก่อนๆ

นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงเรื่องน้ำท่วมและภัยแล้ง การบริหารจัดการน้ำแบ่งเป็นสี่ส่วน คือการบริโภค ระบบนิเวศ อุตสาหกรรม และเกษตรกรรมซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และในปีนี้ฝนตกช้าและตกน้อย และสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ตกลงมาก็ตกหลังเขื่อน จึงได้กำชับเรื่องการเก็บน้ำ ได้สั่งการกรมชลประทาน ต้องไม่ให้เกิดขึ้นและควบคู่กับการเกษตรกรรมทั้งหมด

นายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงถึงการเดินทางไปประชุมยูเอ็นที่สหรัฐอเมริกา ได้มีโอกาสเจอผู้นำหลายประเทศและเป็นการประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยเปิดแล้วในการทำธุรกิจทุกประเทศ เราจะมีผู้นำและรัฐบาลเดินทางไปพบปะกับทุกประเทศ เพื่อทำ เร่งเจรจาเพื่อขยายข้อตกลง FTA เพื่อเป็นการเปิดประเทศ ให้นักลงทุนเข้ามา และจากการที่ได้พบตัวแทนหลายบริษัท เช่นไมโครซอฟ เทสล่า ก็ให้ความสนใจ ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านเหรียญ สำหรับการลงทุนอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย ที่ไม่ได้พึ่งจาก GDP ของภาคเกษตรเพียงอย่างเดียว ซึ่งไทยไม่ใช่มีเพียงวัฒนธรรม ภูเขา ทะเล หรือ สถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เรายังมีโรงเรียนนานาชาติ สถานพยาบาล ไว้รองรับ

ส่วนเรื่องของสนามบินก็เป็นเรื่องสำคัญไม่งั้นความเจริญก็จะกระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพมหานคร หรือภูเก็ตเท่านั้น ซึ่งในการท่องเที่ยวไม่ใช่เน้นนักท่องเที่ยวจำนวนนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ทำอย่างไรให้เขาอยู่ประเทศไทยนานขึ้น ทุกกระทรวงต้องร่วมมือกัน โปรโมทยกระดับการท่าอากาศยานให้รองรับเครื่องบินมาขึ้น เพื่อให้เที่ยวบินสามารถบินเข้าออกในช่วงกลางคืนได้ด้วย เป็นความปรารถนาของรัฐบาลนี้ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ อาจจะมีการเปลี่ยนสนามบินในพื้นที่ภาคใต้ เป็น อันดามันแอร์พอร์ต หรือที่เชียงใหม่ เป็นล้านนาแอร์พอร์ต ต้องพัฒนาขึ้นจากเดิม ผมเทหมดหน้าตักในการประเทศ บำบัดบำรุงสุขให้ประชาชน

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนกำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่นในเดือนธ.ค.นี้ และยืนยันไม่ลืมต้นน้ำที่ญี่ปุ่นเคยช่วยเหลือเรามาเป็น 10 ปี พร้อมยกตัวอย่างกรณีของบริษัทรถญี่ปุ่นที่มีความกังวลเรื่องตลาดรถอีวี ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถญี่ปุ่น ซึ่งอาจทำให้อุตสาหกรรมดังกล่าวเดือดร้อน ซึ่งเราจะมีการพูดคุยกับสมาคมยานยนต์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์สันดาปช่วงสุดท้าย ทำให้ช่วงเวลาที่จะปรับตัวกับช่วงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลง

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติที่มี การพูดถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลจะให้ความสำคัญ พร้อมย้ำว่า รัฐบาลพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ พูดคุย และรับข้อเสนอแนะ เพื่อดึงดูดการลงทุน สนับสนุนหน่วยงานรัฐ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และเอกชน ให้ออกไปพูดคุยกับนานาประเทศ

ทั้งนี้ภารกิจในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรี จะนำคณะลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดภูเก็ตและพังงา เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้าง โครงการสนามบินนานาชาติอันดามัน และรับฟังความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ รวมไปถึงพูดคุยกับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจสถานบันเทิง เกี่ยวกับการขยายเวลาสถานบันเทิง 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ได้เปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนรถ ส่วนตัว All NEW Lexus LM 350h Executive 4-Seater จากป้ายแดงเป็นป้ายดำ ซึ่งเดิมป้ายแดง หมายเลขทะเบียน ถ 6506 กรุงเทพมหานคร เป็นป้ายขาว หมายเลขทะเบียน 3 ขส 30 กรุงเทพมหานคร

 


ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง! "วันชัย" มองก้าวไกลขับ "ปดิพัทธ์" เป็นนิติกรรมอำพราง


เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566  นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคก้าวไกลมีมติขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ออกจากพรรค เพื่อรักษาตำแหน่งรองประธาน เพราะเห็นว่าทำหน้าที่ได้ดีว่า เรื่องการทำหน้าที่ได้ดี ก็เป็นอีกเรื่อง แต่มาตรฐานของพรรคการเมืองอย่างพรรคก้าวไกล ทั้งเคยไปตำหนิทั้งสังคมและพรรคการเมือง แต่เมื่อถึงเวลาอยากได้ตำแหน่ง อยากได้อำนาจ ก็ทำอะไรที่ไม่ต่างจากคนอื่น ซึ่งที่ผ่านมาเคยโจมตีคนอื่น แต่ตัวเองกลับทำในเรื่องที่เหมือนกล่าวหาคนอื่น

@siampongnews มุ้งคอกเลี้ยง#ตั๊กแตน ♬ Tere Baad Nazar Nhi Aati Koi Manjil - Deepak Kurai

เพราะพฤติกรรมที่ทำนี้ถือเป็นนิติกรรมอำพราง ซึ่งใครๆ ก็รู้อยู่ว่าเหมือนของหลอกๆ ไม่ใช่ของจริง เพราะความจริงแล้ว ในอดีตพรรคการเมืองของตนเอง ซึ่งเคยมี สส. ไปทำกิจกรรมกับพรรคอื่นหรือไม่ได้อยู่กับพรรค ก็ไม่เห็นไล่ออก แต่พอมาคราวนี้ อยากได้ตำแหน่ง อยากได้อำนาจ ก็ทำทีเป็นไล่ออกซึ่ง ถ้าถามว่าสังคมรู้หรือไม่ ก็ต้องบอกว่าสังคมรู้และใครๆ ก็รู้ แบบนี้จึงเห็นว่ามาตรฐานของพรรคการเมืองแบบนี้ ไม่ควรทำอย่างนี้

พร้อมทั้งเห็นว่าในอดีตและพรรคอื่นทำ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลับนิ่งเฉย แล้วปล่อยเลยเถิดมาก จนมีการทำเป็นแบบอย่าง ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องและไม่ถูกตามที่กฎหมายกำหนด และย้ำว่าเป็นพฤติกรรมที่พรรคก้าวไกลไม่ควรกระทำ

ส่วนที่พรรคก้าวไกล ยืนยันว่า ทำตามกฎหมายเพราะรัฐธรรมนูญบังคับไว้ นายวันชัย กล่าวว่า แม้ว่าหลายเรื่องไม่ผิดกฎหมาย แต่ควรต้องดูถึงความถูกต้อง จริยธรรม คุณธรรม ความเหมาะความควร แล้วตัวเองเป็นพรรคเป็นพรรคการเมืองที่ประกาศถึงมาตรฐานทางการเมืองสูงกว่าคนอื่น ดังนั้น จะมาเห็นว่าคนอื่นทำแบบนี้ แล้วตัวเองควรทำด้วยเป็นเรื่องไม่ควรทำ ไม่เช่นนั้นทั้งในสภาและนอกสภาจะกล่าวหาได้ว่าพรรคนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับพรรคการเมืองอื่นๆ เวลาอยากได้อำนาจอยากได้ตำแหน่งอะไรก็อ้างได้


ไหนบอกทำการเมืองแบบใหม่! "หมอวรงค์" ถามก้าวไกลหลังขับ "หมออ๋อง"


เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566   จากกรณีพรรคก้าวไกล ได้ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และ ส.ส.ของพรรค เพื่อวางแนวทางการทำงานที่รองรับเป้าหมายของพรรค จากนั้นพรรคได้ออกแถลงการณ์ กรณีให้นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 พ้นจากสมาชิกภาพของพรรค ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก วรงค์ เดชกิจวิกรม - Warong Dechgitvigrom ระบุว่า...  ก้าวไกลขับหมออ๋อง ลูกไม้ตื้นๆแบบนี้ ไหนบอกว่าจะทำการเมืองแบบใหม่ แต่ที่ทำมาทั้งหมดนั้น หนักกว่าเดิม

ขณะที่นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) รีทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์@slide2495p ที่เป็นบทกลอน ระบุว่า...  กาเหว่า ฝากไข่ ให้กาฟัก  ย่องเบา ซ่อนรัก สมัครสมาน ซมซาน กอดเก้าอี้ รองประธาน หมดศักดิ์ศรี ตำนาน ที่ไกลเกิน…

ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า... ขับออกจากพรรคเพื่อไปหาพรรคใหม่อยู่ ทำให้ได้เป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้าน และยังได้ตำแหน่งรองประธานสภาโดยพฤตินัยอีกด้วย นี่คือการเมืองใหม่ที่สุดจะน้ำเน่าเหลือทนได้จริงๆ นะครับ 

อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ้าว อ๊ะ อาว อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ้าว อ๊ะ อาว

ฝากให้เธอเลี้ยงดู ให้อยู่กับเธอแล้วกัน  อยู่กับฉัน มันก็คงไม่ได้การ ถ้าอย่างงั้น คงต้องวานให้เธอเลี้ยง


@siampongnews มุ้งคอกเลี้ยง#ตั๊กแตน ♬ Tere Baad Nazar Nhi Aati Koi Manjil - Deepak Kurai

มติ "ก้าวไกล" ขับ "ปดิพัทธ์"! ออกจากสมาชิกพรรคแล้ว อ้างต้องการเป็นฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์


เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกล ออกแถลงการณ์กรณีให้ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก เขต 1 พ้นจากสมาชิกภาพของพรรคก้าวไกล ระบุว่า เรียนพี่น้องประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดในประเทศ นับจากนี้ไป พรรคก้าวไกลจะมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานเต็มที่ในฐานะ “ฝ่ายค้าน” เราจะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา พร้อมกับผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้า และเตรียมความพร้อมในการเป็นรัฐบาลที่ดีของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งถัดไป

โดยในวันนี้ (28 ก.ย. 2566) คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลจึงได้ประชุมร่วมกัน เพื่อวางแนวทางการทำงานที่รองรับเป้าหมายของพรรค ดังต่อไปนี้



1. ที่ประชุมร่วมฯ เห็นตรงกันว่า พรรคก้าวไกลควรเดินหน้าเป็น “ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์” ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยให้หัวหน้าพรรคคนใหม่ ชัยธวัช ตุลาธน รับตำแหน่ง “ผู้นำฝ่านค้านในสภาผู้แทนราษฎร” เพื่อกำกับทิศทางการทำหน้าที่ในสภาฯ ของฝ่ายค้าน

2. ที่ประชุมร่วมฯ เข้าใจว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะทำให้ สส. จากพรรคก้าวไกล ไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ ตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 106

3. ที่ประชุมร่วมฯ รับทราบจากหัวหน้าพรรคว่า ทางคณะกรรมการบริหารพรรคได้หารือประเด็นดังกล่าวกับ ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกลแล้ว โดย ปดิพัทธ์ ได้แสดงความประสงค์ว่าต้องการทำหน้าที่ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เพื่อผลักดันให้สภา มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น ตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ก่อนหน้า รวมถึงเพื่อช่วยผลักดันให้กระบวนการตรวจรับอาคารรัฐสภา ซึ่งมีสัญญาก่อสร้างมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท มีความโปร่งใส

@siampongnews มุ้งคอกเลี้ยง#ตั๊กแตน ♬ Tere Baad Nazar Nhi Aati Koi Manjil - Deepak Kurai

4. ที่ประชุมร่วมฯ เห็นด้วยว่าภารกิจที่ปดิพัทธ์ ตั้งใจขับเคลื่อนจะนำไปสู่การยกระดับการทำงานของสภา และเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่ที่ประชุมร่วมฯ ยังคงยืนยันถึงความสำคัญของการทำหน้าที่เป็น “ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์” ซึ่งจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หาก ปดิพัทธ์ ยังคงดำรงสถานะเดิมในฐานะรองประธานสภา จากพรรคก้าวไกล

5. ที่ประชุมร่วมฯ จึงมีมติว่า ในเมื่อ ปดิพัทธ์ ยังคงยืนยันความประสงค์จะทำงานในฐานะรองประธานสภาต่อ พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องให้ปดิพัทธ์ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคของพรรคก้าวไกล ตามบทบัญญัติแห่งข้อบังคับพรรคก้าวไกลและรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พรรคก้าวไกลสามารถทำหน้าที่เป็น “ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์” ได้ อันเป็นเงื่อนไขที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานของพรรคหลังจากนี้

6. ที่ประชุมร่วมฯ หวังว่า แม้ ปดิพัทธ์ จะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลอีกต่อไป แต่เขาจะยังขับเคลื่อนนโยบายตามที่ได้เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ก่อนถูกรับเลือกโดยสภาผู้แทนราษฎร และต้องวางตนเป็นกลางต่อทุกพรรคการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญ มาตรา 80

พรรคก้าวไกลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคน มาร่วมกับเราในการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไปด้วยกัน


วิเคราะห์ปัญจาลวรรคในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ปัณณาสก์

  วิเคราะห์ปัญจาลวรรคในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23: พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ปัณณาสก์ในปริบทพุทธสันติวิธี บทนำ พระไตรปิฎกเล...