วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2566

"อดิศร" เสร็จกรำศึกแถลงนโยบายรัฐบาล เข้าวัด"มจร" ร่วมงาน "136 ปี มหาจุฬาฯ" ผู้ช่วยปลัด "อว." แนะปรับหลักสูตรตามกระแสบูรณาการเชิงพุทธ



เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 พระปราโมทย์  วาทโกวิโท, ดร. ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษาระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย( มจร)   ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เข้าร่วมรับฟังการเสวนาทางวิชาการ ภายใต้หัวข้อ "136  ปี มหาจุฬา ฯ สร้างพุทธนวัตกรรมเพื่อพัฒนาจิตใจและสังคม" โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย 

1.)ดร.อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปรัฐบาล ได้สะท้อนประเด็นสำคัญว่า มหาจุฬาต้องเป็นหลักวิชาการเพื่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งพระพุทธเจ้าพระองค์สู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งมหาจุฬาต้องกล้ายกย่องศิษย์เก่า ซึ่งมหาจุฬามีความยิ่งใหญ่ โดยพระพุทธศาสนาทำให้คนเย็นลง มีความสงบเย็น ในอนาคตอยากให้มหาจุฬาเป็นแหล่งเรียนรู้ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม จึงขอปวารณาในการรับใช้มหาจุฬาและพระพุทธศาสนา แต่ขอให้มหาจุฬาอันเป็นสถาบันการศึกษาในทางพระพุทธศาสนาขอให้ยึดหลักการทางพระพุทธศาสนา  

จึงขอยืนยันว่าไม่มีใครแตกฉานด้านพระพุทธศาสนาเท่ากับมหาจุฬาแล้ว คำถามว่า เวลามีปัญหาทางสังคมต่างๆ มหาจุฬาจะมีส่วนร่วมอย่างไร ? นำสังคม หรือ ตามสังคมอย่างไร จะเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างไร ? เรามาถึง ๑๓๖ ปีถือว่าไม่ธรรมดา จะต้องเรียนรู้เทคโนโลยีให้เท่าทันเพื่อการสื่อสารธรรม เอามุมมองด้านพระพุทธศาสนาไปมองประเด็นทางสังคมเพื่อตอบโจทย์         

2)พลตรี ดร. ไชยนาจ ญาติฉิมพลี อดีตนายกสมาคมศิษย์เก่า มจร สะท้อนประเด็นสำคัญว่า  มหาจุฬาถือว่าเป็นสถาบันที่สร้างพุทธนวัตกรรมพัฒนาจิตใจและสังคมอย่างแท้จริง โดยได้นำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปบูรณาการพัฒนาจิตใจให้กับทหาร มีการนำไปการสอนโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์  โดยพุทธนวัตกรรมจะต้องครอบคลุมถึงวิปัสสนากรรมฐาน โดยไม่ทิ้งหลักสำคัญในทางพระพุทธศาสนา จึงยืนยันว่าการพัฒนาจิตใจถือว่าเป็นหลักพุทธนวัตกรรม  จะต้องภูมิใจในความเป็นมหาจุฬาจะต้องเป็นหนึ่งในใจของตนเองแล้วเป็นหนึ่งในใจคน 

@siampongnews ชุดจี้พร้อมแหนบกลัด #3พระอรหันต์ร้านต้นฉบับ ♬ Ready - Official Sound Studio

3)นายวันนี  นนท์ศิริ  ผู้ช่วยปลัดกระทรวงกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) สะท้อนประเด็นสำคัญว่า มหาจุฬามีความเป็นอัตลักษณ์ในการพัฒนาจิตใจของผู้คนถือว่าเป็นนวัตกรรมโดยหลักสูตรมีการปรับให้เหมาะกับสังคมปัจจุบัน เรียนมหาจุฬาจึงได้เปรียบมากเพราะมีการบูรณาการทางด้านจิตใจ ซึ่งลักษณะพิเศษของคนจบมหาจุฬา สามารถวางตนเหมาะสม เขียนหนังสือเก่ง  ใช้หลักสัปปุริสธรรม เช่น รู้เหตุ รู้ผล รู้ชุมชน รวมถึงใส่เนื้อหาเข้าไปในการสื่อสารทางสังคม สามารถเป็นพิธีกรเป็นที่พึ่งขององค์กรที่ทำงาน จึงต้องปรับหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดรับกับปัจจุบัน โดยนำพุทธศาสนาเข้ามาบูรณาการผ่านคำว่าเชิงพุทธ ถือว่ามีความได้เปรียบอย่างยิ่ง ถือว่าสนองปณิธานของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ด้วยการศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาชั้นสูง ซึ่งหลักสูตรปริญญาอาจจะไม่ตอบโจทย์คนในปัจจุบัน แต่หลักสูตรระยะสั้นจะทำให้คนสนใจเรียนรู้มากขึ้นผ่านคำว่า "พุทธนวัตกรรม" เพราะผู้คนมีความหลากหลายในยุคปัจจุบัน มหาจุฬามีอัตลักษณ์ที่ต้องนำพุทธนวัตกรรมมาบูรณาการ ซึ่งอัตลักษณ์ของมหาจุฬาคือ พระพุทธศาสนานำหน้าศาสตร์สมัยใหม่   

@siampongnews กาแฟดำจินดา 1 แถม 1 [กาแฟดำ 1 + โกโก้ 1] ลดราคาเหลือเพียง ฿390.00! #คนจนมีสิทธิไหมคะ ♬ Cooking Time - Lux-Inspira

สถาบันอุดมศึกษาต้องเป็นหลักให้กับประเทศว่าในมิติของวิชาการควรจะเป็นอย่างไร ? จึงต้องวิจัยให้เกิดนวัตกรรมซึ่ง มจร จะต้องเป็นพุทธนวัตกรรม รวมถึงบริการให้กับสังคมด้วยการเป็นที่พึ่งให้กับสังคม ซึ่งทิศทางในอนาคตจะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นนโยบายของรัฐบาลและสังคมโลก สอดรับกับกฎกระทรวงจัดกลุ่มมหาวิทยาลัย โดย มจร กับ มมร อยู่ในกลุ่มปัญญาและคุณธรรม จะต้องพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับปัจจุบัน จะต้องมีตัวชี้วัดให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการขอตำแหน่งทางวิชาการยังสามารถนำงานที่ทำกับชุมชนไปขอตำแหน่งทางวิชาการได้

ท้ายสุดพระธรรมวัชรบัณฑิต ศ.ดร. อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย  นำไหว้พระบูชาพระรัตนตรัย 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"บึงกาฬ" จัดกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนเเรงในครอบครัว

เมื่อวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2567 สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ จัดกิจกรรมกา...