ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ปลัดมหาดไทยพร้อมพระที่ปรึกษา ร่วมพิธีลงนามจับมือเครือข่ายปรับปรุงอาคารศาลากลาง สร้างหอศิลป์ฯเมืองน่าน-แหล่งเรียนรู้


เมื่อวันที่ 14  กันยายน 2566 กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับมูลนิธิรักษ์ป่าน่าน ในพระราชูปถัมภ์ฯ และมูลนิธิกสิกรไทย ลงนามสัญญาอนุญาตให้ใช้พื้นที่สนับสนุนโครงการปรับปรุงอาคารศาลากลางจังหวัดน่านหลังเก่า เป็นหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านและแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก เพื่อเป็น “ต้นแบบพื้นที่ในการยกระดับองค์ความรู้” สานต่อภูมิปัญญาสู่เด็กและเยาวชน เพื่อความสุขที่ยั่งยืนของประชาชน

วันนี้ (14 ก.ย. 66) เวลา 10:00 น. ที่ห้องประชุมราชบพิธ ชั้น 5 อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานร่วมในพิธีลงนามสัญญาอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อสนับสนุนการดำเนินการจัดการโครงการปรับปรุงอาคารศาลากลางจังหวัดน่านหลังเก่าเป็นหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน และแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก โดย นายบัณฑูร ล่ำซำ รองประธานกรรมการมูลนิธิรักษ์ป่าน่าน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นประธานร่วมและลงนามในสัญญาอนุญาต โดยมี นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการมูลนิธิกสิกรไทย นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน โดยได้รับเมตตาจากพระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย และพระครูสุภัทรธรรมโฆษิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม และผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดบางหลวงหัวป่า ร่วมในงาน โอกาสนี้ นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นางสาวชนม์ชนัม สุนทรศารทูล กรรมการและที่ปรึกษากฎหมายธนาคารกสิกรไทย นายมานะ สิมมา รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย นางบุญจิรา เจริญศักดิ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดน่าน นายพรชัย ยงนพกุล รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย และภาคีเครือข่าย ร่วมพิธี

@siampongnews ชุดจี้พร้อมแหนบกลัด #3พระอรหันต์ร้านต้นฉบับ ♬ Ready - Official Sound Studio

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นวันพิเศษยิ่งอีกวันหนึ่งที่ชาวมหาดไทยและพี่น้องภาคีเครือข่ายรู้สึกยินดีและดีใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นความตั้งใจของมูลนิธิรักษ์ป่าน่าน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และมูลนิธิกสิกรไทย ซึ่งเต็มไปด้วยความปรารถนาดีและมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงในการช่วยยกระดับและการสงวนรักษาไว้ซึ่งองค์ความรู้อันทรงคุณค่าของท้องถิ่น ภูมิภาค และประเทศไทย ทั้งในด้านศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ และความเป็นชาติ เพื่อสนับสนุนในการพัฒนาลูกหลานเยาวชนคนน่าน รวมถึงคนไทยให้ได้มีโอกาสในการศึกษาเรียนรู้สิ่งดีงามของบรรพบุรุษคนไทย โดยเฉพาะ “วัฒนธรรมล้านนา” ที่มีความหลากหลายในชาติพันธุ์ ประเพณีวัฒนธรรม องค์ความรู้ ภูมิปัญญา รวมทั้งภาษา ดนตรี ศิลปะ ขนบธรรมเนียมต่าง ๆ มากมาย

“ปัจจุบันเรากำลังเผชิญโลกแห่งพลวัตที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้สิ่งที่เป็นวัฒนธรรมอันดีได้รับผลกระทบเกิดความสูญหายหรือสูญสิ้นไป จนเกิดเป็นโบราณสถานเก่า ๆ มากมาย ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดมาจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือความโลภของมนุษย์ รวมไปถึงผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้หลายสิ่งได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหาย เป็นที่มาทำให้ท่านบัณฑูร ล่ำซำ รองประธานกรรมการมูลนิธิรักษ์ป่าน่าน ในพระราชูปถัมภ์ฯ จึงได้มีแนวคิดร่วมกับกระทรวงมหาดไทย จังหวัดน่าน และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน มุ่งมั่นผลักดันทำให้เกิดเป็น “ศูนย์เรียนรู้ต้นแบบสำคัญของประเทศไทย” ซึ่งเราได้ร่วมกันพยายามหาทางออกให้สถานที่รกร้างที่ราชการไม่สามารถดูแลได้ เพราะมีข้อจำกัดในการดูแลหลายด้าน ทำให้ภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันฟื้นฟูสถานที่ที่เคยเป็นศูนย์กลางการบริหารราชการจังหวัดน่าน ศูนย์กลางการสร้างคุณประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน ให้กลับมาใช้ประโยชน์และเกิดมรรคผลต่อพี่น้องประชาชน ผ่านกระบวนการหารือร่วมกันด้วยกลไกต่าง ๆ  มาจนถึงการดำเนินการในวันนี้" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงต้น

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นับเป็นความมุ่งมั่นของมูลนิธิรักษ์ป่าน่าน ในพระราชูปถัมภ์ฯ กระทรวงมหาดไทย และจังหวัดน่าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการ Change for Good ทำสิ่งที่ดี ให้เกิดขึ้นได้ เริ่มตั้งแต่การสนับสนุนงบประมาณการบูรณะฟื้นฟู รวมถึงงบประมาณในการดูแลพื้นที่ สมดังหลักการ “เอกชนคิด ราชการหนุน มูลนิธิทำ” เพราะประโยชน์ที่ได้นั่นคือ “ประชาชนโดยตรง” โดยเฉพาะพี่น้องชาวจังหวัดน่าน ตลอดจนนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ที่จะได้มาเรียนรู้กลิ่นไอแห่งอารยธรรม และศิลปวัฒนธรรมอันงดงามล้ำค่าของน่านนคร หรือเมืองนันทบุรีในอดีต ซึ่งหลังจากฟื้นฟูกลับมาแล้วจะมีการจัดการแสดงต่าง ๆ มากมาย ที่จะช่วยส่งเสริมและพัฒนาให้เด็กและเยาวชนมีทักษะความรู้ รวมไปถึงอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของประเทศไทย ซึ่งเราชาวมหาดไทยมีความยินดีและร่วมภาคภูมิใจยิ่งที่จะทำให้ศาลากลางจังหวัดน่านหลังเก่าเกิดเป็น “หอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน” และแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก โดยกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ยังเป็นของทางราชการ ซึ่งมูลนิธิฯ ขอเป็นเพียงผู้ดูแลสถานที่ 

@siampongnews กาแฟดำจินดา 1 แถม 1 [กาแฟดำ 1 + โกโก้ 1] ลดราคาเหลือเพียง ฿390.00! #คนจนมีสิทธิไหมคะ ♬ Cooking Time - Lux-Inspira

"การดำเนินโครงการนี้นอกจากจะเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้ประเทศไทยมีหอศิลปวัฒนธรรมและศูนย์เรียนรู้แล้ว ยังเป็นโอกาสในการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่มีพระบรมราชานุสาวรีย์ประดิษฐานอยู่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดน่านหลังเก่า ซึ่งจะทำให้มีสภาพแวดล้อมเป็นพื้นที่อารยธรรม อันเป็นสาธารณประโยชน์ ถวายแด่พระองค์ท่าน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการน้อมนำแนวพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” รากเหง้าความเป็นไทย ความเป็นชนชาติไทย ที่ได้รับการแบ่งเบาพระราชภาระโดย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระองค์ทรงมีพระกรุณาธิคุณต่อประชาชนชาวจังหวัดน่าน ทรงมีโครงการในพระราชดำริต่าง ๆ มากมายในพื้นที่จังหวัดน่าน กระทรวงมหาดไทยจึงขอขอบคุณและยินดี ที่จะได้เป็นภาคีเครือข่ายกับมูลนิธิรักษ์ป่าน่าน ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการร่วมทำสิ่งที่ดีที่เป็นประโยชน์ และหากมีโครงการอื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน กระทรวงมหาดไทยก็มีความยินดีที่จะได้ร่วมกับมูลนิธิฯ ในโอกาสต่อ ๆ ไป และขอให้การลงนามครั้งนี้ประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ และเป็นต้นแบบหอศิลปวัฒนธรรมและศูนย์เรียนรู้ให้กับส่วนราชการในทุกพื้นที่ของประเทศไทย" นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวในช่วงท้าย

นายบัณฑูร ล่ำซำ รองประธานกรรมการมูลนิธิรักษ์ป่าน่าน ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงก่อตั้งมูลนิธิรักษ์ป่าน่าน ในพระราชูปถัมภ์ ฯ ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือชาวจังหวัดน่านอย่างยิ่ง เริ่มตั้งแต่การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ การจัดตั้งโรงพยาบาล ตลอดจนการจัดตั้งหน่วยสาธารณสุขในพื้นที่ห่างไกล จนมาถึงโครงการในครั้งนี้ ซึ่งทางมูลนิธิฯ เราร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ผ่านกระบวนการต่าง ๆ จนกระทั่งมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงแผนแม่บทอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่าน โดยให้ปรับปรุงอาคารศาลากลางจังหวัดน่านหลังเก่าเป็นหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านและแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก โดยเรามีเป้าหมายสูงสุด คือ ประชาชนคนไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชน เพื่อให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่จะช่วยยกระดับองค์ความรู้ของพี่น้องประชาชนจังหวัดน่าน และเป็นสถานที่อันจะเป็นทรัพยากรอันทรงคุณค่าที่สำคัญของประเทศไทย และทางมูลนิธิฯ ต้องขอขอบคุณ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และบุคลากรกระทรวงมหาดไทยทุกท่าน ที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนทำให้เกิดจุดเริ่มต้นของโครงการดังกล่าวนี้ ที่จะเป็นโครงการสร้างประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รากและเถาตำลึงตากแห้งสรรพคุณเพียบ

วันนี้ 17 กรกฏาคม 2562 สำหรับประโยชน์ของตำลึงด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์ได้จาก ใบตำลึง ลำต้นตำลึง และ รากตำลึง รายละเอียด ดังนี้ ใบตำลึง สรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมความเซลล์ในร่างกาย ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง บำรุงหัวใจ บำรุงกระดูกและฟัน บำรุงสายตา บำรุงเลือด บำรุงน้ำนมแม่ ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยดับพิษร้อน ลดความร้อนในร่างกาย  แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับพิษในลำไส้ แก้ท้องผูก ช่วยแก้ผดผื่นคัน รักษาพิษแมลงสัตว์กัดต่อย รักษาฝี รักษาแผลอักเสบ ป้องกันตะคริว รากตำลึง สรรพคุณช่วยลดไข้  แก้อาเจียน บำรุงสายตา เป็นยาระบาย แก้อักเสบ รักษาแผลอักเสบ ลำต้นตำลึง สรรพคุณแก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้อาการตาแดง ลดอาการตาช้ำ ดอกตำลึง สรรพคุณแก้ผดผื่นคัน เมล็ดตำลึง สรรพคุณแก้หิด โทษของตำลึง ตำลึงมีสรรพคุณเป็นยาเย็น หากนำน้ำตำลึงมาทาที่ผิวหนังแล้วไม่รู้สึกเย็น แปลว่า ไม่ถูกโรค ให้หยุดใช้ทันที เพราะ จะทำให้เกิดอาการอักเสบเพิ่มมากขึ้น ตำลึง มีทั้ง ตำลึงตัวผู้ และ ตำลึงตัวเมีย ตำลึงตัวเม

พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม เนื้อทองคำ จากรังของ นายกฯกิตติ "เจ้ากรมพระหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่"

พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม อิสริโก จัดสร้างเพื่อหารายได้ สร้างหอฉันอุตตโม ออกแบบโดยช่างเกษม มงคลเจริญ ประกอบด้วย เนื้อทองคำ ๑๙ องค์ เนื้อเงิน ๒๙๕ องค์ เนื้อนวโลหะ ๒๕๑๘ องค์ โดยสร้างตามจำนว พ.ศ. หรือปีที่สร้าง คือ ๒๕๑๘ เนื้อนวโลหะกะไหล่ทอง ไม่ระบุจำนวนสร้าง เนื้อตะกั่ว ๑๐,๐๐๐๐ องค์...... พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม เป็นพระปิดตาที่หลวงปู่ทิม ท่านปลุกเสกนานมากถึง ๗ เดือน เหตุในการสร้างพระปิดตารุ่นนี้คุณชินพร สุขสถิตย์ได้จัดสร้างพระปิดตามหาอุตตโมขึ้น มาก็เพื่อนำรายได้มาสร้างหอฉันเพื่อให้พระเณรในวัดละหารไร่ได้ใช้ประโยชน์และเป็นถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา โดยพระชุดนี้ได้นายช่างเกษม เป็นผู้ออกแบบ การสร้างพิมพ์พระปิดตายันต์ยุ่งสมัยนั้นต้องเอาเทียนมาคลึงเป็นเส้นๆ แบบเส้นขนมจีน แล้วจึงเอาขดกัน เป็นองค์พระปิดตาและอักขระเลขยันต์กว่าจะสร้างได้หรือหล่อ ได้แต่ละองค์ต้องใช้เวลามากและพระที่ได้มักไม่งดงาม ดังนั้นพระปิดตาอุตโมรุ่นนี้นี้นายช่างเกษมจึงแกะจากหินอ่อนเป็นแม่แบบ ทำให้หล่อได้ปริมาณมาก โดยครั้งแรกจัดสร้างเป็นเนื้อนวะโลหะเมื่อเปิดจองแล้วปรากฎว่าหมดอย่างรวดเร็วจนได้เ

ฮือฮา! "ครม.ฮุน มาเนต" ตั้งอดีตสมเด็จพระราชาคณะเพิ่งสึกเป็นเลขาฯก.ต่างประเทศ

วันที่ 22 สิงหาคม 2566 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานโดยอ้างแถลงการณ์ของนายเฮง สัมริน อดีตประธานสมัชชาแห่งชาติ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา ในการประชุมรัฐสภาชุดใหม่ของกัมพูชา ซึ่งมีขึ้นในวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ที่ระบุว่า พลเอก ฮุน มาเนต ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของ สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แห่งประเทศกัมพูชา อย่างเป็นเอกฉันท์ โดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา หลังการลงมติว่า วันนี้ ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของกัมพูชา @siampongnews ฮือฮา! ครม. #ฮุนมาเนต ตั้ง อดีตสมเด็จพระราชาคณะเพิ่งสึก ดำรงตำแหน่งเลขาฯ ก.ต่างประเทศ #ข่าวtiktok #tiktokshopครีเอเตอร์ ♬ เสียงต้นฉบับ - ดร.สำราญสมพงษ์นักข่าวป.ธ.5 ทั้งนี้ พรรคประชาชนกัมพูชา หรือ ซีพีพี ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้ง เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย เนื่องจากพรรคฝ่ายค้าน ถูกตัดสิทธิลงเลือกตั้งในครั้งนี้  พร้อมกันนี้นางควน สุดารี ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาแห่งชาติ วาระใหม่ 5 ปี และเป็นนักการเมืองหญิง