ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

“ผู้นำต้องทำก่อน” พ่อเมืองนครพนม นำทีมจัดกิจกรรม “ผู้ว่าฯ พาปลูกผัก” เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร

 


เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566  ที่สวนผักผู้ว่า จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางสงวน จันทร์พร ประธานแม่บ้ามหาดไทยจังหวัดนครพนม ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร " ผู้ว่าพาปลูกผัก" โดยดำเนินกิจกรรมปลูกผักสวนครัว ภายในจวนผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ตัวอย่างในการดำเนินการปลูกผักไว้รับประทานเองภายในครัวเรือน เพื่อเป็นแนวทางให้กับประชาชน และหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัดนครพนมนำไปปฏิบัติ อันจะเป็นการส่งเสริมการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ภายในครัวเรือน สร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร โดยน้อมนำแนวทางตามพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน”

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า จังหวัดนครพนมมุ่งเสริมสร้างความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยการนำนโยบายของกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร เพื่อขับเคลื่อนขยายผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้บริโภคผักปลอดสารพิษและลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการพึ่งพาตนเอง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยการลดการนำเข้าวัตถุดิบจากนอกพื้นที่ อาทิ ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยมูลสัตว์ ปุ๋ยที่ได้จากเศษอาหารภายในครัวเรือน การปลูกพืชผักสวนครัวไว้รับประทานเอง และเมื่อมีอาหารเพียงพอก็สามารถแบ่งปันในชุมชนได้ ซึ่งการแบ่งปันแบบยั่งยืน คือ การแบ่งพันธุ์ต้นกล้าเมล็ดพันธุ์ขยายผล "ธนาคารเมล็ดพันธุ์ของแผ่นดิน" ให้เกิดความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน สร้างความรักความสามัคคีของคนในครัวเรือนและกลุ่มบ้าน ด้วยการรวมตัวกันเป็นคุ้มบ้าน ป๊อกบ้าน หย่อมบ้าน รื้อฟื้นรูปแบบวิถีชีวิตดั้งเดิมของประชาชนคนไทยกลับคืนมา ช่วยกันดูแลความมั่นคงทางอาหาร ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ และท้ายที่สุด คือ การร่วมรับประโยชน์

“จังหวัดนครพรมได้ยึดแนวทางที่ว่า “ผู้นำต้องทำก่อน” ตนจึงได้ใช้พื้นที่ในจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เพื่อให้ภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคีเครือข่าย ภาคราชการ ภาคศาสนา ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคสื่อสารมวลชน ตลอดจนพี่น้องประชาชนได้เห็นเป็นตัวอย่างและนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน อันจะเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน และเพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันขับเคลื่อนตาม UN SDGs 17 เป้าหมาย ร่วมกับพี่น้องประชาชน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยการบริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง (ครัวเรือน) มีการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน นอกจากลดปริมาณขยะแล้วยังเป็นการเสริมสร้างคุณค่าของทรัพยากรดินและเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม "วันดินโลก : World Soil Day” วันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่องค์กรระดับโลกอย่าง FAO ได้กำหนดขึ้นเพื่อยกย่องพระเกียรติคุณ ด้วยการประชาสัมพันธ์สื่อสาร ทั้งสื่อสังคมออนไลน์ สื่อวิทยุโทรทัศน์ รวมไปถึงสื่ออื่น ๆ ให้ทั่วทั้งโลกได้เห็นและตระหนักถึงความสำคัญของดิน เพราะดินคือต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิต อันจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน "โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" 

 นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากนี้จังหวัดนครพนม ได้ขับเคลื่อนโครงการอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน และโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) ด้วยการน้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "สืบสาน รักษา และต่อยอด" และเน้นย้ำให้ทุกอำเภอได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาพัฒนาทำให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี บนหลักการพึ่งพาตนเอง พร้อมสนับสนุนกิจกรรมการรณรงค์ส่งเสริมให้เด็กเยาวชนและคนในพื้นที่ มีการดำรงชีวิตที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ประชาชนทุกคนมีกินมีใช้ เกิดความรักความสามัคคี เกิดความเข้มแข็งของคนในชุมชน ประชาชนทุกคนมีความสุข นำไปสู่การเป็นหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) อย่างมีความสุข สนุกสนาน สร้างความรักสามัคคีให้กับชุมชน และจะขยายผลความสำเร็จนี้เป็นแนวทางขับเคลื่อนไปยังทุกอำเภอ เพื่อให้เกิดพลังความเข้มแข็ง เป็นเหมือนแขนงไม้ไผ่ที่จะทำให้ความมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างความสุขให้กับประชาชนคนนครพนมประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืน


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รากและเถาตำลึงตากแห้งสรรพคุณเพียบ

วันนี้ 17 กรกฏาคม 2562 สำหรับประโยชน์ของตำลึงด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์ได้จาก ใบตำลึง ลำต้นตำลึง และ รากตำลึง รายละเอียด ดังนี้ ใบตำลึง สรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมความเซลล์ในร่างกาย ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง บำรุงหัวใจ บำรุงกระดูกและฟัน บำรุงสายตา บำรุงเลือด บำรุงน้ำนมแม่ ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยดับพิษร้อน ลดความร้อนในร่างกาย  แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับพิษในลำไส้ แก้ท้องผูก ช่วยแก้ผดผื่นคัน รักษาพิษแมลงสัตว์กัดต่อย รักษาฝี รักษาแผลอักเสบ ป้องกันตะคริว รากตำลึง สรรพคุณช่วยลดไข้  แก้อาเจียน บำรุงสายตา เป็นยาระบาย แก้อักเสบ รักษาแผลอักเสบ ลำต้นตำลึง สรรพคุณแก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้อาการตาแดง ลดอาการตาช้ำ ดอกตำลึง สรรพคุณแก้ผดผื่นคัน เมล็ดตำลึง สรรพคุณแก้หิด โทษของตำลึง ตำลึงมีสรรพคุณเป็นยาเย็น หากนำน้ำตำลึงมาทาที่ผิวหนังแล้วไม่รู้สึกเย็น แปลว่า ไม่ถูกโรค ให้หยุดใช้ทันที เพราะ จะทำให้เกิดอาการอักเสบเพิ่มมากขึ้น ตำลึง มีทั้ง ตำลึงตัวผู้ และ ตำลึงตัวเมีย ตำลึงตัวเม

พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม เนื้อทองคำ จากรังของ นายกฯกิตติ "เจ้ากรมพระหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่"

พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม อิสริโก จัดสร้างเพื่อหารายได้ สร้างหอฉันอุตตโม ออกแบบโดยช่างเกษม มงคลเจริญ ประกอบด้วย เนื้อทองคำ ๑๙ องค์ เนื้อเงิน ๒๙๕ องค์ เนื้อนวโลหะ ๒๕๑๘ องค์ โดยสร้างตามจำนว พ.ศ. หรือปีที่สร้าง คือ ๒๕๑๘ เนื้อนวโลหะกะไหล่ทอง ไม่ระบุจำนวนสร้าง เนื้อตะกั่ว ๑๐,๐๐๐๐ องค์...... พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม เป็นพระปิดตาที่หลวงปู่ทิม ท่านปลุกเสกนานมากถึง ๗ เดือน เหตุในการสร้างพระปิดตารุ่นนี้คุณชินพร สุขสถิตย์ได้จัดสร้างพระปิดตามหาอุตตโมขึ้น มาก็เพื่อนำรายได้มาสร้างหอฉันเพื่อให้พระเณรในวัดละหารไร่ได้ใช้ประโยชน์และเป็นถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา โดยพระชุดนี้ได้นายช่างเกษม เป็นผู้ออกแบบ การสร้างพิมพ์พระปิดตายันต์ยุ่งสมัยนั้นต้องเอาเทียนมาคลึงเป็นเส้นๆ แบบเส้นขนมจีน แล้วจึงเอาขดกัน เป็นองค์พระปิดตาและอักขระเลขยันต์กว่าจะสร้างได้หรือหล่อ ได้แต่ละองค์ต้องใช้เวลามากและพระที่ได้มักไม่งดงาม ดังนั้นพระปิดตาอุตโมรุ่นนี้นี้นายช่างเกษมจึงแกะจากหินอ่อนเป็นแม่แบบ ทำให้หล่อได้ปริมาณมาก โดยครั้งแรกจัดสร้างเป็นเนื้อนวะโลหะเมื่อเปิดจองแล้วปรากฎว่าหมดอย่างรวดเร็วจนได้เ

ฮือฮา! "ครม.ฮุน มาเนต" ตั้งอดีตสมเด็จพระราชาคณะเพิ่งสึกเป็นเลขาฯก.ต่างประเทศ

วันที่ 22 สิงหาคม 2566 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานโดยอ้างแถลงการณ์ของนายเฮง สัมริน อดีตประธานสมัชชาแห่งชาติ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา ในการประชุมรัฐสภาชุดใหม่ของกัมพูชา ซึ่งมีขึ้นในวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ที่ระบุว่า พลเอก ฮุน มาเนต ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของ สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แห่งประเทศกัมพูชา อย่างเป็นเอกฉันท์ โดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา หลังการลงมติว่า วันนี้ ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของกัมพูชา @siampongnews ฮือฮา! ครม. #ฮุนมาเนต ตั้ง อดีตสมเด็จพระราชาคณะเพิ่งสึก ดำรงตำแหน่งเลขาฯ ก.ต่างประเทศ #ข่าวtiktok #tiktokshopครีเอเตอร์ ♬ เสียงต้นฉบับ - ดร.สำราญสมพงษ์นักข่าวป.ธ.5 ทั้งนี้ พรรคประชาชนกัมพูชา หรือ ซีพีพี ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้ง เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย เนื่องจากพรรคฝ่ายค้าน ถูกตัดสิทธิลงเลือกตั้งในครั้งนี้  พร้อมกันนี้นางควน สุดารี ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาแห่งชาติ วาระใหม่ 5 ปี และเป็นนักการเมืองหญิง