ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

“สอวช.” โชว์ความสำเร็จ “แพลตฟอร์ม STEMPlus” มีผู้ผ่านการอบรมหลักสูตร “พัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง” ทะลุ 50,000 ราย



 “สอวช.” โชว์ความสำเร็จ “แพลตฟอร์ม STEMPlus” มีผู้ผ่านการอบรมหลักสูตร “พัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง” ทะลุ 50,000 ราย  ตั้งเป้า 100,000 ราย ในปี 2567 พร้อมเดินหน้าสร้างคนรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต 

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และกรมสรรพากร จัดงาน “STEMPlus พัฒนาคน เสริมทัพอุตสาหกรรมไทย” ณ มิตรทาวน์ ฮอลล์ 1 ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพ 



ทั้งนี้ ภายในงานได้จัดให้มีการเสวนาเรื่อง “การพัฒนากำลังคนเพื่อสร้างความสามารถการแข่งขันด้วยวิทยาการขั้นสูง” โดย ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวง อว. กล่าวว่า สำนักงานปลัดกระทรวง อว. และ สอวช. ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการจัดทำหลักสูตรการจัดการศึกษาที่แตกต่างไปจากมาตรฐานการอุดมศึกษา (Higher Education Sandbox) หรือหลักสูตรแซนบ็อกซ์ เพื่อผลิตกำลังคนสมรรถนะสูง ดึงการลงทุนเข้ามาจากต่างประเทศ กว่า 1 ปีที่ผ่านมา ล่าสุดเรามีหลักสูตรที่ผ่านการอนุมัติแล้ว 11 หลักสูตร เพื่อให้สามารถผลิตกำลังคนสมรรถนะสูงตอบโจทย์ความต้องการของประเทศได้อย่างเร่งด่วน 



ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการ สอวช. กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์โลกเปลี่ยนไป ทุกประเทศต้องปรับตัว ประเทศไทยเองก็เช่นกัน มีการปรับตัวในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในภาคการศึกษา ซึ่งเป็นต้นทางของสร้างคนตอบโจทย์ตลาดแรงงานและความต้องการของประเทศรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น อุตสาหกรรม EV อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เทคโนโลยีชีวภาพการแพทย์ เกษตรอัจฉริยะ อาหารมูลค่าสูง เทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฯลฯ ดังนั้นจึงต้องมีแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้นักศึกษาหรือคนทำงานมีโอกาสและความเท่าเทียมกันในการพัฒนาศักยภาพทางอาชีพอย่างทั่วถึง ขณะเดียวกันผู้ประกอบการเองก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี จากการส่งบุคลากรเข้ารับการฝึกอบรม 

ดร.กิติพงค์  กล่าวว่า สอวช. ได้จัดทำแพลตฟอร์มพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง ส่งเสริมการปรับทักษะ ยกระดับทักษะ (Reskill Upskill) และจับคู่กำลังคนสู่การทำงานและประกอบอาชีพ คือ STEMPlus (www.stemplus.or.th) ที่มีบริการให้ผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการและจ้างงานในตำแหน่งที่สอดคล้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้ทักษะสูงด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ (สะเต็ม) ที่ได้จ้างพนักงานใหม่ สามารถนำค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินเดือนพนักงานไปขอยกเว้นภาษีเงินได้จากกรมสรรพากรได้ 150% นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่ส่งลูกจ้างเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรที่ได้รับการรับรองตามมาตรการ Thailand Plus Package ยังได้รับสิทธิประโยชน์ในการนำค่าใช้จ่ายในการอบรมไปหักภาษีได้ 250%

“แพลตฟอร์มพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงดังกล่าวนั้น สอวช. ได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประเภทบริการตอบโจทย์ตรงใจ ประจำปี 2566 จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) โดย สอวช.จะเข้ารับรางวัลในวันที่           7 กันยายน นับเป็นความภาคภูมิใจของพวกเราอย่างยิ่ง” ผอ.สอวช. กล่าว



นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในประเทศไทยในอีก 4 - 5 ปีข้างหน้า จะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมแนวใหม่มากขึ้น และจะมีคลื่นการลงทุนลูกใหญ่เข้ามาในประเทศไทยเนื่องจากในภูมิภาคอาเซียนประเทศไทยมีความโดดเด่นที่สุด ส่งผลให้การลงทุนเติบโตอย่างรวดเร็ว ตัวเลขครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นถึง 70% มูลค่าเงินลงทุนมากกว่า 360,000 ล้านบาท นอกจากนี้ทิศทางการลงทุนด้านอิเล็กทรอนิกส์ มีโครงการที่ย้ายฐานเข้ามาในประเทศไทย 100 กว่าโครงการ มีเงินลงทุน 16,000 ล้านบาท มากกว่าในช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนถึง 7 เท่า   



นางสาวเสาวคนธ์ มีแสง ผู้อำนวยการกองวิชาการแผนภาษี กรมสรรพากร กล่าวว่า การพัฒนาประเทศโจทย์ที่ใหญ่ที่สุดคือเรื่องคน กรมสรรพากร ได้ออกมาตรการทางภาษีเพื่อเป็นทางลัดไปสู่เป้าหมายพัฒนากำลังคนตอบโจทย์อุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่างเร่งด่วน รวมถึงออกมาตรการ LTR Visa ดึงดูดกำลังคนสมรรถนะสูงจากต่างประเทศเข้ามาในไทย โดยอำนวยความสะดวกในการออกวีซ่าและเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตรา 17% 



ด้าน ผศ.ดร.พูลศักดิ์ โกษียาภรณ์ รองผู้อำนวยการ สอวช. กล่าวเพิ่มเติมว่า บริการใน STEMPlus ตอบโจทย์ 3 กลุ่ม สำคัญ ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ผู้ประกอบการ สามารถนำค่าใช้จ่ายในการจ้างงานบุคลากร STEM ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ผ่านการรับรองไปขอลดหย่อนภาษีได้ 150% ซึ่งปัจจุบันมีการขอรับรองการจ้างงานแล้ว 4,446 ตำแหน่งงาน จาก 105 บริษัท อีกทั้งส่งบุคลากรเข้ารับฝึกอบรมในหลักสูตรที่ผ่านการรับรองจาก อว. สามารถขอลดหย่อนภาษีได้ 250% ซึ่ง STEMPlus ได้รวบรวมรายชื่อหลักสูตร จำนวน 691 หลักสูตร จาก 70 หน่วยฝึกอบรม ซึ่งมีผู้เข้ารับการฝึกอบรมแล้ว 55,130 คน โดยมีเป้าหมายจะพัฒนาคนให้ได้ 100,000 คน ภายในปี 2567 กลุ่มที่ 2 นักศึกษาและบุคคลทั่วไป จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มโอกาสการได้ทำงานที่ต้องการและพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็น โดยปัจจุบันมีนวัตกรรมการศึกษาในรูปแบบ Higher Education Sandbox เกิดขึ้นจำนวน 11 โครงการ ซึ่งจะสามารถผลิตกำลังคนที่สอดคล้องตามความต้องการได้อย่างน้อย 20,000 คนภายในปี 2575 และกลุ่มที่ 3 หน่วยฝึกอบรม ได้รับการส่งเสริมให้พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมที่ตอบโจทย์ตามความต้องการในหลากหลายสถานการณ์



“ปัจจุบัน กลไกการรับรองหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรด้าน STEM ล่าสุดได้มีพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 777 และ ฉบับที่ 778) พ.ศ. 2566 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการจ้างงานบุคลากรด้าน STEM และการพัฒนาบุคลากรในองค์กร ต่อไปอีก 3 ปี คือ พ.ศ. 2566 – 2568  คาดว่า แพลตฟอร์ม STEMPlus จะเป็นกลไกพัฒนากำลังคนรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมเป้าหมายในระยะต่อไป โดยเฉพาะการพัฒนาหลักสูตรระยะสั้น (non-degree) ให้ครอบคลุมในทักษะซึ่งเป็นที่ต้องการ และบริการที่ตอบสนองนักลงทุนในทุกมิติ ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยไปอีกขั้นด้วยวิทยาการขั้นสูง” รองผู้อำนวยการ สอวช. กล่าว 

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการจากหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องกว่า 20 หน่วยงาน เพื่อสร้างการรับรู้ถึงสิทธิประโยชน์ และกลไกสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพกำลังคนในภาคอุตสาหกรรมไทยจากภาครัฐ และเพื่อส่งเสริมให้เกิดการยกระดับความสามารถของภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ ให้เกิดความร่วมมือด้านการพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงระหว่างผู้ประกอบการและสถาบันอุดมศึกษาแบบยั่งยืน

@siampongnews #หนังสือสวดมนต์กระแตปกแข็ง ♬ Dj Jalan Pargoy X Goyang Jaypong - DJ MIFTAH

และยังให้บริการ STEMPlus คลินิก ให้คำปรึกษาด้านการพัฒนากำลังคน และแนะแนวทางเข้าถึงสิทธิประโยชน์ อาทิ มาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมการจ้างบุคลากรที่มีทักษะสูงและการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะสูง (Thailand Plus Package) ชี้เป้าให้เห็นถึงหลักสูตรที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงานในอนาคต ตลอดจนสิทธิประโยชน์ของผู้ประกอบการ นักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไปที่จะได้รับอีกด้วย ส่วนผู้ที่พลาดงานนี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.stempluls.or.th


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รากและเถาตำลึงตากแห้งสรรพคุณเพียบ

วันนี้ 17 กรกฏาคม 2562 สำหรับประโยชน์ของตำลึงด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์ได้จาก ใบตำลึง ลำต้นตำลึง และ รากตำลึง รายละเอียด ดังนี้ ใบตำลึง สรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมความเซลล์ในร่างกาย ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง บำรุงหัวใจ บำรุงกระดูกและฟัน บำรุงสายตา บำรุงเลือด บำรุงน้ำนมแม่ ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยดับพิษร้อน ลดความร้อนในร่างกาย  แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับพิษในลำไส้ แก้ท้องผูก ช่วยแก้ผดผื่นคัน รักษาพิษแมลงสัตว์กัดต่อย รักษาฝี รักษาแผลอักเสบ ป้องกันตะคริว รากตำลึง สรรพคุณช่วยลดไข้  แก้อาเจียน บำรุงสายตา เป็นยาระบาย แก้อักเสบ รักษาแผลอักเสบ ลำต้นตำลึง สรรพคุณแก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้อาการตาแดง ลดอาการตาช้ำ ดอกตำลึง สรรพคุณแก้ผดผื่นคัน เมล็ดตำลึง สรรพคุณแก้หิด โทษของตำลึง ตำลึงมีสรรพคุณเป็นยาเย็น หากนำน้ำตำลึงมาทาที่ผิวหนังแล้วไม่รู้สึกเย็น แปลว่า ไม่ถูกโรค ให้หยุดใช้ทันที เพราะ จะทำให้เกิดอาการอักเสบเพิ่มมากขึ้น ตำลึง มีทั้ง ตำลึงตัวผู้ และ ตำลึงตัวเมีย ตำลึงตัวเม

พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม เนื้อทองคำ จากรังของ นายกฯกิตติ "เจ้ากรมพระหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่"

พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม อิสริโก จัดสร้างเพื่อหารายได้ สร้างหอฉันอุตตโม ออกแบบโดยช่างเกษม มงคลเจริญ ประกอบด้วย เนื้อทองคำ ๑๙ องค์ เนื้อเงิน ๒๙๕ องค์ เนื้อนวโลหะ ๒๕๑๘ องค์ โดยสร้างตามจำนว พ.ศ. หรือปีที่สร้าง คือ ๒๕๑๘ เนื้อนวโลหะกะไหล่ทอง ไม่ระบุจำนวนสร้าง เนื้อตะกั่ว ๑๐,๐๐๐๐ องค์...... พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม เป็นพระปิดตาที่หลวงปู่ทิม ท่านปลุกเสกนานมากถึง ๗ เดือน เหตุในการสร้างพระปิดตารุ่นนี้คุณชินพร สุขสถิตย์ได้จัดสร้างพระปิดตามหาอุตตโมขึ้น มาก็เพื่อนำรายได้มาสร้างหอฉันเพื่อให้พระเณรในวัดละหารไร่ได้ใช้ประโยชน์และเป็นถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา โดยพระชุดนี้ได้นายช่างเกษม เป็นผู้ออกแบบ การสร้างพิมพ์พระปิดตายันต์ยุ่งสมัยนั้นต้องเอาเทียนมาคลึงเป็นเส้นๆ แบบเส้นขนมจีน แล้วจึงเอาขดกัน เป็นองค์พระปิดตาและอักขระเลขยันต์กว่าจะสร้างได้หรือหล่อ ได้แต่ละองค์ต้องใช้เวลามากและพระที่ได้มักไม่งดงาม ดังนั้นพระปิดตาอุตโมรุ่นนี้นี้นายช่างเกษมจึงแกะจากหินอ่อนเป็นแม่แบบ ทำให้หล่อได้ปริมาณมาก โดยครั้งแรกจัดสร้างเป็นเนื้อนวะโลหะเมื่อเปิดจองแล้วปรากฎว่าหมดอย่างรวดเร็วจนได้เ

ฮือฮา! "ครม.ฮุน มาเนต" ตั้งอดีตสมเด็จพระราชาคณะเพิ่งสึกเป็นเลขาฯก.ต่างประเทศ

วันที่ 22 สิงหาคม 2566 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานโดยอ้างแถลงการณ์ของนายเฮง สัมริน อดีตประธานสมัชชาแห่งชาติ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา ในการประชุมรัฐสภาชุดใหม่ของกัมพูชา ซึ่งมีขึ้นในวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ที่ระบุว่า พลเอก ฮุน มาเนต ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของ สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แห่งประเทศกัมพูชา อย่างเป็นเอกฉันท์ โดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา หลังการลงมติว่า วันนี้ ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของกัมพูชา @siampongnews ฮือฮา! ครม. #ฮุนมาเนต ตั้ง อดีตสมเด็จพระราชาคณะเพิ่งสึก ดำรงตำแหน่งเลขาฯ ก.ต่างประเทศ #ข่าวtiktok #tiktokshopครีเอเตอร์ ♬ เสียงต้นฉบับ - ดร.สำราญสมพงษ์นักข่าวป.ธ.5 ทั้งนี้ พรรคประชาชนกัมพูชา หรือ ซีพีพี ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้ง เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย เนื่องจากพรรคฝ่ายค้าน ถูกตัดสิทธิลงเลือกตั้งในครั้งนี้  พร้อมกันนี้นางควน สุดารี ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาแห่งชาติ วาระใหม่ 5 ปี และเป็นนักการเมืองหญิง