วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2568

"ดร.สำราญ" ร่วมวิเคราะห์หลักธรรมในพระไตรปิฎกเชื่อมโยงผลกระทบ AI ต่อความเท่าเทียมและประชาธิปไตย สอดรับแนวคิด "อภิสิทธิ์" บนเวที CALD


เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ดร.สำราญ สมพงษ์ นักวิชาการอิสระด้านพุทธสันติวิธี อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ พรรคเกษตรเสรี และสมาชิกพรรคแผ่นดินธรรม ได้ร่วมกับระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำการวิเคราะห์เชิงวิชาการในหัวข้อ “หลักธรรมในพระไตรปิฎกบริบทผลกระทบของเทคโนโลยี AI ต่อความเท่าเทียมในสังคมและระบบประชาธิปไตย (AI, Inequality and Democracy)”

โดยพบว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองทั่วโลก ขณะเดียวกันก็สร้างทั้งโอกาสและความท้าทายด้าน “ความเท่าเทียม” และ “ประชาธิปไตย”

ในวันเดียวกันนี้ ที่โรงแรม S31 ถนนสุขุมวิท 31 กรุงเทพมหานคร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวต้อนรับและปาฐกถาพิเศษในหัวข้อเดียวกัน “AI, Inequality and Democracy” ในการประชุมสมัชชาใหญ่สภาเสรีนิยมและประชาธิปไตยแห่งเอเชีย (Council of Asian Liberals and Democrats: CALD) ครั้งที่ 15 และการประชุมคณะกรรมการบริหาร CALD ครั้งที่ 51
โดยเน้นถึงความจำเป็นในการสร้างสมดุลระหว่าง “การใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนา” กับ “การรักษาคุณค่าประชาธิปไตยและความเท่าเทียม” ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของสังคมมนุษย์ในศตวรรษที่ 21


AI กับความไม่เท่าเทียมและประชาธิปไตย: มุมมองเชิงพุทธ

ดร.สำราญ สมพงษ์ วิเคราะห์ว่า เทคโนโลยี AI มีศักยภาพยิ่งใหญ่ในการพัฒนาเศรษฐกิจ การแพทย์ การศึกษา และระบบสังคม แต่ในทางกลับกัน การเข้าถึงเทคโนโลยีดังกล่าวกลับกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มทุนขนาดใหญ่และประเทศที่มีความพร้อมสูง ส่งผลให้เกิด “ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล” (Digital Divide) และอาจขยายไปสู่ความไม่เท่าเทียมเชิงโครงสร้างในสังคม

ขณะเดียวกัน การนำ AI มาใช้ในกระบวนการทางการเมือง เช่น การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การสร้างเนื้อหาอัตโนมัติ หรือการกำหนดแนวโน้มทางความคิดเห็นของประชาชน หากขาดกรอบจริยธรรมที่เหมาะสม อาจกลายเป็นเครื่องมือที่บั่นทอนหลักการประชาธิปไตยได้โดยไม่รู้ตัว


บูรณาการหลักธรรมในพระไตรปิฎกสู่จริยธรรมเทคโนโลยี

ดร.สำราญได้เสนอการบูรณาการหลักธรรมสำคัญในพระไตรปิฎก 4 ประการ เพื่อสร้างสมดุลระหว่าง “ปัญญาเทียม” กับ “ปัญญาแท้” ของมนุษย์ ได้แก่

  1. หลักอิทัปปัจจยตา (ปัจจัยสัมพันธ์)
    แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของเหตุและผล เช่นเดียวกับโครงสร้างของ AI ที่เรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมาก หากข้อมูลมีอคติ ผลลัพธ์ก็จะสะท้อนอคติกลับสู่สังคม ดังนั้น การพัฒนา AI ต้องมีสติรู้เท่าทันเหตุปัจจัยที่ตนสร้าง

  2. หลักอุเบกขาในพรหมวิหาร 4
    การพัฒนาและใช้งาน AI ควรตั้งอยู่บนความเป็นกลาง ไม่ลำเอียงด้วยความรัก โกรธ หรือหลง เพื่อป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีถูกใช้เป็นเครื่องมือแบ่งแยกหรือเอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่ม

  3. หลักสัปปุริสธรรม 7
    เช่น ธัมมัญญุตา (รู้ธรรม) และมัตตัญญุตา (รู้ประมาณ) สามารถนำมาใช้เป็นกรอบคุณธรรมของผู้พัฒนา AI และผู้กำหนดนโยบาย เพื่อให้เทคโนโลยีรับใช้มนุษย์อย่างมีคุณค่า ไม่ก่อโทษ

  4. หลักสังคหวัตถุ 4
    ทาน (การแบ่งปันเทคโนโลยี) ปิยวาจา (การสื่อสารด้วยความจริงใจ) อัตถจริยา (การใช้เทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ส่วนรวม) และสมานัตตตา (การเคารพความเสมอภาค) เป็นแนวทางสร้าง “AI แห่งเมตตา” ที่สอดคล้องกับประชาธิปไตยอย่างแท้จริง


AI แห่งเมตตาและปัญญา: แนวทางประชาธิปไตยเชิงคุณธรรม

ดร.สำราญสรุปว่า พุทธธรรมสามารถเป็น “เข็มทิศจริยธรรม” สำหรับการอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีอย่างมีสติและความรับผิดชอบ เพื่อให้มนุษย์ไม่ตกเป็นทาสของเครื่องจักร แต่ใช้ AI เป็นเครื่องมือสร้างประโยชน์ร่วม โดยอาศัย “สติ” และ “เมตตา” เป็นฐานแห่งการตัดสินใจ

ในมุมมองเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กล่าวบนเวที CALD ว่า

“ประชาธิปไตยในยุคดิจิทัลต้องไม่หยุดอยู่ที่การเลือกตั้ง แต่ต้องเป็น ประชาธิปไตยแห่งความรู้และคุณธรรม (Ethical and Knowledge-based Democracy) ที่เปิดโอกาสให้เทคโนโลยีช่วยยกระดับชีวิตคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม”


บทสรุป

การบูรณาการหลักธรรมในพระไตรปิฎกกับเทคโนโลยี AI ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล แต่ยังช่วยส่งเสริมประชาธิปไตยที่มีมนุษยธรรม
ประเทศไทยในฐานะดินแดนแห่งพุทธธรรม จึงมีศักยภาพในการเป็นต้นแบบของ “AI ที่ตั้งอยู่บนคุณธรรม” (Ethical AI) ที่จะสร้างสังคมที่เท่าเทียม โปร่งใส และยั่งยืนในยุคปัญญาประดิษฐ์

วิเคราะห์หลักธรรมในพระไตรปิฎกบริบทผลกระทบของเทคโนโลยี AI ต่อความเท่าเทียมในสังคมและระบบประชาธิปไตย

(AI, Inequality and Democracy)


บทนำ

ในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองทั่วโลก การพัฒนาอย่างรวดเร็วของ AI ได้นำมาซึ่งทั้งโอกาสและความท้าทาย โดยเฉพาะในประเด็น “ความไม่เท่าเทียม” (Inequality) และ “ประชาธิปไตย” (Democracy) ที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากการกระจายอำนาจทางข้อมูลและทุนทางเทคโนโลยี

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่โรงแรม S31 ถนนสุขุมวิท 31 กรุงเทพมหานคร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวต้อนรับและปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ
“AI, Inequality and Democracy” ในการประชุมสมัชชาใหญ่ สภาเสรีนิยมและประชาธิปไตยแห่งเอเชีย (Council of Asian Liberals and Democrats: CALD) ครั้งที่ 15 และการประชุมคณะกรรมการบริหาร CALD ครั้งที่ 51
โดยชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนา กับการรักษาความเท่าเทียมและคุณค่าประชาธิปไตย ซึ่งเป็นหัวใจของการอยู่ร่วมกันในสังคมมนุษย์อย่างยั่งยืน


1. บริบทของเทคโนโลยี AI กับความไม่เท่าเทียมและประชาธิปไตย

เทคโนโลยี AI มีศักยภาพในการยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ในหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การแพทย์ การศึกษา และการบริหารจัดการสังคม อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงเทคโนโลยีดังกล่าวกลับกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มทุนขนาดใหญ่หรือประเทศที่มีความพร้อมสูง ส่งผลให้เกิด “ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล” (Digital Divide) ซึ่งอาจลุกลามสู่ความไม่เท่าเทียมเชิงโครงสร้างในระดับสังคม

ในขณะเดียวกัน การใช้ AI ในกระบวนการทางการเมือง เช่น การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การสร้างเนื้อหาด้วยอัลกอริทึม หรือการใช้ข้อมูลในการชี้นำทางความคิดเห็น อาจกลายเป็นเครื่องมือที่บั่นทอนหลักการประชาธิปไตย หากขาดกรอบจริยธรรมและการกำกับดูแลที่เหมาะสม

ดังนั้น ปัญหานี้จึงไม่ได้เป็นเพียงประเด็นเทคโนโลยี แต่เป็น ปัญหาทางคุณธรรม (Moral Issue) ที่ต้องอาศัยแนวทางทางจิตใจและหลักธรรมจากพระพุทธศาสนาเพื่อสร้างความสมดุลระหว่าง “ปัญญาเทียม” กับ “ปัญญาแท้” ของมนุษย์


2. การวิเคราะห์หลักธรรมในพระไตรปิฎก

2.1 หลักอิทัปปัจจยตา (ปัจจัยสัมพันธ์)

หลักอิทัปปัจจยตาในพระไตรปิฎกกล่าวว่า “เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี” แสดงถึงความสัมพันธ์เชิงเหตุปัจจัยของสรรพสิ่ง ซึ่งสอดคล้องกับโครงสร้างของ AI ที่เรียนรู้จากข้อมูลและปัจจัยหลากหลาย หากมนุษย์ป้อนข้อมูลที่มีอคติหรือขาดคุณธรรม ผลลัพธ์ของ AI ก็จะสะท้อนอคตินั้นกลับมาในสังคม

ดังนั้น การพัฒนาเทคโนโลยีต้องมีสติรู้เท่าทัน “เหตุ” ที่ตนสร้างขึ้น และต้องตระหนักว่าการออกแบบระบบใด ๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อชีวิตและโอกาสของผู้อื่น

2.2 หลักอุเบกขาในพรหมวิหาร 4

การใช้ AI ควรตั้งอยู่บน “อุเบกขา” คือ ความเป็นกลางทางจิต ไม่ลำเอียงด้วยความรัก ความโกรธ ความกลัว หรือความหลง หากนักพัฒนาและผู้กำหนดนโยบายมีอุเบกขา จะสามารถวางระบบที่เคารพสิทธิของทุกฝ่าย ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่ใช้เทคโนโลยีเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม

2.3 หลักสัปปุริสธรรม 7

พระพุทธเจ้าทรงแสดงหลักคุณธรรมของ “สัตบุรุษ” 7 ประการ เช่น ธัมมัญญุตา (รู้ธรรม) อัตถัญญุตา (รู้ประโยชน์) และมัตตัญญุตา (รู้ประมาณ) ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้กับการบริหารเทคโนโลยี AI ได้โดยตรง
นักพัฒนา AI ที่มีธัมมัญญุตาและมัตตัญญุตาจะไม่สร้างเทคโนโลยีที่เกินความจำเป็นหรือสร้างอันตรายต่อสังคม ขณะที่ผู้ใช้นโยบายที่มีอัตถัญญุตาจะรู้จักใช้ AI เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อเสริมอำนาจหรือผลประโยชน์ทางการเมือง

2.4 หลักสังคหวัตถุ 4

สังคหวัตถุ 4 ได้แก่ ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา และสมานัตตตา เป็นหลักธรรมแห่งการอยู่ร่วมกันในสังคมประชาธิปไตย หากนำมาใช้ในบริบทของ AI หมายถึง การแบ่งปันเทคโนโลยี (ทาน) การสื่อสารด้วยความจริงใจ (ปิยวาจา) การใช้เทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ส่วนรวม (อัตถจริยา) และการเคารพความเสมอภาคของผู้อื่น (สมานัตตตา)


3. การบูรณาการหลักธรรมเพื่อสร้างความเท่าเทียมและประชาธิปไตยในยุค AI

หลักธรรมในพระไตรปิฎกมิได้เป็นเพียงคำสอนทางศาสนา แต่เป็น แนวทางพัฒนา “AI ที่มีเมตตาและปัญญา” (Compassionate and Wise AI) ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและเสริมสร้างประชาธิปไตยได้จริง หากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนร่วมกันยึดถือหลักธรรมเหล่านี้เป็นกรอบจริยธรรมร่วม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้สะท้อนแนวคิดนี้ในเวที CALD ว่าประชาธิปไตยในศตวรรษที่ 21 ต้องไม่ใช่เพียงเรื่องของการเลือกตั้ง แต่เป็น “ประชาธิปไตยแห่งความรู้และคุณธรรม” ที่ให้มนุษย์ใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับชีวิตคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม ไม่ปล่อยให้ AI กลายเป็นเครื่องมือของการผูกขาดหรือสร้างความแตกแยกในสังคม


บทสรุป

การวิเคราะห์ผลกระทบของ AI ต่อความเท่าเทียมและประชาธิปไตย หากมองผ่านหลักธรรมในพระไตรปิฎก จะพบว่าพุทธธรรมสามารถเป็น “เข็มทิศทางจริยธรรม” ที่ช่วยมนุษย์อยู่เหนือเทคโนโลยี ไม่ตกเป็นทาสของปัญญาประดิษฐ์ แต่ใช้ “ปัญญาแท้” แห่งสติและเมตตาเป็นเครื่องนำทาง

ประเทศไทยในฐานะสังคมแห่งพุทธธรรม จึงมีศักยภาพที่จะเป็นแบบอย่างของ “AI ที่ตั้งอยู่บนคุณธรรม” ซึ่งจะช่วยสร้างสังคมประชาธิปไตยที่มั่นคง เท่าเทียม และมีมนุษยธรรมในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...