เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 — ดร.สำราญ สมพงษ์ นักวิชาการอิสระด้านพุทธสันติวิธี เปิดเผยผลการศึกษาร่วมกับเอไอในหัวข้อ “วิเคราะห์ปัญญาสากล: บทบาทใหม่ของมหาวิทยาลัยในยุคเทคโน–คุณธรรม” โดยอ้างอิงแนวคิดของ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เสนอให้มหาวิทยาลัยไทยเปลี่ยนจาก “สถาบันแห่งความรู้” สู่ “สถาบันแห่งปัญญา” เพื่อสร้างประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยทั้งเทคโนโลยีและคุณธรรม
ดร.สำราญระบุว่า โลกศตวรรษที่ 21 กำลังเข้าสู่ยุค “เทคโนโลยีกำหนดชะตาโลกใหม่” (Techno-determinism) การศึกษาจึงไม่อาจยึดแนวคิดแยกส่วนระหว่างความรู้กับคุณธรรมอีกต่อไป มหาวิทยาลัยต้องเป็น “ศูนย์กลางแห่งปัญญาเชิงระบบ” ที่บูรณาการเทคโนโลยี มนุษย์ และคุณธรรมเข้าด้วยกัน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างมีหลักการ
แนวคิด “ปัญญาสากล” (Universal Wisdom) ซึ่งเป็นแก่นของการศึกษาฉบับใหม่ หมายถึงการผสานสติปัญญาทางวิทยาศาสตร์เข้ากับคุณธรรมทางจิตวิญญาณ เป็นปัญญาที่มีทั้งเหตุผลและเมตตา ไม่จำกัดศาสนา วัฒนธรรม หรืออุดมการณ์ โดยมหาวิทยาลัยต้องทำหน้าที่เป็น “เครื่องยนต์แห่งปัญญา” (Wisdom Engine) ที่ผลิตผู้นำเชิงคุณธรรม (Tech–Moral Leaders) แทนการผลิตเพียงผู้รู้ทางเทคนิค
งานศึกษาดังกล่าวยังชี้ให้เห็นทิศทางร่วมของมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก เช่น MIT Media Lab ที่เน้น “นวัตกรรมเพื่อมนุษยชาติ”, Aalto University ที่บูรณาการศิลปะ วิศวกรรม และมนุษยศาสตร์, รวมถึงแนวทางของมหาวิทยาลัยไทยอย่างมหิดล จุฬาฯ และสงขลานครินทร์ ที่เริ่มเน้นนวัตกรรมเพื่อสังคมและคุณธรรม
ดร.สำราญเสนอว่า การก้าวสู่ “ระบบนิเวศแห่งปัญญาสากล” (Wisdom Ecosystem) ต้องอาศัยสี่เสาหลัก ได้แก่ ปัญญานโยบาย (Policy Wisdom) ปัญญาวิจัย (Research Wisdom) ปัญญาชุมชน (Civic Wisdom) และปัญญาโลก (Global Wisdom) เพื่อยกระดับอุดมศึกษาไทยให้เป็นพลังขับเคลื่อนอารยธรรมแห่งความก้าวหน้าที่มีหลัก (Principled Progress Civilization)
“การศึกษายุคใหม่ไม่ควรผลิตเพียงผู้รู้ แต่ต้องสร้างผู้มีปัญญา ที่สามารถเชื่อมโยงเหตุผลกับจิตวิญญาณ เพื่อความก้าวหน้าของมนุษยชาติอย่างมีคุณธรรม” ดร.สำราญกล่าวทิ้งท้าย
วิเคราะห์ปัญญาสากล: บทบาทใหม่ของมหาวิทยาลัยในยุคเทคโน–คุณธรรม
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์แนวคิด “ปัญญาสากล” (Universal Wisdom) ในบริบทของการเปลี่ยนผ่านระบบอุดมศึกษาไทยและโลก ตามแนวคิดของ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ว่าด้วยบทบาทใหม่ของมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยในฐานะพลังขับเคลื่อนสู่ “ประเทศแห่งเทคโน–คุณธรรม” (Tech–Moral Nation) ภายใต้กรอบ “อารยธรรมแห่งความก้าวหน้าที่มีหลัก” (Principled Progress Civilization) โดยมุ่งศึกษาว่าปัญญาสากลมิได้จำกัดอยู่ในมิติของเทคโนโลยีหรือศีลธรรมเท่านั้น แต่คือการบูรณาการความรู้ วิทยาการ และคุณค่ามนุษย์เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างระบบนิเวศแห่งปัญญาที่ขับเคลื่อนสังคมด้วยเหตุผลและจิตวิญญาณ
1. บทนำ
โลกในศตวรรษที่ 21 กำลังเคลื่อนเข้าสู่ยุค “เทคโนโลยีเป็นตัวกำหนดชะตาโลกใหม่” (Techno-determinism) ซึ่งทำให้ความรู้แบบแยกส่วนไม่สามารถตอบโจทย์ความท้าทายเชิงระบบของมนุษยชาติได้อีกต่อไป มหาวิทยาลัยในฐานะ “หอคอยงาช้างแห่งความรู้” ต้องเปลี่ยนบทบาทสู่ “ศูนย์กลางแห่งปัญญาเชิงระบบ” (Systemic Wisdom Hub) ที่บูรณาการ เทคโนโลยี × มนุษย์ × คุณธรรม เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างมีหลักการ
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ได้เสนอวิสัยทัศน์ใหม่นี้เพื่อพลิกบทบาทอุดมศึกษาไทย จาก “สถาบันแห่งความรู้” (Knowledge Institution) ไปสู่ “สถาบันแห่งปัญญา” (Wisdom Institution) ซึ่งถือเป็นรากฐานของ “ปัญญาสากล” ที่รวมความรู้เชิงเทคโนโลยีเข้ากับคุณค่าทางจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อมนุษยชาติ
2. แนวคิด “ปัญญาสากล” และกรอบทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
-
ปัญญาสากล (Universal Wisdom):
หมายถึงความรู้ที่บูรณาการระหว่างสติปัญญาทางวิทยาศาสตร์กับคุณธรรมทางจิตวิญญาณ เป็นปัญญาที่มีทั้งเหตุผลและเมตตา ไม่จำกัดศาสนา วัฒนธรรม หรืออุดมการณ์ -
ปัญญาเชิงระบบ (Systemic Wisdom):
คือความสามารถในการมองเห็นความเชื่อมโยงของระบบทั้งหมด ทั้งมนุษย์ เทคโนโลยี และธรรมชาติ เพื่อออกแบบการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน -
ปัญญาเชิงคุณธรรม (Moral Intelligence):
หมายถึงความสามารถในการตัดสินใจบนพื้นฐานของคุณค่า ความดี และความรับผิดชอบทางสังคม
“ปัญญาสากล” จึงมิใช่การรู้ทุกเรื่อง แต่คือ “การรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม” ซึ่งเป็นแก่นแท้ของการศึกษายุคเทคโน–คุณธรรม
3. บทบาทใหม่ของมหาวิทยาลัยในฐานะ “สถาบันแห่งปัญญา”
มหาวิทยาลัยยุคใหม่ต้องทำหน้าที่มากกว่าการผลิตบัณฑิตและตีพิมพ์งานวิจัย แต่ต้องเป็น “เครื่องยนต์แห่งปัญญา” ที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีกับมนุษยธรรม เพื่อสร้าง “สังคมแห่งการเรียนรู้ที่มีจิตวิญญาณ” โดยมีแนวทางสำคัญดังนี้
- ปรับพันธกิจใหม่: จาก “ผลิตคน–ผลิตงาน” สู่ “สร้างผู้นำ–สร้างปัญญาเพื่อชาติ”
- ปรับการเรียนรู้ใหม่: จาก “STEM” สู่ “STEAM+M” (เติม Morality)
- ปฏิรูประบบวิจัย: จาก “ตีพิมพ์” สู่ “สร้างผลกระทบเชิงคุณธรรม”
- ปฏิรูประบบบริหาร: จาก “ราชการนิยม” สู่ “ยืดหยุ่นแต่มีหลัก”
- เชื่อมโยงกับสังคม: จาก “มหาวิทยาลัยเพื่อวิชาการ” สู่ “มหาวิทยาลัยเพื่ออารยธรรม”
แนวคิดนี้มุ่งให้การศึกษาเป็นระบบสร้าง “ผู้นำเชิงคุณธรรม” (Tech–Moral Leader) ที่ขับเคลื่อนประเทศด้วยทั้งสมรรถนะเทคโนโลยีและสำนึกทางจริยธรรม
4. การวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบ: ปัญญาสากลกับระบบอุดมศึกษาโลก
| สถาบัน | แนวคิดหลัก | ลักษณะของปัญญาสากล |
|---|---|---|
| MIT Media Lab (สหรัฐฯ) | นวัตกรรมเพื่อมนุษยชาติ | ผสานวิทยาศาสตร์กับศิลปะและจริยธรรม |
| Aalto University (ฟินแลนด์) | การเรียนรู้บูรณาการ | เชื่อมศิลปะ วิศวกรรม และมนุษยศาสตร์ |
| มหาวิทยาลัยมหิดล | Health–Tech–Humanity | เทคโนโลยีเพื่อสุขภาวะและคุณธรรม |
| PSU | Smart & Good University | สร้างนวัตกรรมเพื่อชุมชน |
| จุฬาลงกรณ์ฯ | Responsible Innovation | นวัตกรรมที่รับผิดชอบต่อสังคม |
จากการเปรียบเทียบจะเห็นว่า “ปัญญาสากล” คือทิศทางร่วมของสถาบันการศึกษาชั้นนำทั่วโลก ที่ต่างพยายามหลอมรวม “วิทยาการ–คุณค่า–สังคม” เข้าด้วยกัน
5. การพัฒนา “ระบบนิเวศแห่งปัญญาสากล”
เพื่อให้มหาวิทยาลัยไทยก้าวสู่บทบาทนี้ จำเป็นต้องสร้างระบบนิเวศทางปัญญา (Wisdom Ecosystem) ที่มีองค์ประกอบหลัก 4 ด้านคือ
- ปัญญานโยบาย (Policy Wisdom): การออกแบบนโยบายอุดมศึกษาที่มีมิติคุณธรรม
- ปัญญาวิจัย (Research Wisdom): การสร้างองค์ความรู้เพื่อผลกระทบทางสังคม
- ปัญญาชุมชน (Civic Wisdom): การเชื่อมโยงกับท้องถิ่นและภาคประชาชน
- ปัญญาโลก (Global Wisdom): การใช้วัฒนธรรมไทยและพุทธปรัชญาเชื่อมโลกแห่งเทคโนโลยี
6. สรุป
“ปัญญาสากล” คือรากฐานใหม่ของอารยธรรมมนุษย์ที่ต้องบูรณาการเทคโนโลยีกับคุณธรรม และเป็นทิศทางที่มหาวิทยาลัยไทยควรยึดถือเพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่ “สังคมเทคโน–คุณธรรม” ที่สมดุลระหว่าง เหตุผล–จิตวิญญาณ–สาธารณะประโยชน์
การศึกษายุคใหม่จึงไม่ควรมุ่งผลิตผู้รู้ แต่ต้องผลิต “ผู้มีปัญญา” ที่สามารถสร้างความก้าวหน้าที่มีหลัก (Principled Progress) เพื่อสันติสุขของโลก
คำสำคัญ: ปัญญาสากล, เทคโน–คุณธรรม, มหาวิทยาลัยแห่งอนาคต, การศึกษาเชิงระบบ, อารยธรรมแห่งความก้าวหน้าที่มีหลัก

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น