วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ความเป็นรัฐธรรมนูญสากลในรัฐธรรมนูญประเทศไทย

 บทความทางวิชาการ

เรื่อง: วิเคราะห์ความเป็นรัฐธรรมนูญสากลในรัฐธรรมนูญประเทศไทย
ผู้เขียน:


บทคัดย่อ


บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ “ความเป็นรัฐธรรมนูญสากล” (Universal Constitutionalism) ในบริบทของรัฐธรรมนูญไทย โดยพิจารณาทั้งในเชิงหลักการและโครงสร้างทางสถาบัน เพื่อสำรวจว่ารัฐธรรมนูญไทยในยุคปัจจุบันสะท้อนคุณค่าของรัฐธรรมนูญสากลมากน้อยเพียงใด โดยอาศัยกรอบแนวคิดของรัฐธรรมนูญนิยม (Constitutionalism) ได้แก่ หลักอำนาจอธิปไตยของประชาชน หลักสิทธิมนุษยชน หลักนิติรัฐ หลักแบ่งแยกอำนาจ และหลักความรับผิดชอบต่อประชาชน การศึกษาพบว่า แม้รัฐธรรมนูญไทยมีการรับหลักการเหล่านี้ไว้ในเชิงถ้อยคำ แต่การปฏิบัติจริงยังสะท้อนความเป็น “รัฐธรรมนูญเชิงอำนาจ” มากกว่ารัฐธรรมนูญเชิงหลักการ


1. บทนำ


แนวคิด “รัฐธรรมนูญสากล” มิได้หมายถึงรัฐธรรมนูญที่เหมือนกันทุกประเทศ หากแต่หมายถึงหลักการพื้นฐานร่วมของรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ที่ยึดถือความเป็นมนุษย์ ศักดิ์ศรี และสิทธิของประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญเป็นมากกว่ากฎหมายสูงสุดของประเทศ แต่คือ “สัญญาทางสังคม” ที่กำหนดอำนาจและความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน


ในกรณีของประเทศไทย รัฐธรรมนูญแต่ละฉบับสะท้อนพัฒนาการทางการเมือง สังคม และอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2475 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตย จนถึงรัฐธรรมนูญปัจจุบัน พ.ศ. 2560 ซึ่งมีความพยายามผสมผสานระหว่างแนวคิดประชาธิปไตยและการบริหารราชการแบบเข้มแข็งของรัฐ


2. แนวคิด “รัฐธรรมนูญสากล” และกรอบทฤษฎี


รัฐธรรมนูญสากลเป็นผลผลิตจากพัฒนาการทางความคิดทางการเมืองตั้งแต่ยุค Enlightenment ซึ่งมีหลักสำคัญดังนี้

  1. หลักอำนาจอธิปไตยของประชาชน (Popular Sovereignty):
    อำนาจสูงสุดของรัฐมาจากประชาชน รัฐบาลเป็นเพียงผู้ใช้อำนาจแทน (Agent of the People)

  2. หลักสิทธิมนุษยชน (Human Rights):
    สิทธิและเสรีภาพเป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์ตั้งแต่เกิด รัฐธรรมนูญมีหน้าที่รับรองและคุ้มครองไม่ให้รัฐละเมิด

  3. หลักนิติรัฐ (Rule of Law):
    ทุกอำนาจรัฐต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และกฎหมายต้องยึดหลักความยุติธรรมและเหตุผล

  4. หลักแบ่งแยกอำนาจ (Separation of Powers):
    เพื่อป้องกันการรวมศูนย์อำนาจและสร้างกลไกถ่วงดุลระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ

  5. หลักความรับผิดชอบของรัฐ (Accountability):
    ผู้ใช้อำนาจรัฐต้องสามารถตรวจสอบได้ทั้งในทางกฎหมายและทางการเมือง


3. การวิเคราะห์รัฐธรรมนูญไทยในกรอบรัฐธรรมนูญสากล

  1. มิติอำนาจอธิปไตยของประชาชน:
    รัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับยืนยันว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย” แต่ในทางปฏิบัติ กลไกทางการเมืองยังคงจำกัดบทบาทของประชาชน โดยเฉพาะผ่านระบบการแต่งตั้งองค์กรอิสระและวุฒิสภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

  2. มิติสิทธิมนุษยชน:
    แม้รัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติรับรองสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง แต่ในทางปฏิบัติยังมีข้อจำกัด เช่น การใช้กฎหมายความมั่นคงและการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งสะท้อนความไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

  3. มิตินิติรัฐ:
    หลักนิติรัฐในไทยยังอยู่ในภาวะ “นิติรัฐแบบรูปแบบ” (Formal Rule of Law) มากกว่า “นิติรัฐแบบเนื้อหา” (Substantive Rule of Law) กล่าวคือ มีกฎหมายแต่ขาดการบังคับใช้อย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม

  4. มิติการแบ่งแยกอำนาจ:
    แม้มีการกำหนดการแบ่งแยกอำนาจในเชิงโครงสร้าง แต่ในทางการเมือง กลไกตรวจสอบระหว่างองค์กรยังไม่สมดุล โดยเฉพาะบทบาทของตุลาการและองค์กรอิสระที่มักมีอำนาจเกินขอบเขตการถ่วงดุล

  5. มิติความรับผิดชอบของรัฐ:
    กลไกตรวจสอบและความโปร่งใสยังมีข้อจำกัด โดยเฉพาะในส่วนของการตรวจสอบฝ่ายบริหารและองค์กรที่มาจากการแต่งตั้ง


4. การเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญสากล

ประเทศ ลักษณะรัฐธรรมนูญ จุดเด่นเชิงสากล บทเรียนสำหรับไทย
สหรัฐอเมริกา รัฐธรรมนูญฉบับเดียวตั้งแต่ปี 1787 เสรีภาพส่วนบุคคลสูง ระบบตรวจสอบเข้มแข็ง ความมั่นคงของหลักการเหนือการเมือง
เยอรมนี รัฐธรรมนูญหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เน้นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และรัฐสังคม การบูรณาการสิทธิและความยุติธรรมเชิงโครงสร้าง
ญี่ปุ่น รัฐธรรมนูญประชาธิปไตย ค.ศ.1947 จำกัดอำนาจรัฐ สนับสนุนสิทธิเสรีภาพ การสร้างวัฒนธรรมเคารพกฎหมาย
ไทย รัฐธรรมนูญเปลี่ยนบ่อย (20 ฉบับ) มีหลักการสากลแต่ขาดเสถียรภาพ ต้องสร้างความต่อเนื่องและความไว้วางใจทางการเมือง

5. แนวทางพัฒนารัฐธรรมนูญไทยให้เป็นรัฐธรรมนูญสากล

  1. สร้างระบบนิเวศประชาธิปไตย (Democratic Ecosystem):
    พัฒนาโครงสร้างทางการเมืองที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง

  2. เสริมหลักนิติรัฐและความยุติธรรม:
    ปฏิรูประบบกฎหมายให้เท่าเทียม โปร่งใส และไม่เลือกปฏิบัติ

  3. ยกระดับสิทธิมนุษยชนสู่มาตรฐานสากล:
    รับรองพันธกรณีระหว่างประเทศและสร้างกลไกตรวจสอบสิทธิมนุษยชนที่เป็นอิสระจริง

  4. สร้างวัฒนธรรมรัฐธรรมนูญ (Constitutional Culture):
    ปลูกฝังความเข้าใจในคุณค่าของรัฐธรรมนูญในสังคมผ่านการศึกษาและสื่อ

  5. ป้องกันการฉีกรัฐธรรมนูญซ้ำซาก:
    จัดให้มีมาตรการปกป้องรัฐธรรมนูญจากการใช้อำนาจโดยมิชอบ เพื่อสร้างเสถียรภาพและความศรัทธาของประชาชน


6. สรุป


รัฐธรรมนูญสากลมิใช่เพียงเอกสารทางกฎหมาย แต่คือ “จิตวิญญาณแห่งการปกครองตนเองของประชาชน” สำหรับประเทศไทย การก้าวสู่ความเป็นรัฐธรรมนูญสากลต้องอาศัยทั้งการปฏิรูปเชิงโครงสร้างและการปลูกฝังวัฒนธรรมทางการเมืองที่ยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนและนิติธรรม หากสามารถสร้างสมดุลระหว่างอำนาจรัฐกับศักดิ์ศรีของประชาชนได้อย่างแท้จริง รัฐธรรมนูญไทยจะไม่เป็นเพียง “เอกสารทางการเมือง” อีกต่อไป แต่จะเป็น “สัญญาแห่งอารยธรรมประชาธิปไตย” ที่ยืนหยัดอยู่บนหลักสากล



คำสำคัญ: รัฐธรรมนูญสากล, รัฐธรรมนูญไทย, นิติรัฐ, สิทธิมนุษยชน, ประชาธิปไตย, รัฐธรรมนูญนิยม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...