เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ดร.สำราญ สมพงษ์ นักวิชาการอิสระด้านพุทธสันติวิธี อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดศรีสะเกษ ปี 2535 พรรคเกษตรเสรี และปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคแผ่นดินธรรม ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์เชิงวิชาการเรื่อง “วิเคราะห์ปรัชญาหันเฟยจื่อในบริบทข้าราชการไทยปี 2568” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการประยุกต์แนวคิดปรัชญาการปกครองของ “หันเฟยจื่อ” (Han Fei Zi) นักคิดสำคัญแห่งลัทธินิตินิยมจีนโบราณ กับระบบราชการไทยภายใต้บริบทของการบริหารราชการยุคดิจิทัล
ดร.สำราญ ระบุว่า การศึกษาครั้งนี้มุ่งวิเคราะห์ “ความสอดคล้องและความแตกต่าง” ระหว่างแนวคิดการปกครองของหันเฟยจื่อ — ที่เน้นระบบกฎหมายเข้มงวด การควบคุมด้วยรางวัล–โทษ และการจำกัดอำนาจส่วนบุคคลของขุนนาง — กับระบบราชการไทยในปี 2568 ซึ่งกำลังเผชิญการเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างของรัฐ และแรงกดดันจากสังคมประชาธิปไตยที่เรียกร้องความโปร่งใสและความรับผิดชอบ
ผลการวิเคราะห์พบว่า แนวคิดของหันเฟยจื่อยังมีความสอดคล้องกับ หลักธรรมาภิบาลของราชการไทย ในบางด้าน โดยเฉพาะในเรื่อง “ความรับผิดชอบต่อหน้าที่” และ “ความเที่ยงธรรมในการบังคับใช้กฎหมาย” ซึ่งสะท้อนผ่านการใช้ระบบประเมินผล (KPI) และระบบดิจิทัลติดตามการใช้งบประมาณ อย่างไรก็ตาม ดร.สำราญเตือนว่า หากนำแนวคิดนิตินิยมมาใช้โดยไม่คำนึงถึงบริบทประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน อาจก่อให้เกิดการรวมศูนย์อำนาจและลดทอนจิตสำนึกคุณธรรมของข้าราชการไทย
ในรายงานดังกล่าวยังแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่
-
แนวคิดหลักของหันเฟยจื่อ
ประกอบด้วย “法 (ฝ่า)” กฎหมายที่เข้มงวดและเท่าเทียม, “術 (ซู่)” เทคนิคการควบคุมของผู้นำ และ “勢 (ซื่อ)” อำนาจของตำแหน่ง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการปกครองรัฐให้มั่นคง -
การบริหารราชการด้วยกฎหมายและระบบ
พบว่าระบบราชการไทยปี 2568 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มความโปร่งใส เช่น Open Data และระบบติดตามงบประมาณออนไลน์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด “法” ของหันเฟยจื่อ แต่ยังต้องพัฒนาให้ยืดหยุ่นและตอบสนองประชาชนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น -
ระบบรางวัล–ลงโทษในราชการไทย
แม้มีการใช้ตัวชี้วัดผลการทำงานเพื่อกำหนดรางวัลและบทลงโทษตามแนว “賞罰 (ซ่างฝ่า)” แต่ยังมีข้อจำกัดจากวัฒนธรรมอุปถัมภ์และอิทธิพลส่วนบุคคล ทำให้ยังไม่บรรลุผลอย่างเต็มที่ -
การจำกัดอำนาจของผู้บริหารและความรับผิดชอบ
แนวคิด “勢” ของหันเฟยจื่อเสนอให้ใช้อำนาจตามตำแหน่ง ไม่ตามบุญคุณหรือศีลธรรมส่วนตัว ซึ่งสอดคล้องกับหลักความรับผิดชอบในธรรมาภิบาลของไทย แต่ระบบราชการไทยยังคงเผชิญกับปัญหาการรวมศูนย์อำนาจในระดับนโยบาย
ข้อเสนอแนะสำคัญ จากบทความคือ
-
ควรนำหลัก “法” มาปรับใช้กับระบบดิจิทัลราชการ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีความโปร่งใสและอัตโนมัติ
-
พัฒนาระบบรางวัล–ลงโทษบนพื้นฐานข้อมูลจริง
-
เสริมสร้าง “คุณธรรมในระบบ” เพื่อให้ข้าราชการมีจิตสำนึกตามกฎหมายและจริยธรรมควบคู่กัน
บทความดังกล่าวได้รับการอ้างอิงจากงานศึกษาทางปรัชญาและรัฐศาสตร์หลายชิ้น เช่น The Complete Works of Han Fei Zi (2003), A History of Chinese Philosophy โดย Fung Yu-Lan (1952) และงานวิจัยไทยร่วมสมัยจากนักวิชาการอย่าง ธีรยุทธ บุญมี, ปรีชา เปี่ยมพงศ์สานต์ และนครินทร์ เมฆไตรรัตน์
ดร.สำราญกล่าวทิ้งท้ายว่า
“ระบบราชการไทยในอนาคตต้องกล้าปรับตัวให้กฎหมายและคุณธรรมเดินไปพร้อมกัน เพราะหากขาดสมดุลระหว่างระบบกับมนุษยธรรม การบริหารจะกลายเป็นเครื่องจักรที่ไร้หัวใจ”
วิเคราะห์ปรัชญาหันเฟยจื่อในบริบทข้าราชการไทยปี 2568
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์แนวคิดปรัชญาการปกครองของ “หันเฟยจื่อ” (Han Fei Zi) นักคิดสำคัญในลัทธินิตินิยมของจีนโบราณ และศึกษาความสอดคล้องหรือความแตกต่างกับระบบราชการไทยในปี พ.ศ. 2568 ที่อยู่ภายใต้บริบทการบริหารราชการแผ่นดินยุคดิจิทัล การเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างของรัฐ และความคาดหวังใหม่จากสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ ผลการวิเคราะห์พบว่า ปรัชญาหันเฟยจื่อที่เน้น “กฎหมายเข้มงวด ระบบรางวัล–ลงโทษที่ชัดเจน และการจำกัดอำนาจส่วนบุคคลของขุนนาง” ยังคงมีความสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลในราชการไทยบางประการ โดยเฉพาะด้าน “ความรับผิดชอบ” และ “ความเที่ยงธรรม” อย่างไรก็ตาม หากนำมาปรับใช้โดยไม่คำนึงถึงบริบทประชาธิปไตยและค่านิยมสิทธิมนุษยชน อาจก่อให้เกิดการรวมศูนย์อำนาจและลดทอนจิตสำนึกทางคุณธรรมของข้าราชการได้
1. บทนำ
“หันเฟยจื่อ” (韓非子, Han Fei Zi) เป็นนักปรัชญาแห่งยุคจ้านกว๋อ (Warring States Period) ของจีน ผู้เป็นตัวแทนสำคัญของลัทธินิตินิยม (Legalism) ซึ่งมองว่ารัฐควรถูกปกครองด้วย กฎหมายที่เข้มงวด (法, ฝ่า) มากกว่าคุณธรรมของผู้นำ ปรัชญานี้มุ่งสร้างความมั่นคงให้แก่รัฐโดยการใช้ระบบกฎหมาย รางวัล และโทษ (賞罰, ซ่างฝ่า) เพื่อควบคุมข้าราชการและประชาชนให้ปฏิบัติตามระเบียบอย่างมีประสิทธิภาพ
ในบริบทของสังคมไทย พ.ศ. 2568 ระบบราชการกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากหลายด้าน ทั้งการปฏิรูประบบราชการเพื่อความโปร่งใส การปรับตัวต่อเทคโนโลยีดิจิทัล และการตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนที่เน้นความยุติธรรมและประสิทธิผล การนำปรัชญาหันเฟยจื่อมาวิเคราะห์จึงช่วยให้เข้าใจแนวคิดการบริหารที่เน้น “ระบบมากกว่าคน” และสามารถชี้ให้เห็นข้อจำกัดของการใช้อำนาจในราชการยุคใหม่
2. แนวคิดหลักของปรัชญาหันเฟยจื่อ
หันเฟยจื่อเสนอหลักการสำคัญ 3 ประการ คือ
-
法 (ฝ่า) – กฎหมาย
ต้องมีความชัดเจน เข้มงวด และใช้บังคับเท่าเทียมกัน เพื่อควบคุมพฤติกรรมของข้าราชการและประชาชนโดยไม่ยึดอารมณ์หรือคุณธรรมของผู้ปกครองเป็นหลัก -
術 (ซู่) – เทคนิคการปกครอง
ผู้นำต้องมี “กลยุทธ์ในการควบคุม” โดยไม่เปิดเผยความคิด เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงจากขุนนางหรือผู้ใต้บังคับบัญชา -
勢 (ซื่อ) – อำนาจ
การปกครองที่มีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับการใช้อำนาจของตำแหน่ง มากกว่าความดีส่วนตัวของผู้ปกครอง
หันเฟยจื่อจึงเน้นว่า ระบบกฎหมายและกลไกการควบคุมคือหัวใจของรัฐที่มั่นคง มากกว่าความเมตตาหรือศีลธรรมของผู้นำ
3. การวิเคราะห์ในบริบทข้าราชการไทย ปี 2568
3.1 การบริหารราชการด้วย “กฎหมายและระบบ”
ในปี 2568 ระบบราชการไทยยังคงใช้หลักกฎหมายเป็นกรอบสำคัญของการบริหาร โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยเพิ่มความโปร่งใส เช่น ระบบข้อมูลเปิด (Open Data) และระบบติดตามการใช้งบประมาณออนไลน์ ซึ่งสะท้อนแนวคิด “法 (ฝ่า)” ของหันเฟยจื่อที่ให้ความสำคัญกับกฎหมายมากกว่าตัวบุคคล
อย่างไรก็ตาม การตีความกฎหมายแบบเคร่งครัดโดยไม่ยืดหยุ่นอาจทำให้ระบบราชการขาดความคิดสร้างสรรค์ และไม่สามารถตอบสนองประชาชนในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเร็วได้
3.2 ระบบรางวัล–ลงโทษกับการบริหารบุคคล
แนวคิด “賞罰 (ซ่างฝ่า)” ของหันเฟยจื่อสะท้อนในระบบประเมินผลข้าราชการไทยที่ใช้ตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงาน (KPI) เพื่อกำหนดรางวัลและบทลงโทษ การใช้กลไกเชิงระบบช่วยลดอคติในการตัดสิน แต่ในทางปฏิบัติ ระบบราชการไทยยังมีปัญหาความไม่เท่าเทียมและวัฒนธรรมอุปถัมภ์ ทำให้แนวคิดนี้ยังไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างเต็มที่
3.3 การจำกัดอำนาจและความรับผิดชอบของผู้บริหาร
หันเฟยจื่อเสนอให้ผู้นำใช้อำนาจตาม “ตำแหน่ง” มิใช่ตาม “บุญคุณ” หรือ “ศีลธรรมส่วนตัว” เพื่อป้องกันการคอร์รัปชัน แนวคิดนี้สะท้อนถึงหลักธรรมาภิบาลของไทยในด้าน “ความรับผิดชอบต่อหน้าที่” (Accountability) แต่ในบริบทไทยปี 2568 ยังมีข้อจำกัดจากโครงสร้างการรวมศูนย์อำนาจ ซึ่งบางครั้งทำให้เกิดการตัดสินใจเชิงนโยบายโดยไม่เปิดโอกาสให้ข้าราชการระดับปฏิบัติการมีส่วนร่วม
4. สรุปและข้อเสนอแนะ
ปรัชญาหันเฟยจื่อเสนอแนวทางการบริหารที่เน้น “ระบบและกฎหมาย” มากกว่า “คุณธรรมส่วนบุคคล” ซึ่งในหลายแง่มุมสอดคล้องกับความพยายามของไทยในการสร้างระบบราชการที่มีมาตรฐาน โปร่งใส และตรวจสอบได้ อย่างไรก็ตาม การนำแนวคิดนี้มาใช้ในบริบทไทยต้องปรับให้สมดุลกับหลักการประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และจริยธรรมของข้าราชการ
ข้อเสนอแนะ คือ
-
ควรนำแนวคิด “法” มาปรับใช้กับระบบดิจิทัลราชการ เพื่อสร้างกลไกการบังคับใช้กฎหมายที่โปร่งใสและอัตโนมัติ
-
พัฒนา “ระบบรางวัล–ลงโทษ” ที่ยึดข้อมูลจริงมากกว่าอิทธิพลส่วนบุคคล
-
เสริมสร้าง “คุณธรรมในระบบ” (Systemic Morality) เพื่อให้ข้าราชการตระหนักในหน้าที่ตามกฎหมายและจริยธรรมควบคู่กัน
บรรณานุกรม (เบื้องต้น)
-
Han Fei Zi. (2003). The Complete Works of Han Fei Zi. Beijing: Foreign Language Press.
-
Fung, Y.-L. (1952). A History of Chinese Philosophy, Vol. 2. Princeton University Press.
-
ธีรยุทธ บุญมี. (2566). รัฐราชการไทยในยุคดิจิทัล. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
-
ปรีชา เปี่ยมพงศ์สานต์. (2567). การบริหารภาครัฐและหลักธรรมาภิบาล. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง.
-
นครินทร์ เมฆไตรรัตน์. (2565). การเมืองกับระบบราชการไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น