เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 ดร.สำราญ สมพงษ์ นักวิชาการอิสระด้านพุทธสันติวิธี เปิดเผยผลการศึกษาร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายใต้หัวข้อ“การรู้เท่าทันและใช้กิเลสให้เป็นด้วยปัญญา: การประยุกต์หลักพุทธสันติวิธีในการคลี่คลายความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา”
ซึ่งเป็นการบูรณาการหลักพุทธจิตวิทยาและสันติศึกษา เข้ากับสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดน โดยเฉพาะกรณี “ยุทธวิธีผีหลอก” ที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้
ดร.สำราญ อธิบายว่า งานศึกษานี้มีเป้าหมายเพื่อค้นหาทางออกเชิงสันติวิธีที่ยั่งยืน โดยตั้งอยู่บนแนวคิด “อยู่กับกิเลส อย่ารำคาญกิเลส แต่รู้ทันไว้ เพื่อใช้กิเลสให้เป็น”
แนวคิดดังกล่าวเน้นให้ทุกฝ่ายเรียนรู้ที่จะ “รู้เท่าทัน” ความกลัว ความโกรธ และความอยาก ซึ่งเป็นรากของกิเลส แล้วใช้พลังเหล่านั้นอย่างมีปัญญาเพื่อสร้างสรรค์สันติในระดับบุคคล ชุมชน และรัฐ
“ในทางพุทธศาสนา เราไม่ได้ปฏิเสธกิเลส แต่เรียนรู้ที่จะใช้กิเลสให้เป็น ด้วยสติและปัญญา
ความกลัวกลายเป็นความระมัดระวัง
ความโกรธกลายเป็นพลังแห่งการแก้ไข
ความอยากกลายเป็นฉันทะในการสร้างสันติ”
— ดร.สำราญ สมพงษ์ กล่าว
บทวิเคราะห์ของดร.สำราญและเอไอเสนอว่า การคลี่คลายความขัดแย้งชายแดนควรดำเนินการใน สามระดับสำคัญ ได้แก่
-
ระดับปัจเจก: พัฒนา “สันติภายใน” ของเจ้าหน้าที่และประชาชน ด้วยการฝึกสติและเจริญจิตตานุปัสสนา เพื่อรู้เท่าทันอารมณ์และไม่ตกเป็นเหยื่อของข่าวลือหรือความกลัว
-
ระดับชุมชน: ส่งเสริมโครงการความร่วมมือระหว่างหมู่บ้านชายแดน เช่น ตลาดร่วม การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และกิจกรรมเยาวชน เพื่อสร้าง “พื้นที่สันติ” แทน “พื้นที่เสี่ยง”
-
ระดับนโยบาย: สร้างกลไกสื่อสารร่วมระหว่างหน่วยงานชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อลดความเข้าใจผิดและสนับสนุนการเจรจาอย่างต่อเนื่องบนฐานของความจริงและความไว้วางใจ
ในส่วนของกรณี “ยุทธวิธีผีหลอก” ซึ่งมีการใช้สื่อและตำนานเพื่อควบคุมสถานการณ์ชายแดน ดร.สำราญตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะมีเจตนาดีในการป้องกันเหตุรุนแรง แต่ยุทธวิธีเช่นนี้อาจสร้าง “ความกลัวเทียม” และบั่นทอนความไว้วางใจของประชาชนในระยะยาว
พุทธสันติวิธีจึงเสนอแนวทาง “ยุทธศาสตร์แห่งความจริง” และ “ยุทธศาสตร์แห่งเมตตา” เพื่อสร้างความมั่นคงที่ตั้งอยู่บนศีลธรรมและความเข้าใจ ไม่ใช่ความกลัวหรือการหลอกลวง
“ความมั่นคงที่แท้ ไม่ได้เกิดจากการข่มขู่ แต่เกิดจากความเข้าใจและเมตตา
หากเรารู้เท่าทันและใช้กิเลสด้วยปัญญาได้ ความขัดแย้งก็จะกลายเป็นโอกาสสร้างสันติ”
— ดร.สำราญ กล่าวเพิ่มเติม
ผลการสังเคราะห์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า หลักพุทธสันติวิธีสามารถใช้เป็นกรอบจิตวิทยาและจริยธรรมในการแปลงพลังของความขัดแย้งให้กลายเป็นพลังสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความไว้วางใจและสันติภาพระหว่างประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างยั่งยืน
#พุทธสันติวิธี #กิเลส #ปัญญา #ความขัดแย้งชายแดน #ไทย–กัมพูชา
“การรู้เท่าทันและใช้กิเลสให้เป็นด้วยปัญญา: การประยุกต์หลักพุทธสันติวิธีในการคลี่คลายความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา”
บทคัดย่อ
บทความนี้มุ่งสังเคราะห์หลักพุทธจิตวิทยาและสันติวิธีเข้ากับสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะกรณีความเข้าใจผิดและการใช้ยุทธวิธีทางจิตวิทยาในพื้นที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ซึ่งส่งผลต่อความไม่มั่นคงของชุมชนชายแดน บทความเสนอว่า การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนควรตั้งอยู่บนหลัก “อยู่กับกิเลส อย่ารำคาญกิเลส แต่รู้ทันไว้ เพื่อใช้กิเลสให้เป็น” อันเป็นการใช้สติและปัญญาเฝ้าดูอารมณ์และแรงขับของความกลัว ความโกรธ และความอยาก จนสามารถเปลี่ยนพลังเหล่านั้นให้เป็นพลังสร้างสรรค์เพื่อสันติ ทั้งในระดับปัจเจก สังคม และรัฐ ผลการสังเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า หลักพุทธสันติวิธีสามารถนำมาใช้เป็นกรอบคิดเชิงจิตใจและจริยธรรม เพื่อเปลี่ยนกระบวนการจัดการความขัดแย้งจากการเผชิญหน้าไปสู่การร่วมมือบนฐานของความเข้าใจ ความไว้วางใจ และปัญญาร่วม
คำสำคัญ: พุทธสันติวิธี, กิเลส, ปัญญา, ความขัดแย้งชายแดน, ไทย–กัมพูชา
บทนำ
ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสระแก้ว เป็นประเด็นที่ดำรงอยู่มาอย่างต่อเนื่องและซับซ้อน ทั้งจากปัจจัยทางประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์ชาติ และผลประโยชน์ด้านความมั่นคง ความพยายามของทั้งสองฝ่ายในการรักษาเสถียรภาพของพื้นที่ชายแดนมีทั้งการใช้ยุทธวิธีทางการทหารและยุทธศาสตร์ทางจิตวิทยา ซึ่งบางครั้งอาจก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมและจิตใจแก่ประชาชนในพื้นที่
กรณี “ยุทธวิธีผีหลอก” ที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว (พ.ศ. 2568) เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนถึงการใช้วิธีทางจิตวิทยาในระดับท้องถิ่นเพื่อควบคุมสถานการณ์ความตึงเครียด อย่างไรก็ตาม วิธีการเช่นนี้อาจสร้าง “ความกลัว” และ “ความไม่ไว้วางใจ” ซึ่งเป็นรากฐานของความรุนแรงเชิงโครงสร้าง หากขาดการพัฒนาในเชิงสันติวิธี
ในมุมมองของพุทธสันติวิธี ปัญหาความขัดแย้งเช่นนี้สามารถคลี่คลายได้ด้วยการพัฒนา “สันติภายใน” (Inner Peace) ของผู้เกี่ยวข้องก่อน แล้วจึงขยายผลไปสู่ “สันติภายนอก” (Outer Peace) โดยใช้หลักการ “รู้เท่าทันกิเลส และใช้กิเลสให้เป็นด้วยปัญญา” เพื่อเปลี่ยนพลังอารมณ์ลบให้เป็นพลังสร้างสรรค์เชิงสันติ
๑. แนวคิดพุทธสันติวิธี: การรู้เท่าทันกิเลสในฐานะการสร้างสันติภายใน
พระพุทธศาสนาเสนอว่า “กิเลส” เป็นรากเหง้าแห่งความทุกข์และความขัดแย้งในใจมนุษย์ ได้แก่ โลภะ โทสะ และโมหะ แต่แทนที่จะผลักกิเลสออกไป พุทธสันติวิธีเสนอให้ “อยู่กับกิเลสอย่างรู้เท่าทัน” โดยใช้ สติ (sati) และ สัมปชัญญะ (sampajañña) เฝ้าดูความคิดอารมณ์ของตน
เมื่อบุคคลรู้ทันความกลัว (อันเป็นรูปหนึ่งของโมหะ) หรือความโกรธ (อันเป็นโทสะ) เขาจะไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของมัน แต่สามารถเปลี่ยนพลังนั้นให้เป็นความเข้าใจ ความระมัดระวัง และความกล้าหาญเชิงสร้างสรรค์ การรู้เท่าทันกิเลสจึงเป็นรากฐานของ “สันติภายใน” ที่ช่วยป้องกันการตอบโต้หรือการใช้ความรุนแรงโดยขาดปัญญา
ในบริบทของชายแดน การพัฒนาเจ้าหน้าที่และชุมชนให้มีสติรู้เท่าทันอารมณ์ความกลัว ความไม่ไว้วางใจ และอคติทางชาติพันธุ์ ถือเป็นหัวใจของการสร้างสันติวิธีอย่างยั่งยืน
๒. การใช้กิเลสให้เป็นด้วยปัญญา: การเปลี่ยนพลังความขัดแย้งให้เป็นพลังสร้างสรรค์
พุทธสันติวิธีไม่เพียงสอนให้ละกิเลส แต่ยังสอนให้ “ใช้กิเลสให้เป็น” โดยมีปัญญาเป็นผู้นำ เช่นเดียวกับแนวคิด “Transformative Conflict” ในสันติศึกษา ที่เน้นการแปลงพลังความขัดแย้งให้กลายเป็นพลังแห่งการเรียนรู้และพัฒนา
ในสถานการณ์ชายแดน ความอยาก (ตัณหา) อาจแสดงออกเป็น “ความอยากครอบครองพื้นที่” หรือ “ความอยากพิสูจน์ศักดิ์ศรีของชาติ” ซึ่งถ้าถูกขับเคลื่อนด้วยอวิชชา ย่อมก่อให้เกิดความตึงเครียดและความรุนแรง แต่หากใช้ด้วยปัญญา ความอยากนั้นสามารถแปรเป็น “ฉันทะ” คือความมุ่งมั่นสร้างประโยชน์ร่วม เช่น
-
ความอยากรักษาพื้นที่ → แปรเป็นความมุ่งมั่นพัฒนา “เขตร่วมประโยชน์”
-
ความโกรธจากความเข้าใจผิด → แปรเป็นพลังสื่อสารเพื่อความจริงและความโปร่งใส
-
ความกลัวภัย → แปรเป็นความร่วมมือในการป้องกันภัยร่วมกัน
ดังนั้น “ใช้กิเลสให้เป็น” หมายถึง การใช้แรงขับทางจิตวิทยาอย่างมีปัญญา เพื่อเปลี่ยนการเผชิญหน้าเป็นการร่วมมือ
๓. การประยุกต์หลักพุทธสันติวิธีในบริบทชายแดนไทย–กัมพูชา
การนำหลัก “รู้เท่าทันและใช้กิเลสให้เป็น” มาใช้แก้ปัญหาชายแดน สามารถดำเนินการได้ในสามระดับ ได้แก่
ก. ระดับปัจเจก:
ฝึกสติและการรู้เท่าทันอารมณ์ของเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะต่อข่าวลือ ความกลัว และความโกรธ ผ่านการอบรม “สติปัฏฐานเชิงสังคม” หรือ “พุทธสันติปฏิบัติ” (Peace Mindfulness Training)
ข. ระดับชุมชน:
ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างชุมชนชายแดนทั้งสองประเทศ เช่น การสร้างตลาดชายแดนร่วม การจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมร่วม หรือโครงการเยาวชนแลกเปลี่ยน เพื่อเปลี่ยนความรู้สึกแบ่งแยกให้เป็นความสัมพันธ์เชิงพี่น้อง
ค. ระดับนโยบาย:
สร้างกลไกสื่อสารร่วมระหว่างหน่วยงานชายแดนทั้งสองประเทศ (Joint Border Communication Channel) เพื่อป้องกันการบิดเบือนข่าวสารและการตอบโต้โดยอารมณ์ พร้อมส่งเสริมการเจรจาเชิงสันติแบบต่อเนื่อง (Continuous Dialogue) ซึ่งตั้งอยู่บนหลักความจริง ความไว้วางใจ และความเคารพซึ่งกันและกัน
๔. การวิพากษ์เชิงจริยธรรมต่อยุทธวิธีทางจิตวิทยา
กรณี “ยุทธวิธีผีหลอก” แม้จะมีเจตนาเพื่อควบคุมสถานการณ์ แต่ในมุมมองของสันติวิธี ถือเป็นการกระทำที่มีความเสี่ยงต่อการสร้าง “ความกลัวเทียม” (Artificial Fear) ซึ่งทำลายทุนทางสังคมและความไว้วางใจในระยะยาว
สันติวิธีจึงเสนอให้แทนที่ยุทธวิธีเชิงหลอกลวงด้วย “ยุทธศาสตร์แห่งความจริง” (Truth-based Strategy) และ “ยุทธศาสตร์แห่งเมตตา” (Compassion-based Strategy) เพื่อให้ความมั่นคงภายในดำรงอยู่บนฐานของศีลธรรมและศรัทธา ไม่ใช่บนฐานของความกลัว
บทสรุป
หลัก “อยู่กับกิเลส อย่ารำคาญกิเลส แต่รู้ทันไว้ เพื่อใช้กิเลสให้เป็น” มิได้เป็นเพียงแนวทางปฏิบัติทางจิตเท่านั้น แต่ยังเป็น กรอบคิดสันติวิธีเชิงจิตวิทยาและจริยธรรม ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการความขัดแย้งระดับรัฐและสังคมได้จริง
ในกรณีชายแดนไทย–กัมพูชา หลักนี้ช่วยให้เห็นว่า ความกลัว ความโกรธ หรือความอยากครอบครอง มิใช่สิ่งต้องกำจัด แต่ต้องรู้เท่าทันและเปลี่ยนให้เป็นพลังสร้างสรรค์เพื่อสันติ ความมั่นคงที่แท้จึงไม่อยู่ที่การข่มขู่หรือหลอกลวง แต่อยู่ที่ การตื่นรู้ เข้าใจ และเคารพกันด้วยปัญญาและเมตตา
ดังนั้น การแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างยั่งยืน ต้องเริ่มจาก “สันติภายในจิต” ของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อให้ขยายเป็น “สันติภายนอก” ของประชาคมระหว่างประเทศในที่สุด
เอกสารอ้างอิง (ตัวอย่าง):
-
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
-
สมภาร พรมทา. พุทธจิตวิทยากับการจัดการความขัดแย้ง. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๖๒.
-
Galtung, Johan. Peace by Peaceful Means: Peace and Conflict, Development and Civilization. Oslo: PRIO, 1996.
-
Lederach, John Paul. The Moral Imagination: The Art and Soul of Building Peace. Oxford University Press, 2005.
-
สำราญ สมพงษ์. “พุทธสันติวิธีและการรู้เท่าทันกิเลส.” เอกสารวิชาการอิสระ, ๒๕๖๘.

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น