วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568

"ดร.สำราญ" จับมือเอไอวิเคราะห์ “สันติภาพยั่งยืน” บนเวทีอาเซียน ครั้งที่ 47 ผ่านแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง

 


กัวลาลัมเปอร์, 27 ตุลาคม 2568ดร.สำราญ สมพงษ์ นักวิชาการอิสระด้านพุทธสันติวิธี ร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จัดทำการวิเคราะห์เชิงวิชาการเรื่อง “บทบาทการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบนเวทีการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47” โดยมีเป้าหมายเพื่อสะท้อนแนวทางการขับเคลื่อนสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านมิติของความพอเพียง สมดุล และคุณธรรม

🇹🇭 รัฐบาลไทยชูบทบาท “หุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืน”

การประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 47 จัดขึ้น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ถือเป็นเวทีสำคัญของการแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างผู้นำประเทศสมาชิกในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม เพื่อสร้างแนวทางความร่วมมือสู่ความยั่งยืนในภูมิภาค

โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำคณะเข้าร่วมประชุมในนามของประเทศไทย พร้อมย้ำบทบาทของไทยในฐานะ “หุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืนของภูมิภาค” (Partner for Sustainable Peace and Development) ซึ่งสอดคล้องโดยตรงกับ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่มุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่าง “เศรษฐกิจ–สังคม–สิ่งแวดล้อม”


🌏 5 วงประชุมสำคัญสะท้อนแนวคิดพอเพียงเชิงนโยบาย

ตลอดวันที่ 27 ตุลาคม 2568 นายกรัฐมนตรีไทยได้เข้าร่วมประชุมใน 5 วงสำคัญ ซึ่งสะท้อนการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในระดับนโยบายระหว่างประเทศ ดังนี้

  1. การประชุมสุดยอดอาเซียน–สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 26
    ไทยในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน–เกาหลีใต้ เน้นการขับเคลื่อน หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม (Comprehensive Strategic Partnership: CSP) โดยเน้นประเด็น เศรษฐกิจดิจิทัล นวัตกรรมสีเขียว และการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งสะท้อนหลัก “ความมีเหตุผล” และ “ภูมิคุ้มกัน” ในแนวคิดพอเพียง

  2. การประชุมอาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three: APT)
    ไทยร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองต่อความมั่นคงทางอาหาร ภัยพิบัติ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเสนอแนวทางพึ่งพาตนเองและความร่วมมือในภูมิภาค สอดคล้องกับหลัก “พอประมาณ” และ “เข้าใจซึ่งกันและกัน”

  3. การประชุมสุดยอดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)
    ไทยผลักดันให้ความตกลงการค้าเสรีสร้างผลเชิงรูปธรรมต่อภาคธุรกิจและประชาชน โดยคำนึงถึงความสมดุลทางเศรษฐกิจและสังคม ถือเป็นการประยุกต์ใช้หลัก “เหตุผล–ภูมิคุ้มกัน” ของเศรษฐกิจพอเพียงในมิติการค้าโลก

  4. การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit: EAS)
    ไทยแสดงจุดยืนชัดเจนในการสร้าง “สันติภาพ เสถียรภาพ และสมดุลทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก” เป็นการยกระดับแนวคิด “สันติวิธี” และ “สมดุลแห่งจิตใจ” ในกรอบเศรษฐกิจพอเพียงสู่ระดับภูมิภาค

  5. การประชุมสุดยอดอาเซียน–สหประชาชาติ ครั้งที่ 15
    ไทยเน้นความร่วมมือเพื่อ “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ตามเป้าหมายของสหประชาชาติ (UN SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 16 “สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง” ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับหลักพอเพียงและสันติธรรม


🔍 ดร.สำราญชี้ “สันติภาพยั่งยืน” ต้องเริ่มที่ความพอในใจ

ดร.สำราญ สมพงษ์ วิเคราะห์ว่า การดำเนินบทบาทของรัฐบาลไทยในเวทีอาเซียนครั้งนี้ เป็นการประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงใน 3 มิติสำคัญ คือ

  • ความพอประมาณ: ดำเนินการอย่างไม่สุดโต่ง ไม่แข่งขันเพื่อผลประโยชน์ฝ่ายเดียว แต่เน้นความสมดุลและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

  • ความมีเหตุผล: ใช้การพัฒนาเชิงเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมอย่างมีเหตุผลและรับผิดชอบต่อสังคม

  • ภูมิคุ้มกัน: สร้างความมั่นคงในระดับภูมิภาค ทั้งด้านอาหาร พลังงาน และเศรษฐกิจ เพื่อรับมือกับวิกฤติที่ไม่อาจคาดการณ์

นอกจากนี้ ท่านยังเน้นว่า “คุณธรรม” และ “ความรู้” เป็นแกนหลักที่ทำให้สันติภาพมีความยั่งยืน เพราะสันติภาพไม่ใช่เพียงการไม่มีสงคราม แต่คือการมี “ใจที่พอ” และ “สังคมที่ไม่เบียดเบียนกัน”


🤝 จากเศรษฐกิจพอเพียงสู่การทูตสันติภาพ

ผลการวิเคราะห์ของ ดร.สำราญ และเอไอ สรุปว่า รัฐบาลไทยได้ใช้เวทีการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 เป็น “จุดเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจพอเพียงกับการทูตสันติภาพ” (Sufficiency Diplomacy) โดยแสดงให้เห็นถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายที่เน้น สมดุล ความร่วมมือ และความเข้าใจซึ่งกันและกัน

ทั้งนี้ ข้อเสนอสำคัญคือ ควรเสริมสร้าง ความร่วมมือเชิงประชาชน (People-to-People Cooperation) และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เรื่อง “พอเพียง” ในระดับภูมิภาค เพื่อขยายผลจากระดับนโยบายสู่ระดับชุมชน


🕊️ สรุป

การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ไม่เพียงเป็นเวทีทางการเมืองระดับภูมิภาค แต่ยังเป็น “ห้องเรียนของสันติภาพ” ที่ประเทศไทยใช้แสดงบทบาทเชิงรุกในการสร้างสังคมพอเพียงและสันติสุขร่วมกันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“สันติภาพแท้จริง ไม่ได้เกิดจากอำนาจหรือเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่
แต่เกิดจากใจที่รู้จักคำว่าพอ”
ดร.สำราญ สมพงษ์ นักวิชาการอิสระด้านพุทธสันติวิธี

วิเคราะห์บทบาทการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบนเวทีการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 รัฐบาลไทย


บทนำ

การประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 47 จัดขึ้น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นับเป็นเวทีสำคัญที่ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม เพื่อสร้างความร่วมมือในการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้บริบทของความท้าทายระดับโลก ทั้งด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความไม่เท่าเทียมทางดิจิทัล

สำหรับประเทศไทย การเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีการย้ำบทบาทของไทยในฐานะ "หุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืนของภูมิภาค" (Partner for Sustainable Peace and Development) ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่มุ่งสร้างสมดุลระหว่าง “ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความเป็นธรรมทางสังคม และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม”


สาระสำคัญของการประชุมและบทบาทของรัฐบาลไทย

ภารกิจของนายกรัฐมนตรีไทยในวันที่ 27 ตุลาคม 2568 (ตามเวลาท้องถิ่นกัวลาลัมเปอร์) ครอบคลุมการประชุมสำคัญ 5 วงหลัก ได้แก่

  1. การประชุมสุดยอดอาเซียน–สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 26
    ไทยในฐานะผู้ประสานงานความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและเกาหลีใต้ ได้เน้นย้ำการขับเคลื่อน หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม (Comprehensive Strategic Partnership: CSP) โดยเน้นประเด็น “เศรษฐกิจดิจิทัล นวัตกรรมสีเขียว และการพัฒนาที่ยั่งยืน” ซึ่งเป็นแกนหลักของเศรษฐกิจพอเพียงในด้าน “ความมีเหตุผล” และ “ภูมิคุ้มกัน”

  2. การประชุมอาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three: APT)
    ไทยมีบทบาทในการแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับภัยพิบัติ ความมั่นคงด้านอาหาร และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเน้นแนวทางการพึ่งพาตนเองและความร่วมมือในภูมิภาค ซึ่งสะท้อนหลัก “พอประมาณ” และ “ความร่วมมือบนพื้นฐานของความเข้าใจซึ่งกันและกัน”

  3. การประชุมสุดยอดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)
    ไทยผลักดันให้การค้าเสรีเกิดผลเชิงรูปธรรมต่อภาคธุรกิจและประชาชน โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและผลกระทบทางสังคม เป็นการใช้หลัก “มีเหตุผลและสร้างภูมิคุ้มกัน” ของเศรษฐกิจพอเพียงในระดับนโยบายการค้า

  4. การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit: EAS)
    ไทยยืนยันจุดยืนในการสร้าง “สันติภาพ เสถียรภาพ และความสมดุลของภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก” อันเป็นการต่อยอดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงในระดับภูมิภาค ที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางจิตใจ สังคม และความร่วมมือเพื่อสันติภาพร่วมกัน

  5. การประชุมสุดยอดอาเซียน–สหประชาชาติ ครั้งที่ 15
    นายกรัฐมนตรีไทยเน้นการเสริมสร้างความร่วมมือด้าน “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ซึ่งตรงกับเป้าหมายขององค์การสหประชาชาติ (UN SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 16 “สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง” ซึ่งมีความสัมพันธ์โดยตรงกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล


การวิเคราะห์เชิงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

แนวทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลไทยภายใต้การประชุมอาเซียนครั้งนี้ สามารถวิเคราะห์ได้ว่า เป็นการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในระดับระหว่างประเทศใน 3 มิติหลัก ได้แก่

  1. มิติของความพอประมาณ (Moderation)
    ไทยดำเนินบทบาทในเวทีอาเซียนอย่างพอดี ไม่แข่งขันหรือขัดแย้งกับประเทศใด แต่เน้นการร่วมมือเพื่อสร้างดุลยภาพระหว่างผลประโยชน์ของชาติและภูมิภาค ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิด “การอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติ”

  2. มิติของความมีเหตุผล (Reasonableness)
    การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและนวัตกรรมสีเขียว แสดงให้เห็นถึงการใช้เหตุผลในการพัฒนา โดยคำนึงถึงผลกระทบระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน

  3. มิติของภูมิคุ้มกัน (Resilience)
    ไทยผลักดันประเด็นความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน และเศรษฐกิจในภูมิภาค ซึ่งเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในระดับอาเซียน เพื่อลดความเปราะบางต่อวิกฤติระดับโลก เช่น ภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ “คุณธรรม” และ “ความรู้” ซึ่งเป็นเงื่อนไขของเศรษฐกิจพอเพียง ยังปรากฏในแนวทางของรัฐบาลไทยที่มุ่งพัฒนาอย่างมีจริยธรรมและใช้ข้อมูลเชิงวิชาการประกอบการตัดสินใจทางนโยบาย


บทสรุปและข้อเสนอแนะ

การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 เป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนบทบาทเชิงรุกของรัฐบาลไทยในการขับเคลื่อนสันติภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การดำเนินนโยบายของไทยในครั้งนี้ไม่เพียงส่งเสริมเศรษฐกิจและเทคโนโลยี แต่ยังคำนึงถึง “ความมั่นคงของมนุษย์” และ “ความยั่งยืนของสังคม”

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การสร้างสันติภาพยั่งยืนเกิดผลจริง ควรเสริมสร้าง กลไกความร่วมมือเชิงประชาชน (People-to-People Cooperation) และ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านพอเพียงในระดับภูมิภาค เพื่อให้แนวคิดนี้ขยายผลจากระดับนโยบายสู่ระดับชุมชน

กล่าวโดยสรุป รัฐบาลไทยได้ใช้เวทีอาเซียนครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการ “แปลงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่การทูตสันติภาพ” (Sufficiency Diplomacy) เพื่อสร้างภูมิภาคที่มั่นคง สมดุล และยั่งยืนอย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...